พอช.เฟ้น 11 จังหวัดนำร่องเคลื่อนไหวภาคประชาชนกับท้องถิ่น
ผช.ผอ.พอช.เผยคัดไว้ 22 จังหวัด ก่อนกลั่นกรองเหลือ 11 จังหวัด เชื่อได้คุณภาพจริงและเห็นผลรูปธรรมชัด เล็งต้นเดือน มี.ค.แล้วเสร็จ นำเสนอคณะกรรมการปฏิรูปได้
สำหรับหลักในการพิจารณาความพร้อมของแต่ละพื้นที่ ผู้ช่วย ผอ.พอช. กล่าวว่า จะดูที่ศักยภาพของขบวนองค์กรชุมชน โดยเฉพาะที่มีการเคลื่ออนไหวแสดงความเป็นเจ้าของพื้นที่ ส่วนปัจจัยอื่นๆ อาทิ ประชาสังคมเข้มแข็ง เช่น น่านหรือเชียงใหม่ หรืออาจจะเป็นจังหวัดเล็กๆที่มีการเคลื่อนตัวด้านวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม เช่น แม่ฮ่องสอน สรุปคือวิเคราะห์จากต้นทุนเดิมที่แต่ละจังหวัดแต่ละพื้นที่มีอยู่ ทั้งนี้บทบาทหลักของจังหวัดนำร่องคือการขึ้นรูปขบวน มีการสร้างทีมทำงานเพื่อเดินเครื่องปฏิรูป และมีการวิเคราะห์ประเด็นปัญหาและทิศทางโดยให้น้ำหนักแตกต่างกันไปตามบริบทพื้นที่ เช่น ระยองเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมเคมี ขณะที่นครปฐมเป็นอุตสาหกรรมเกษตร แล้วมาดูว่า หากปฏิรูปเชิงพื้นที่แล้วจะนำไปสู่การปฏิรูปเชิงโครงสร้างได้อย่างไร
“ทาง คปร.ก็รอฟังว่าจะเสนอจังหวัดใดด้วยเหตุผลใดบ้าง จริงๆอยากเสนอทั้ง 76 จังหวัด แต่ต้องดูความน่าจะเป็นไปได้ในเชิงปฏิรูปที่มีแนวโน้มชัดเจน เช่น อำนาจเจริญ ซึ่งมีสภาองค์กรชุมชนจดแจ้งทุกตำบล มุกดาหารซึ่งสวัสดิการชุมชนเต็มจังหวัด หรือขอนแก่นที่มีขบวนองค์กรชุมชนอาสาปฏิรูปทุกตำบล”
นอกจากนี้ นายพลากร กล่าวถึงบทบาทของ พอช.ในการร่วมปฏิรูปประเทศว่า ยังทำหน้าที่รวบรวมข้อเสนอต่างๆ เช่น เครือข่ายองค์กรชุมชนเพื่อการปฏิรูป ที่มีนายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม เป็นประธาน 1 ใน 14 เครือข่ายของคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป ก็เกิดขึ้นจากการขอจัดตั้งและจัดการขบวนของชุมชนเอง
“ล่าสุด พอช.จะร่วมเตรียมจัดทำข้อเสนอเพื่อไปเพิ่มเติมกับเครือข่ายอื่น โดยเตรียมจัดเวที 8-10 มี.ค. เพื่อระดมความเห็นภายใต้กรอบชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเอง 3 ประเด็นใหญ่คือการปฏิรูปที่ดินและทรัพยากร, ระบบภาษีและการกระจายอำนาจให้ชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเอง นำเสนอเพื่อหาฉันทามติร่วมในงานสมัชชาปฏิรูปประเทศไทยครั้งที่ 1 ในวันที่ 24-27 มี.ค.นี้” ผู้ช่วย ผอ.พอช.กล่าว.