พล.ต.อ.วสิษฐ เผยปฏิรูปตำรวจรอบ2 สานต่องานเดิมจากครั้งแรก
ระบุปฏิรูปตร.รอบแรกงานเสร็จดีกว่า 80% รับหน้าที่รบ.อภิสิทธิ์ เน้นต่อยอดงานเดิม เชื่ออีก 2 วัน ได้เห็นรายชื่อกก.ปฏิรูป
พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ กล่าวถึงกรณีการปฏิรูปตำรวจภายหลังที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้เป็นแกนหลักดำเนินการเรื่องนี้ ว่า คณะการปฏิรูปตำรวจที่กำลังจะเกิดขึ้นในรอบนี้ จะเป็นการสานต่องานเดิมของคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจในสมัยพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากคณะทำงานในครั้งแรกนั้นถือประสบความสำเร็จและมีความคืบหน้าในเนื้องานด้านกระบวนการตำรวจอย่างน้อยร้อยละ 80 ซึ่งครั้งนี้จะเป็นการสานต่องานเดิมเสียเป็นส่วนใหญ่
ส่วนความคืบหน้าการแต่งตั้งคณะกรรมการอย่างเป็นทางการนั้น พล.ต.อ.วสิษฐ กล่าวว่า ต้องรออีกระยะหนึ่ง ทั้งนี้จะพยายามเลือกสรรบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ และมีประสบการณ์เพียงพอมาร่วมเป็นกรรมการ คาดว่าการแต่งตั้งคณะทำงานในคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจชุดนี้จะมีจำนวนน้อย กว่าชุดแรกที่มี 100 คน
เมื่อถามว่าทำไมตำรวจไทยในปัจจุบันไม่ค่อยยอมทำตามคำสั่งบังคับบัญชาของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต่างจากสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ กล่าวว่า ดูบริบทสถานการณ์ขณะนี้ต่างกัน ในสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ สามารถควบคุมการทำงานของตำรวจได้เนื่องจากรัฐบาลมีเสถียรภาพ แต่ในช่วงปี 2552-2553 เสถียรภาพของรัฐบาลมีลักษณะลูกผีลูกคน ตรงนี้จึงเป็นเหตุผลทำให้การควบคุม หรือการทำตามคำสั่งนั้นต่างกัน
ขณะที่การปฏิบัติหน้าที่ในภาพรวมของเจ้าหน้าที่ตำรวจในช่วงที่ผ่านมา พล.ต.อ.วสิษฐ กล่าวว่า ตำรวจมักถูกใช้ และเต็มใจยอมให้ถูกใช้ ตั้งตัวเป็นศาลเตี้ยในการดำเนินการเด็ดขาดต่างๆ กับประชาชน ตามการบังคับบัญชาสั่งการของระดับบนมากกว่าการปฏิบัติตามกระบวนการศาลยุติธรรม ซึ่งจุดนี้ได้สะท้อนปัญหาบางอย่างออกมา
“รากของปัญหามาจากผลที่ระบบตำรวจถูกทำลายถูกปู้ยี่้ปู้ยำ ไม่ได้ถูกขัดเกลาปลูกฝังว่า หน้าที่สำคัญกว่า คำสั่ง” พล.ต.อ.วสิษฐ กล่าว และว่า ในสมัยรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ เคยเสนอให้จัดมีการจัดตั้งองค์กรอิสระเพื่อรับเรื่องราวร้องทุกข์จากการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่สำเร็จ โดนต่อต้านจากทั้งนักการเมืองและตำรวจบางพวก
เมื่อถาม ถึงการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ตำรวจ รวมถึงการปฏิรูปประเทศไทย พล.ต.อ.วสิษฐ กล่าวว่า การปฏิรูปทุกอย่างนั้นต้องเริ่มต้นที่ตัวคน ที่ตนเอง เป็นเรื่องที่คนทั้งประเทศต้องแก้ร่วมกัน วันนี้คนไทยไม่สร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง ยาที่ดีที่สุด คือ ศีล หากคนไทย หรือชาวพุทธ ถือศีลให้ครบ 5 ข้อ ซึ่งเป็นความต้องการขั้นต่ำ เราแทบไม่ต้องคิดเรื่องปฏิรูปประเทศกันเลย เช่น หากถือศีลข้อ 2 คอรัปชั่นก็จะไม่เกิด ปัญหาก็จะไม่มี ฯลฯ