จวกรัฐไม่กล้าหาญ ปล่อยปละละเลย จนการบังคับใช้กม.พิการ
ประธานศาลปกครองสูงสุด ย้ำชัดกฎหมายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับบ้านเมือง ต้องศักดิ์สิทธิ์ และมีผลใช้บังคับได้อย่างแท้จริง มองปัญหาการบังคับใช้กฎหมายที่เกิดขึ้น เกิดจากผู้ใช้กฎหมายปล่อยปละละเลย ทิ้งขว้าง ไม่ทำในสิ่งที่ควรทำ
วันนี้ (5 เม.ย.) ศ.ดร.อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ปาฐกถาในงานวันสัญญา ธรรมศักดิ์ ประจำปี 2553 ในหัวข้อเรื่อง “การบังคับใช้กฎหมายให้เกิดความยุติธรรมในสังคมไทย” ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โดยมองปัญหาการบังคับใช้กฎหมายที่เกิดขึ้นเกิดจากการปล่อยปละละเลย ผู้ใช้กฎหมายทิ้งขว้างไม่ทำให้ถูกต้อง ทำให้การบังคับใช้กฎหมายเลวร้ายหนักขึ้น
ศ.ดร.อักขราทร กล่าวว่า บ้านเมืองในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา มีปัญหาที่เกิดจากผู้คนในสังคมอย่างมากเมื่อเทียบกับอดีต และเหตุการณ์ในเมืองไทยครั้งนี้ นับว่ายังน้อยมาก หากนำไปเปรียบเทียบกับประวัติศาสตร์ของโลก ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในบ้านเราและทวีความเข้มข้นขึ้นนั้น ถ้าไปเกิดในประเทศอื่นๆ เขาจะแก้ไขปัญหาโดยการบังคับใช้กฎหมาย โดยไม่ปล่อยให้เรื่องต่างๆ ลุกลาม หรือปล่อยให้สถานการณ์แก้ไขโดยตัวของมันเองเหมือนอย่างบ้านเรา
“การบังคับใช้กฎหมายน่าคิดมากสำหรับเหตุการณ์ในบ้านเรา เมื่อผู้มีอำนาจรับผิดชอบกลับมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้กำลังใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ในเมื่อบ้านเรายังไม่มีกฎหมายว่าด้วยการดูแลการชุมนุมในที่สาธารณะ จึงพยายามอธิบายว่า รัฐไม่สามารถดูแลบ้านเมืองได้มาก รอจนกว่า โดยไม่รู้ว่า จนกว่าอะไร เมื่อไหร่ ทั้งๆ ที่กฎหมายเป็นฐานของทุกสิ่ง ซึ่งต้องเป็นเรื่องของความยุติธรรม เป็นไปเพื่อประโยชน์ของคนส่วนรวม ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง”
ประธานศาลปกครองสูงสุด กล่าวถึงการกล่าวอ้างไม่ได้รับความยุติธรรม มีการปฏิบัติหลายมาตรฐานนั้น คิดว่าไม่มีมาตรฐานมากกว่า การต่อสู้กันก็ต้องสามารถหาสิ่งที่จะสนับสนุนข้อกล่าวอ้างเพื่อประโยชน์ของฝ่ายตนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า คนส่วนใหญ่เห็นด้วยหรือไม่กับข้อกล่าวอ้างนั้นๆ ดังนั้นการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการบริหารประเทศ จึงเป็นหน้าที่ของผู้ใช้กฎหมาย แต่อาจเป็นไปได้ว่า ผู้ใช้กฎหมายอาจจะใช้กฎหมายไม่เป็น นึกว่า เป็นแค่ตัวหนังสือ เป็นเรื่องของศรีธนญชัย โดยไม่รู้ว่าจุดประสงค์จริงๆคืออะไร
“กฎหมายเป็นสิ่งจำเป็นของบ้านเมือง กฎหมายต้องศักดิ์สิทธิ์ และมีผลใช้บังคับได้อย่างแท้จริง ด้วยเป็นเรื่องของกฎเกณฑ์ความประพฤติของสังคม” ศ.ดร.อักขราทร กล่าว พร้อมยกคำของนักปราชญ์ ท่านหนึ่งที่ได้เปรียบเทียบให้เห็นว่า กฎหมายที่ไม่มีการบังคับใช้ ไม่ต่างอะไรกับระฆังไม่มีลูกตุ้ม
ศ.ดร.อักขราทร กล่าวอีกว่า เอกลักษณ์เฉพาะตัวของคนไทย ที่ชาติอื่นไม่มี เพื่อนฝูงเป็นเรื่องใหญ่ บางครั้งเลยเถิดเกิน จนไปกระทบสิทธิของคนอื่น คือสิ่งที่ทำให้กฎหมายบ้านเราไม่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งจะต้องได้รับการแก้ไข ขณะที่ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายที่เกิดขึ้น เกิดจากผู้ใช้กฎหมายปล่อยปละละเลย ทิ้งขว้าง ไม่ได้ทำให้ถูกต้อง ปล่อยจนในที่สุดปัญหาได้รับการแก้ไขโดยตัวของมันเองบ้าง เกิดเรื่องไม่น่าจะเกิดก็เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่น่าห่วง การปล่อยปละละเลยโดยไม่ทำในสิ่งที่ควรทำ ได้สร้างให้การบังคับใช้กฎหมายเลวร้ายยิ่งขึ้นไปอีก
ส่วนความเห็นของนักวิชาการที่ออกมาในพื้นที่ข่าวนั้น ศ.ดร.อักขราทร กล่าวว่า จะต้องได้รับการวิจารณ์ หรือได้รับการพูดจากันในวงการนักวิชาการด้วย โดยไม่ควรปล่อยให้นักวิชาการบางคนอาศัยพื้นที่ข่าวกำหนดความคิดเห็นของคน เพราะคนทั่วไปอาจไม่รู้ คิดว่าถูกต้องหรือไม่ถูกต้องก็ได้ ซึ่งต้องมีนักวิชาการที่เห็นแก่ความถูกต้องออกมาพูดด้วยเหตุด้วยผลเสมอ อย่าปล่อยให้เป็นไปตามที่มันเป็น
“ความยุติธรรมเป็นเรื่องของการสร้างจิตสำนึก ต้องบ่มเพาะอีกมากในสังคมยุคใหม่ มหาวิทยาลัย นักวิชาการต้องทำหน้าที่ชี้นำสังคมให้เดินทางไปทุกในทางที่ถูก ต้องบอกให้รู้ เหมือนกับสื่อมวลชน หากนำทุกอย่างที่คนพูดมาลงไว้ แล้วให้ประชาชนคิดเอง ก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง เพราะประชาชนมีหลายระดับ ดังนั้นต้องชี้นำสังคมควรบอกว่า อย่างไหนถูกเพราะอะไรด้วยเหตุด้วยผล”