“ม.ร.ว. อคิน” ห่วงปัญหาที่ดิน ไม่รีบแก้ ประเทศลุกเป็นไฟ
ชี้ทำพิมพ์เขียว หรือแก้ไขกฏหมายจะช่วยแก้ไขได้แค่บางอย่าง มองเล่ห์เหลี่ยมราชการ นายทุน เกิดขึ้นตลอดเวลา ทางออกคือ ประชาชนต้องช่วยปกป้องสิทธิกันและกัน
วันนี้(28 มิ.ย.) เวลา 9.00 น. ดร.ม.ร.ว.อคิน รพีพัฒน์ ประธานมูลนิธิชุมชนไท และนักพัฒนาอาวุโส บรรยายพิเศษเรื่อง “ปัญหาที่ดินกับทิศทางปฏิรูปประเทศไทย” ในเวทีสาธารณะ ปฏิรูปประเทศไทย “สภาประชาชน เดินหน้าแก้ปัญหาที่ดิน” จัดโดย มูลนิธิชุมชนไท ณ ห้องประชุม LT 1 (ห้องจี๊ด เศรษฐบุตร) คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กรุงเทพมหานคร มีเครือข่ายเกี่ยวข้องกว่า 40 เครือข่ายร่วมรับฟังและร่วมนำเสนอปัญหาที่ดินทำกิน
ดร.ม.ร.ว.อคิน กล่าวถึงปัญหาที่ดินเป็นปัญหาที่ใหญ่ ซับซ้อน และสำคัญที่สุด ส่งผลกระทบคนต่อคนกว่าล้านคน จากความไม่เป็นธรรมในการถือครองที่ดิน ซึ่งหากไม่มีการรีบแก้ปัญหา ประเทศไทยอาจต้องลุกเป็นไฟ ดูได้จากการออกมาเรียกร้องและประท้วงต่อการปฏิบัติเกี่ยวกับที่ดิน ที่ลุกลามเป็นถึงปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำ เกิดความไม่เท่าเทียม ไม่เป็นธรรมด้วย
“ปัญหาที่ดิน แสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นธรรม มากกว่ารายได้ ที่เกิดจากความมักง่าย ประมาท และการปฏิบัติอย่างเถรตรง ไม่ยืดหยุ่น ของราชการ ตลอดจนการปฏิบัติที่มีเล่ห์เหลี่ยม คอรัปชั่น นับตั้งแต่ การประกาศอุทยานทับพื้นที่ดินทำกิน การขับไล่พี่น้องชาวชุมชน ออกจากที่อยู่อาศัย รวมทั้งนายทุนออกโฉนดทับชุมชน ซึ่งต้นเหตุความจริงส่วนหนึ่งมาจากการพัฒนาประเทศแบบทุนนิยม ที่ต้องการให้ประเทศก้าวไปสู่ความร่ำรวย”
ประธานมูลนิธิชุมชนไท กล่าวต่อว่า ในหลายแห่งที่ถูกประกาศจากอุทยานทับซ้อนพื้นที่และกลุ่มนายทุนออกโฉนดซ้อน เกิดมาจากได้ความช่วยเหลือจากทางราชการ ที่มีการคอรัปชั่น และเมื่อคดีถึงชั้นศาล ศาลจะพิจารณามุ่งที่เอกสารสิทธิ์เสียมาก แม้เอกสารออกมาโดยมิชอบ ซึ่งผลมาจากกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยลอกแบบต่างชาติ แต่ลืมคำนึงว่าการออกแบบเอกสารสิทธิ์ในต่างชาตินั้น ไม่มีการโกง ศาลจึงสามารถพิจารณาตีความยึดเอกสารได้ แต่เมืองไทย ความทุจริตคอรัปชั่นมีอยู่ทั่วไป ทำให้ผลที่ออกมา ชาวบ้านต้องสูญเสียสิทธิการถือครองที่ดินดั้งเดิม และส่งผลระยะยาวเรื่องการจัดการที่ดินทำกิน
“ปัญหาที่ดินมีความซับซ้อนมาก เกี่ยวข้องกับคนหลายพวก หลายกลุ่ม หลายหน่วยงาน ทั้งนายทุน นักการเมือง ราชการ ดังนั้น หากจะแก้ ต้องเน้นทุกเรื่อง โดยเฉพาะการคอรัปชั่นจากผู้มีอิทธิพล ซึ่งจากที่รัฐบาลประกาศว่าจะแก้ไขนั้น คงไม่สำเร็จ แต่คนที่จะมีพลังผลักดันมากที่สุด คือประชาชน ที่เผชิญกับปัญหา ควรจะแก้เองและร่วมกันพิจารณาช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เสนอเรื่องที่ควรแก้ไข เพื่อให้เกิดการปฏิรูปประเทศ ซึ่งจะแก้ได้ง่ายกว่าการรอการพึ่งพึงรัฐบาล โดยสิ่งจำเป็น คือ การมีสภาประชาชน ที่จะช่วยเป็นปากเสียงให้กับประชาชนที่ไม่ได้รับความไม่เป็นธรรม ร่วมมือเครือข่ายของชุมชนที่ประสบปัญหา และช่วยกันหาวิธีแก้ไข ใช้สภาฯเป็นศูนย์รวม ส่งเรื่องให้รัฐบาล จะชัดเจนมากที่สุด”
ม.ร.ว อคิน กล่าวอีกว่า การแก้ปัญหาที่ดิน หากจะเขียนออกมาเป็นข้อๆ หรือทำพิมพ์เขียวออกกฎหมายแก้ไขนั้น จะช่วยแก้ไขได้บางอย่างเท่านั้น เพราะอาจจะมีเล่ห์เหลี่ยมใหม่เกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้น สิ่งที่ดีที่สุด คือ การเกิดสภาประชาชนนั้นต้องอยู่ เพื่อคอยรับฟังปัญหาและช่วยหาแนวทางแก้ไขของชาวบ้าน และคอยผลักดัน ให้ชาวบ้านได้ร่วมคิด ร่วมทำ อย่างเป็นเหตุเป็นผล เพราะขณะนี้ชาวบ้านชอบรวมกันประท้วง บางครั้งอาจสำเร็จ แต่อาจเกิดลุกลาม นองเลือด ซึ่งหากเรามีสภาประชาชน จะสามารถพูดคุยได้ง่าย อาศัยพลังรวมกัน สำเร็จมากกว่าการประท้วง
“ปัญหาต่างๆจะคอยให้รัฐบาลหรือผู้ใหญ่มาแก้ไม่ได้ ปัญหาที่เผชิญ ทุกคนต้องร่วมกัน ต่อสู้ เสนอแบบแก้ไขเอง เพราะเป็นหน้าที่ที่ต้องช่วยกัน ผู้ที่ประสบปัญหาต้องช่วยกันออกความเห็น จะสามารถต่อรองกับนายทุนได้ แต่ไม่ใช่สิ่งที่ทำครั้งเดียวเสร็จ ต้องดำเนินไปเรื่อย เพียงทุกคนช่วยปกป้องสิทธิของกันและกัน เป็นสิ่งสำคัญที่สุด”