ผนึกกำลังออกแถลงการณ์รวมพลังคนไทย “ไม่เอาความรุนแรง”
เครือข่ายหยุดทำร้ายประเทศไทย- หยุดใช้ความรุนแรง ผนึกองค์กรสื่อ-อปท.-ภาคประชาสังคม ออกแถลงการณ์หนุนคนไทยต้าน "ความรุนแรง” เสนอรบ.กับแกนนำผู้ชุมนุมต้องต่อสายตรงคุย อดทนอดกลั้น พร้อมวอนปชช.ติดตามข่าวสารอย่างมีสติ
วันนี้ (10 มี.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ถ.สามเสน กรุงเทพฯ เครือข่ายหยุดทำร้ายประเทศไทย- หยุดใช้ความรุนแรง ร่วมกับองค์กรภาคธุรกิจ องค์กรสื่อ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาสังคมร่วมแถลงการณ์แสดงเจตนารมณ์รวมพลังคนไทย “ไม่เอาความรุนแรง” โดยเรียกร้องให้ผู้ชุมนุมและภาครัฐพยายามหาทางเจรจาแก้ไขปัญหา พร้อมเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาด้วยการเชิญคนไทยร่วมรณรงค์แสดงพลังด้วยการสวม เสื้อขาว ติดริบบิ้นขาว ใช้สัญลักษณ์หรือข้อความต่างๆ ที่เป็นสันติวิธีสื่อถึงสันติภาพ เช่นการ ติดธงชาติหน้าบ้านหรือที่ทำงาน หรือการส่งข้อความ "ไม่เอาความรุนแรง" ผ่านยังช่องทางสื่อต่างๆ เพื่อให้ทุกฝ่ายตระหนักว่าอยู่ร่วมประเทศไทยเดียวกันเมื่อมีปัญหาต้องแก้ ด้วยการไม่ใช้ความรุนแรง ภายหลังการประกาศชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 14 มี.ค.นี้ที่คาดว่ามีโอกาสที่นำไปสู่สถานการณ์ความรุนแรงขึ้นได้
ทั้งนี้ เครือข่ายหยุดทำร้ายประเทศไทยได้ เรียกร้องต่อทุกฝ่ายให้ช่วยระงับยับยั้งความรุนแรง โดยเสนอแนวทาง ดังนี้ 1. ให้ทุกฝ่ายต้องไม่ใช้ความรุนแรงและอดทนต่อการยั่วยุต่างๆ รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงต้องเคารพ สิทธิการชุมนุมของประชาชนให้บังคับใช้กฎหมายควบคุมเท่าที่จำเป็น เจ้าหน้าที่ควบคุมการชุมนุมต้องปราศจากอาวุธใช้เฉพาะป้องกันตัว 2.ผู้ชุมนุมใช้สิทธิการชุมนุมได้ แต่ต้องไม่ใช้วิธีการที่เป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่นรวมถึงวิธี การที่อาจนำไปสู่การกระทบกระทั่งกับประชาชนด้วย เช่น ไม่ใช่วิธีการที่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน กรณีการปิดถนน
3.ประชาชนกลุ่มต่างๆ ที่มีจุดยืนหรือความเห็นทางการเมืองที่ต่างจากกลุ่มผู้ชุมนุมควรอดทนและอด กลั้น มีสติยับยั้งไม่ใช้ความรุนแรงตอบโต้การแก้ปัญหา และกลุ่มพลังเงียบซึ่งเป็นส่วนใหญ่ของสังคมต้องติดตามข่าวสารอย่างมีสติ อย่าหลงเชื่อข่าวสารที่อาจนำสู่การใช้ความรุนแรง โดยประชาชนไม่ควรให้ความร่วมมือแก่ฝ่ายใดที่ใช้ความรุนแรง และ4. รัฐบาลและแกนนำผู้ชุมนุมควรร่วมมือกันในการ ป้องกันไม่ให้มีความรุนแรงเกิดขึ้น ไม่ว่าจากฝ่ายใดก็ตาม โดยขอให้มีการต่อสายตรงถึงกันในการแก้ปัญหา
ด้านพล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า และผู้นำกล่าวแถลงการณ์ กล่าวว่า หากเราอยู่นิ่งโดยไม่ทำอะไรเลยก็ไม่เกิดประโยชน์ เพราะมีแต่เอื้อให้เกิดความรุนแรง ไม่ใช่สันติวิธี ซึ่งควรมารวมแสดงพลังเช่นนี้ให้มากขึ้น เพราะถือเป็นพัฒนาการทางการเมืองทางหนึ่ง
สถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นข้างหน้านั้น พล.อ.เอกชัย กล่าวว่า ถ้าทุกฝ่ายทำตามที่บอกไว้จะไม่ใช้ความรุนแรงก็เชื่อว่าจะไม่เกิดความรุนแรง แต่ขอให้ทุกฝ่ายระมัดระวังในเรื่องของมือที่3 ด้วย การรวมพลังแบบนี้เป็นสิ่งสำคัญเพราะจะทำให้ประเทศไทยเกิดสันติได้ เป็นการเรียนรู้เรื่องสันติวิธีร่วมกัน
ขณะที่ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า การประกาศการชุมนุมนี้มีแนวโน้มที่อาจนำไปสู่การเกิดความรุนแรงได้ โดย2 ปีที่ผ่านมา สังคมไทยสามารถช่วยกันประคับประคองเหตุการณ์ความขัดแย้งมาได้ หากครั้งนี้สังคมร่วมกันประคับประคองได้อีกครั้ง ใช้การรวมพลังระงับยับยั้งความรุนแรง ใช้วิธีการแสดงออกซึ่งสันติภาพให้สังคมไทย
