ทวงถาม “สิทธิหลังไฟมอด” จี้เลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เร่งไขความจริงให้กระจ่าง
“สส.พท.” จี้เลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต้นเหตุละเมิดสิทธิมนุษยชน พร้อมเร่งไขความจริงให้กระจ่าง ห่วง “ไฟในใจคนยังไม่ดับ” ด้านอดีตรองปธ.วุฒิสภา ย้ำนึกถึงสิทธิคนสิ้นเนื้อประดาตัวเพราะพิษม็อบด้วย
เมื่อเร็วๆ นี้ ดร.พีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.พรรคเพื่อไทย จังหวัดยโสธร กล่าวในเวทีเสวนา “สิทธิหลังไฟมอด” จัดโดยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ถึงการที่รัฐบาลยังคงประกาศใช้พระราชกำหนด(พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพอยู่นั้นจะทำให้การละเมิดสิทธิมนุษยนชนแรงขึ้น เนื่องจากมีคนจำนวนมากที่ต้องถูกตั้งข้อกล่าวหาจากกฎหมายนี้ และผู้เข้าข่ายต้องสงสัยก็สามารถถูกจับกุมได้
ดร.พีรพันธุ์ กล่าวว่า การชุมนุมต้องมีกฎหมายเฉพาะ แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายการชุมนุมในที่สาธารณะฉบับตำรวจ ซึ่งควรให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ดูแลมากกว่า
“วันนี้สถานการณ์สงบลงแล้ว ไฟมันมอดจริง แต่ไฟในใจคนยังไม่มอด ขณะที่สิทธิที่ถูกละเมิดนั้นมากขึ้นไม่ได้มอดตามไฟ รัฐบาลเคยพูดว่าจะแยกผู้บริสุทธิ์ออกจากเหตุการณ์ จะให้เหลือเพียงผู้ที่ก่อการชุมนุมจริงๆ ถามว่า แยกได้แล้วหรือไม่ ซึ่งหากอยากจะเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูจริงๆ ควรยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน และเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมปกติ อีกทั้งควรรีบหาทางปรองดองมิเช่นนั้นความรุนแรงจะเกิดขึ้นอีก” ดร.พีรพันธุ์ กล่าว
สำหรับกรณีการตั้งคณะกรรมการอิสระตรวจสอบข้อเท็จจริงการสลายการชุมนุมนั้น ดร.พีรพันธุ์ กล่าวว่า ควรพึ่งกลไกที่มีอยู่ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ เช่น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ไม่จำเป็นต้องพึ่งกรรมการชุดอื่นเพิ่มอีก เมื่อมีคณะกรรมการฯแล้ว ก็ควรจะหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสอบสวนเกี่ยวกับผลของการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นจากการใช้กฎหมายความมั่นคงและประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ส่วนนายพิเชษฐ พัฒนโชติ อดีตรองประธานวุฒิสภา กล่าวว่า บาดแผลวันนี้ลึกกว่าความชอบธรรมที่ผู้ชุมนุมบอกว่ามาชุมนุม มาเรียกร้องอะไรบางอย่างแล้ว อยากให้นึกถึงสิทธิของคนที่ต้องเสียชีวิต เสียอนาคต สิ้นเนื้อประดาตัว หรือปัญหาครอบครัวที่เกิดขึ้นของคนที่สูญเสียคนในครอบครัวไปจากเหตุการณ์นี้ด้วย
“การเรียกร้องเพื่อสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม เรียกร้องเพื่อสิ่งที่ควรได้รับสิทธิอันชอบธรรมเหล่านี้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่การเรียกร้องเพื่อให้ใครคนใดคนหนึ่งกลับมามีอำนาจอีกครั้งนั้นน่าคิด” นายพิเชษฐ กล่าว
ด้านนางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า ปัญหาของผู้ชุมนุมขณะนี้ยังไม่ถูกพูดถึงเลยบนเวที มีกี่คนที่ทำเรื่องนี้จริงๆ ยังคงเป็นเพียงวาทกรรม ฉะนั้นรัฐบาลต้องเร่งเยียวยาทุกฝ่ายอย่างรวดเร็วและเป็นธรรม
“ขณะนี้ทุกฝ่ายก็ล้วนมีอนุสาวรีย์ความเสียหายที่เกิดขึ้น พ่อค้า แม่ค้า ญาติผู้สูญเสียชีวิต ความเสียหายหลังไฟไหม้มีมากมายมหาศาล จึงอยากเห็นว่า เราจะเดินหน้าต่อไปกันอย่างไร สิ่งนี้เป็นโจทย์ใหญ่ของสังคมไทย วันนี้เมืองไทยแทบจะหาคนกลางไม่ได้ ฉะนั้นต้องทำทุกข้อกังขาเปิดให้ความจริงปรากฎให้ได้ เราต้องฟังความจริงจากทุกฝ่าย โดยไม่มีอคติ” เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าว