กรมชลฯ เล็งสร้างเขื่อนเพิ่มอีก 2 ที่ชลบุรี-ปราจีนบุรี
ก.เกษตรฯเผยปี 53 แล้งสุดในรอบ 18ปี น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ยังน่าห่วง เตรียมเร่งสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำเพิ่มอีก หลังพบอุปสรรครอบ10ปีสร้างได้แค่ 3แห่ง
นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าววันนี้ (10 มิ.ย.) ถึงสถานการณ์น้ำในขณะนี้ว่า แล้งที่มากที่สุดในรอบ 18ปี ปริมาณน้ำฝนที่สามารถเก็บกักได้ลดลงเหลือเพียง 7 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร จากปริมาณน้ำน้ำที่เคยมีกว่า 2 แสนล้านลูกบาศก์เมตร หรือเพียงแค่ 1 ใน 3 เท่านั้น ส่งผลให้อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางมีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 34,531 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 47 ของความจุอ่างฯ ทั้งหมด
สำหรับปริมาณน้ำในเขื่อนต่างๆ ในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา ไม่ว่าจะเป็นเขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ 4,217 ล้านลูกบาศก์เมตรคิดเป็นร้อยละ 31 ของความจุอ่างฯทั้งหมด เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ 3,374 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 35ของความจุอ่างฯทั้งหมด เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลกมีปริมาตรน้ำในอ่างฯ 127 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 17ของความจุอ่างฯทั้งหมด และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรีมีปริมาตรน้ำในอ่างฯ 88 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 9ของความจุอ่างฯทั้งหมด
รมว.เกษตรฯ กล่าวอีกว่า สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำส่วนใหญ่ยังคงมีปริมาณน้ำลดลง สำหรับในพื้นที่ภาคตะวันออก ซึ่งเป็นเขตอุตสาหกรรมหลักของประเทศนั้น ในพื้นที่จ.ชลบุรี สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำที่สำคัญ 7 แห่งมีปริมาตรน้ำรวมกันทั้งสิ้น 74.9 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 42ของความจุอ่างฯทั้งหมด ส่วนในเขตพื้นที่จ.ระยองปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำที่สำคัญ 4 แห่งรวมกันมีปริมาตรน้ำทั้งสิ้น 321.8ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 61 ของความจุอ่างฯทั้งหมดสถานการณ์น้ำในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เนื่องจากปริมาณน้ำที่มีอยู่กรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้วางแผนและจัดสรรน้ำไว้อย่างเพียงพอสำหรับทุกกิจกรรมการใช้น้ำ
ด้านนายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ภาวะภัยแล้งทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำ แต่ที่ผ่านมารัฐบาลได้เร่งพยายามแก้ปัญหา โดยการจัดทำฝนหลวงการแจ้งเตือนและจัดทำมาตรการจัดทำระบบการปลูกข้าวใหม่ รวมถึงยังเร่งดำเนินการที่จะสร้างอ่างเก็บน้ำเพื่อกักเก็บน้ำในการอุปโภค-บริโภคและรักษาระบบนิเวศน์ในลำน้ำอย่างต่อเนื่อง แต่ยังพบอุปสรรคด้านผลกระทบต่างๆ ทำให้การพัฒนาจัดหาแหล่งน้ำไม่สามารถพัฒนาได้เท่าที่ควร
ทั้งนี้ ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา สามารถดำเนินโครงการเขื่อนขนาดใหญ่แค่ 3 แห่ง คือ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี เขื่อนคลองท่าด่าน และเขื่อนแควน้อย ซึ่งล้วนเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ดังนั้น ในเร็วๆ นี้ กรมชลประทานจะเร่งจัดทำโครงการสร้างเขื่อนเพิ่มอีก 2 แห่งคือเขื่อนคลองหลวง จังหวัดชลบุรี ซึ่งตาม แผนงานดำเนินงานโครงการระยะเวลา 7 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553-2559 โดยผลประโยชน์ของโครงการพื้นที่เพาะปลูกข้าวในฤดูฝน 44,000 ไร่ พื้นที่เพาะปลูกข้าวในฤดูแล้ง6,000 ไร่ พื้นที่เพาะปลูกพืชไร่ในฤดูแล้ง 2,500 ไร่ส่งน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค และการอุตสาหกรรม 11.90ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี และเขื่อนห้วยโสมงจังหวัดปราจีนบุรีมีความจุในระดับเก็บกัก 295 ล้านลูกบาศก์เมตรคาดว่าจะช่วยบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำปราจีนบุรี และลุ่มน้ำบางปะกงตอนบน ที่เกิดขึ้นทุกปีและส่งน้ำเพื่อการเกษตรในเขตชลประทานได้ตลอดทั้งปีครอบคลุมพื้นที่กว่า111,300 ไร่ ในเขตอำเภอนาดี และอำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี