นายกฯ ปรับบทบาทองค์การอิสระ แก้ปัญหามาบตาพุดให้เกิดความสมดุล
เผยรัฐบาลต้องการเห็นองค์การอิสระที่เกิดขึ้นในการแก้ปัญหามาบตาพุดเป็นที่ยอมรับและเชื่อถือได้ หวั่นการแก้ปัญหาในเรื่องมวลชนและสิ่งแวดล้อมกับอุตสาหกรรมจะไม่สำเร็จ
วันนี้ (16 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ว่า ได้มีการพูดคุยกับเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว มุมมองอาจจะแตกต่างกันคือ เมื่อส่งร่างกฎหมายไปที่สำนักคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจนั้น ค่อนข้างไปยึดกับข้อความในรัฐธรรมนูญ ในขณะที่ข้อเสนอของคณะกรรมการ 4 ฝ่าย ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบไปจะให้บทบาทองค์การอิสระมากกว่าที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญอย่างเดียว
"พูดง่าย ๆ ก็คือว่าให้สามารถทำงานในการช่วยให้เกิดความสมดุลได้ ก็ได้ขอทางเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีให้เข้าใจว่า ในส่วนของรัฐบาลต้องการจะเห็นองค์การที่เกิดขึ้นแล้วเป็นที่ยอมรับเป็นที่เชื่อถือ เพราะฉะนั้นการแก้ปัญหาในเรื่องของมวลชนกับสิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรมจะไม่สำเร็จ ซึ่งท่านก็จะไปสื่อสารกับทางคณะกรรมการ และถ้าคณะกรรมการเห็นว่ามีข้อสังเกตอะไร ที่อาจจะในเชิงกฎหมายเห็นว่าเกินเลยไปกว่าที่รัฐธรรมนูญกำหนด ก็จะทำบันทึกเป็นข้อสังเกตกลับมาให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา ได้คุยกันในกรอบตรงนี้" นายกรัฐมนตรี กล่าว
ต่อข้อถามว่า ได้มีการสั่งการอะไรกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในเรื่องของประชาพิจารณ์ เพราะดูเหมือนจะไม่ค่อยให้ความร่วมมือ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (15 ก.พ.) ได้ไปพบกับกรรมการ 4 ฝ่าย ซึ่งปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ อยู่ด้วย และได้ซักซ้อมความเข้าใจกันแล้วว่า อยากให้ทุกฝ่ายทำงานไปในทิศทางเดียวกัน และไม่ให้มีปัญหากันก็ดูเหมือนว่าน่าจะเรียบร้อย เพราะบรรยากาศตอนที่ตนไปก็เป็นไปด้วยดี ทั้งในส่วนของกรรมการ 4 ฝ่าย และในส่วนของกระทรวงเอง
เมื่อถามว่า สาเหตุที่ไปเพราะเกิดความขัดแย้งกันหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สาเหตุที่ไปเพราะความเห็นบางประเด็นไม่ตรงกันและมีความสับสนอยู่ในบางเรื่องซึ่งอยากจะให้มีความชัดเจน ว่าจริง ๆ แล้วรัฐบาลคิดอย่างไร
"ผมไปเพื่ออธิบายให้ทราบว่า หลักคิดในเรื่องของการแก้ปัญหาทั้งหมด รวมทั้งปัญหาในเรื่องของการจัดทำบัญชีรายชื่อกิจการนั้นควรจะคำนึงถึงอะไรบ้าง ก็ได้มีการแลกเปลี่ยนกันตรงไปตรงมา" นายรัฐมนตรี กล่าว