แก้วิกฤติชาติ ปฏิรูปกระบวนการยธ. เรื่องใหญ่ไม่แพ้เรื่องความเป็นธรรม
ศ.ดร.คณิต ยันสังคมไทยละเลยกระบวนการยุติธรรมโดยสิ้นเชิง ดูได้จากการแก้ไขกม.ที่ผ่านมา แก้เฉพาะกม.สารบัญญัติ เพิ่มโทษ การคอร์รัปชั่นก็ให้มีโทษหนัก เกิดองค์กรต่างๆ ขึ้น แต่ก็ไม่สามารถจัดการอะไรได้
ศ.ดร.คณิต ณ นคร คณบดีคณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย กล่าวในเวทีประชุมปฏิรูปประเทศไทยเพื่อสุขภาวะของคนไทย ครั้งที่ 30 ที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ กรุงเทพมหานคร เมื่อเร็วๆ นี้ ถึงการเรียนวิชานิติศาสตร์ ว่า เป็นศาสตร์ที่มาจัดการกติกาของบ้านเมือง กรณีที่มีคนพูดการตัดสินคดีใช้หลักรัฐศาสตร์นั้น ไม่มี มีแต่หลักนิติศาสตร์ พร้อมกับตั้งคำถามว่า เราเข้าใจหลักนิติศาสตร์ลึกซึ้งพอหรือไม่ บางครั้งเข้าใจไม่ลึกซึ้งพอยังบิดเบือนอีก
“เรื่อง Law enforcement ของเราแย่ บ้านเราบูชาคนไม่ได้บูชาหลัก มีหลายเรื่องที่ในนิติศาสตร์ยังเข้าใจไม่ลึกซึ้งพอ ยกตัวอย่าง กรณีความผิดหมิ่นประมาท พูดหมิ่นในกรุงเทพฯ แต่เวลามีการแจ้งความร้องทุกข์ ไปแจ้งความที่จังหวัดภาคใต้ หรือในหลายๆ จังหวัด อีกกรณีการออกหมายจับ พูดเหตุเกิดในกรุงเทพฯ ศาลต่างจังหวัด ออกหมายจับ ความจริงตามหลักกฎหมาย ที่เกิดเหตุ เป็นที่หลัก การไปดำเนินดดีที่อื่นต้องจำเป็นและความสะดวก แต่เราไม่ดูกัน ซึ่งศาลมีโอกาสปฏิเสธไม่ออกหมายได้ ส่วนตำรวจแทนที่จะแนะนำให้มาดำเนินคดีที่กรุงเทพก็รับ เป็นต้น “
ศ.ดร.คณิต กล่าวด้วยว่า ขณะนี้การศึกษาวิชานิติศาสตร์ แย่มาก ถึงเวลาต้องมีการยกเครื่องกันครั้งใหญ่ เราดูแต่ตัวอักษร ดูแต่ฎีกา แต่ไม่เคยดูตัวอักษรที่เขียนมีอะไรอยู่เบื้องหลัง ทฤษฎี แนวคิด ทำให้การตัดสินดูเหมือนเป็น 2 มาตรฐาน ที่ประเทศญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นจะพูดเลยว่า การบังคับใช้กฎหมายที่มีประสิทธิภาพนั้น ทำให้เศรษฐกิจ และสังคมเขาดี แต่ของสังคมไทยละเลยต่อกระบวนการยุติธรรมโดยสิ้นเชิง
“การแก้ไขกฎหมายที่ผ่านมา ก็แก้เฉพาะกฏหมายสารบัญญัติ เพิ่มโทษกัน จาก 3 ปี 6 ปี ถึงประหารชีวิต หรือการเพิ่มโทษการคอร์รัปชั่นให้หนัก และเกิดองค์กรต่างๆ ขึ้นมา แต่ก็ไม่สามารถจัดการอะไรได้ ทั้งนี้ น่าจะต้องมาให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพของกระบวนการยุติธรรม ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ถือเป็นเรื่องใหญ่ไม่แพ้เรื่องความเป็นธรรม ต้องคิดกันเร่งด่วน และเชื่อว่า การปฏิรูปขับเคลื่อนโดยรัฐไม่มีทางเป็นไปได้”