“ศรีศักร” เสนอฟื้นสำนึกร่วม สร้างชุมชนเข้มแข็ง หนุนขบวนปฏิรูป
ย้ำชัดคณะกรรมการปฏิรูป ไม่ใช่เป็นยาวิเศษที่รักษาได้หมด ดังนั้นต้องเน้นเรื่องการฟื้นฟูสังคม ฟังชุมชน-เป็นพี่เลี้ยงให้ ชี้ชุมชนใดเข้มแข็งอยู่แล้ว ต้องนำมาคุยแลกเปลี่ยนกันกับชุมชนอื่นที่ยังอ่อนแอ
เมื่อเร็วๆ นี้ รศ.ศรีศักร วัลลิโภดม กรรมการปฏิรูป เปิดเผยกับศูนย์ข้อมูลข่าวสารปฏิรูปประเทศไทย ถึงการปฏิรูปประเทศไทยว่า คณะกรรมการปฏิรูปนี้ไม่ใช่จะเป็นยาวิเศษที่รักษาได้หมด ดังนั้นจึงต้องเน้นเรื่องการฟื้นฟูสังคม ให้สังคมที่เป็นชุมชนท้องถิ่นมีความเข้มแข็ง ตนมองประเด็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งของสังคม ท้องถิ่น ชุมชนเข้มแข็งเป็นหลัก โดยเน้นที่การกระตุ้นให้คนข้างล่างเข้าใจการปฏิรูป
รศ.ศรีศักร กล่าวว่า สังคมท้องถิ่นในอดีต มีความเข้มแข็งสามารถขจัดความขัดแย้ง และลดความเหลื่อมล้ำหลายๆ อย่างได้เอง เนื่องจากท้องถิ่นมีสำนึกร่วมกัน ขณะเดียวกันก็มีกติกาจารีตประเพณีของชุมชน มีอำนาจในการที่จะต่อรองกับรัฐ แต่ปัจจุบันนี้สังคมท้องถิ่นได้ถูกทำลาย แยกแตกกระจาย ตั้งแต่ครอบครัวจนถึงชุมชน จนเกิดความไม่เป็นธรรมในหลายๆ ด้าน
“ผมเห็นว่า เราต้องสร้างสำนึกร่วมของคนในสังคมท้องถิ่นให้กลับคืนมา หัวใจของผมเน้นไปที่ชุมชนท้องถิ่นที่เป็นบ้านเมืองแต่อดีต เพราะเป็นพื้นที่วัฒนธรรม ขณะนี้หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ คือพื้นที่การบริหาร และเป็นการสั่งการแบบบนลงล่าง ผมไม่สนใจอปท. อบต. หรืออบจ. เพราะคนเหล่านี้เลือกตั้งขึ้นมา ไม่ใช่คนในท้องที่จริง”
รศ.ศรีศักร กล่าวถึงการฟื้นสำนึกร่วมในชุมชนให้คืนมาเป็นสิ่งที่ต้องทำ เพราะขณะนี้ขาดหายไปเนื่องจากกระแสโลกาภิวัตน์ที่สั่งจากบนลงล่างมานานตั้งแต่เปลี่ยนสังคมชาวนามาเป็นสังคมอุตสาหกรรม ถือเป็นจุดอันตราย กรรมการชุดนี้จึงต้องฟังชุมชนและเป็นพี่เลี้ยงให้ชุมชนเข้มแข็ง ชุมชนใดเข้มแข็งคงต้องนำมาคุยแลกเปลี่ยนกันให้ชุมชนที่ไม่เข้มแข็งด้วย
เมื่อถามถึงสังคมที่เป็นธรรม รศ.ศรีศักร กล่าวว่า หมายถึงการมีโอกาสที่เข้าถึงทรัพยากรที่ปัจจุบันคนภายนอกเข้าไปแย่งทรัพยากรคนในท้องที่ แน่นอนที่สุดต้องสร้างความเป็นธรรมในทรัพยากรของชุมชน, ความยุติธรรมชุมชน ซึ่งปกติถ้าชุมชนนั้นเข้มแข็งก็สามารถจัดการกันเองแล้ว ไม่ต้องมาตัดสินขาวหรือดำ มีกระบวนการประนีประนอมกันอยู่แล้ว แต่ขณะนี้หายไปเพราะท้องถิ่นถูกทำให้แตกแยก หรือกรณีความจนรวยนั้น คนที่มีฐานะในชุมชนก็จะบริจาคช่วยเหลือชุมชนและคนยากจนอยู่แล้วซึ่งไม่จำเป็นต้องมีมาตรการมาขึ้นทะเบียนคนจนก็รู้ได้ว่าใครจนหรือรวย ซึ่งเหล่านี้ก็เป็นหน้าที่ที่ต้องศึกษาและทำความเข้าใจกันด้วย