16 องค์กรยื่นหนังสือถึงรบ.ใช้สันติวิธี-เจรจานำประเทศออกจากวิกฤติ
พร้อมยื่นข้อเสนอ ขอให้ทั้งสองฝ่ายถอยคนละก้าว หยุดการนำเสนอข้อมูลที่เป็นด้านเดียว และขอให้ทหารอย่าทำรัฐประหารอีก พรุ่งนี้เดินสายไปหารือกับสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ ในการนำเสนอข่าวในภาวะวิกฤติการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (19 เม.ย.) เมื่อเวลา 15.30 น. ณ กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ตัวแทนกลุ่มองค์กรภาคประชาชนจำนวน 16 องค์กร ประกอบด้วย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย, สำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล, สถาบันพระปกเกล้า, ศูนย์สันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล, คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป. อพช.), เครือข่ายหยุดทำร้ายประเทศไทย ทุกฝ่ายหยุดใช้ความรุนแรง, เครือข่ายสันติวิธี, กลุ่มประชาชนผู้ไม่เอาสงครามกลางเมือง, กลุ่มนักวิชาการประชาธิปไตยเห็นต่างกันได้ แต่อย่าใช้ความรุนแรง, เครือข่ายจิตอาสา, คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35, เครือข่ายพุทธิกา, กลุ่มนักศึกษาใส่ใจไทย, องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (อมธ.), กลุ่มเยาวชนศึกษาสันติวิธี, ศูนย์อาสาสมัคร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ มูลนิธิชุมชนไท
นำโดย พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า น.ส.สารี อ๋องสมหวัง ได้ยื่นหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ผ่านนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อขอร้องทุกฝ่ายให้ช่วยกันเปลี่ยนเส้นทางของประเทศไทยที่กำลังเดินหน้าไปสู่หายนะ โดยใช้ “สันติวิธี” และ “การเจรจา” ในการแก้ปัญหาและนำพาประเทศไทยออกจากวิกฤติ
พร้อมทั้งเสนอแนวทาง 5 ข้อ ดังนี้ 1. ขอให้การสูญเสียเลือดเนื้อและชีวิตเมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมาเป็นบทเรียนแก่ทุกฝ่ายว่าความรุนแรงไม่ใช่หนทางที่จะพาประเทศไทยออกจากวิกฤติได้ 2. ขอให้ทั้งสองฝ่ายถอยคนละก้าว เพื่อเปลี่ยนเส้นทางที่กำลังพาประเทศไทยมุ่งหน้าไปสู่การแตกหักและความพังพินาศของทุกฝ่าย มาใช้ “สันติวิธี” ในการแก้ปัญหา 3. ขอให้ทุกฝ่ายใช้วิธีการเจรจาและการประนีประนอมกันในการแก้ปัญหา 4. ขอให้ทุกฝ่ายหยุดการนำเสนอข้อมูลที่เป็นด้านเดียว และ 5. ขอให้ทหารอย่าทำรัฐประหารอีก เพราะจะยิ่งทำให้ประเทศไทยยิ่งถลำลึกลงไปในวิกฤตการณ์ยิ่งขึ้น
ทั้งนี้มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (20 เม.ย.) กลุ่มองค์กรภาคประชาชน 16 องค์กร จะได้เดินทางไปยื่นหนังสือและขอหารือกับสถานีโทรทัศน์ต่างๆ ในการนำเสนอข่าวในภาวะวิกฤติการเมือง