"การพูดคุยเป็นแนวทางที่สำคัญที่สุดขณะนี้ และเมื่อทั้งสองฝ่าย ทั้งรัฐบาลและผู้ชุมนุมต่างอ้างจะไม่ใช้ความรุนแรงด้วยกัน จึงอยากให้มีการต่อสายตรงเพื่อเจรจากันด้วย โดยที่ทุกฝ่ายต้องเคารพซึ่งกันและกัน ทั้งผู้ชุมนุม รัฐ ดังนั้นจึงขอเชิญชวนคนไทยมาร่วมกัน เพราะเราไม่สามารถปฏิเสธอนาคตอันไม่พึงปรารถนาได้ และเชื่อว่าจะผ่านเหตุการณ์ไปได้อีกครั้ง"
ด้านนายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนว่า จะไม่เกิดปัญหาอะไรหากยึดหลักการนำเสนอข่าวที่เรียนมา สื่อไม่ควรตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายใด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่ผ่านมาตั้งแต่สมัยจอมพล ป. พิบูลสงครามแล้วที่สื่อตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มทุน ดังนั้น ฝ่ายต่างๆ ไม่ควรใช้สื่อเพื่อปลุกระดมให้เกิดความรุนแรง สื่อมวลชนไม่ควรนำเสนอข่าวในลักษณะเกิดการเหยียดหยาม ใช้ถ้อยคำรุนแรง โดยเฉพาะรายการเล่าข่าวในปัจจุบัน พิธีกรข่าวไม่ควรใส่ความคิดเห็นในลักษณะเยาะเย้ย ถากถาง หรือดูถูกเหยียดหยามฝ่ายใด
นายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ อดีตเลขาธิการสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขอร้องให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้าใจการทำหน้าที่ของผู้สื่อข่าวด้วยว่าต้องนำ เสนอความจริงไม่ว่าฝ่ายใดๆ แกนนำผู้ชุมนุมต้องสร้างความเข้าใจตรงนี้ให้กลุ่มผู้ชุมนุม ไม่ใช่เช่นที่ผ่านมา ที่เคยมีการประกาศว่าจะไม่รับรองความปลอดภัยของผู้สื่อข่าวที่เข้ามาทำ หน้าที่
นอกจากนี้เครือข่ายหยุดทำร้ายประเทศไทยจะมีการรวมตัวแสดง พลังเพื่อเดินขบวนเชิญชวนประชาชนร่วมรณรงค์ “ไม่เอาความรุนแรง” ในวันที่ 11 มี.ค. เวลา 14.30 น. ณ บริเวณด้านหน้าหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพ จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมแสดงพลังในการนี้ด้วย
สำหรับเครือข่ายหยุดทำร้ายประเทศไทยฯ ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, หอการค้าไทย, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย,สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ, สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย, สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ไทย, สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย, สภาผู้ประกอบวิชาชีพวิทยุและโทรทัศน์ไทย, สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย, สมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย,สมาคม อบต. แห่งประเทศไทย, สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย
เครือข่ายนักวิชาการไม่เอาความรุนแรง, คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน, สำนักงานสภาพัฒนาการเมือง สถาบันการเรียนรู้และพัฒนาประชาสังคม, กลุ่มประชาชนผู้ไม่เอาสงครามกลางเมือง, คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35, สมาคมผู้ดูแลเว็บไทย, ชมรมแพทย์ผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์เพื่อประชาชน, เครือข่ายประชาธิปไตยเห็นต่างกันได้แต่อย่าใช้ความรุนแรง, สถาบันพระปกเกล้า, สำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า และเครือข่ายผู้หญิงเพื่อความก้าวหน้าและสันติภาพ