3 ฝ่ายผนึกพลังลงขันสร้างหุ้นส่วนพัฒนากองทุนสวัสดิการชุมชน
เครือข่ายองค์กรสวัสดิการชุมชน 16 จังหวัดภาคกลางตอนบนและตะวันตก-ภาครัฐบาล-องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ลงขันสร้างหุ้นส่วนการพัฒนาจัดตั้งกองทุนสวัสดิการชุมชน วางรากฐานฟื้นระบบหลักประกันความมั่นคงทางด้านวิถีชีวิต วัฒนธรรม เศรษฐกิจสังคม และการเมืองภาคพลเมือง
เมื่อเร็วๆ นี้ เครือข่ายกองทุนสวัสดิการชุมชน 16 จังหวัด ร่วมกับพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด องค์การบริหารส่วนตำบล สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน หรือ พอช. จัดประชุมเชิงปฎิบัตการเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานสวัสดิการชุมชนภาคกลางตอนบนและตะวันตก ณ โรงแรมราชศุภมิตร อ. เมือง จ. กาญจนบุรี มีผู้ร่วมงานประมาณ 100 คน
นายศิวโรฒ จิตนิยม คณะกรรมการสวัสดิการชุมชนภาคกลางตอนบนและตะวันตก กล่าวว่า เป้าหมายของการจัดสวัสดิการชุมชนเป็นการวางรากฐานระบบการฟื้นฟูชุมชนให้อยู่ดีมีสุข นำไปสู่ความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน โดยมีชุมชนเป็นแกนหลัก แล้วประสานความร่วมมือการทำงานร่วมกันระหว่างภาคประชาชน ภาครัฐ และองค์กรชุมชนท้องถิ่น เพื่อเชื่อมโยงการทำงานสามารถต่อยอดไปสู่งานพัฒนาด้านอื่นๆ โดยเฉพาะองค์กรการเงินชุมชน การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรมประเพณี ยกระดับให้เป็นต้นแบบการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการชุมชน พัฒนาไปเป็นศูนย์การเรียนรู้สวัสดิการชุมชนแล้ว 16 ศูนย์
"แนวคิดการจัดสวัสดิการชุมชน ไม่ไช่ตั้งขึ้นเพื่อทดแทนสวสัดิการที่รัฐจัดให้ แต่เป็นเครื่องมือในการดูแลเชื่อมความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้อง โดยใช้ทุน ขยายฐานในชุมชน สร้างพื้นที่ต้นแบบ สร้างองค์ความรู้ การจัดการความรู้ ไปสู่บำนาญของภาคประชาชน เกิดเป็นผู้ให้และผู้รับต้องมีศักดิ์ศรี"นายศิวโรฒ กล่าว และว่า การพัฒนาความเข้มองค์กรสวัสดิการชุมชนภาคกลางตอนบนและตะวันตก มีแผนการดำเนินงานการขยายกองทุน ขยายสมาชิกให้ครอบคลุมชุมชนดูแลกันอย่างทั่วถึงและทำแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ได้งานอย่างมีคุณภาพอย่างแท้จริง นำไปสู่การบริหารการจัดการที่ดี มีความโปร่งใส เอื้อต่อการจัดสวัสดิการชุมชนอย่างครบวงจรชีวิตดูแลผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ ผู้สูงอายุ ให้เป็นหุ้นส่วนชีวิตด้วยวิธีการทำงานที่หลากหลาย คนในชุมชนมีงานทำ มีอาชีพที่สุจริต ยุติความขัดแย้งของการเมืองท้องถิ่นอยู่ดีมีสุขในบ้านเกิด
ปัจจุบันภาคกลางตอนบนและตะวันตกมีกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลไปแล้ว 633 กองทุน ครอบคลุม 4,588 หมู่บ้าน สมาชิก 165,720 คน เงินออมสมาชิกรวม 100,926,453 บาท เงินสมทบจากภาครัฐ 30,568,882 บาท
ด้านนายชินวุฒิ อาศน์วิเชียร ตัวแทนกองทุนสวัสดิการชุมชนต.ท่างาม อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี กล่าวว่า ต.ท่างามเริ่มจัดตั้งกองทุนสวสัดิการชุมชนในปี 2551 เพื่อต้องการช่วยเหลือตนเองก่อนแล้วค่อยแบ่งปันในคนอื่นๆ ต่อไป จนปัจจุบันมีประชาชนเข้าร่วมเป็นสมาชิกกองทุนสวัสดิการทั้ง 11 หมู่บ้าน มีประชาชนเข้าร่วมเป็นสมาชิกประมาณ 760 คน เงินออมจากสมาชิก 199,905 บาท และรัฐบาลสมทบ 55,000 บาท เงินกองทุนรวมทั้งสิ้น 254,905 บาท สำหรับจังหวัดสิงห์บุรีมีการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการชุมชนจำนวน 40 ตำบล ครอบคลุมสมาชิก 11,032 คน เงินออมสมาชิก 8,267,430 บาท เงินสมทบจากรัฐ 2,445,000 บาท
ขณะที่นายปฎิภาณ จูมผา ผู้จัดการสำนักงานปฎิบัติการภาคกลางตอนบนและตะวันตก กล่าวว่า สวัสดิการชุมชนเป็นการทำงานที่เกิดจากการปฎิบัติจริง ที่ทุกคนได้เห็นคุณค่าของตนเอง ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ เด็ก คนชรา สามารถเข้าร่วมกระบวนการสร้างความมั่นคงชุมชนฐานราก นำไปสู่การแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจและสังคม ที่อยู่อาศัย ที่ดินทำกิน แก้หนี้นอกระบบ จนเกิดความมั่นคง สร้างชุมชนเข้มแข็งและยั่งยืนในอนาคต
“กองทุนสวัสดิการชุมชนเป็นการจัดความสัมพันธ์งานพัฒนาแบบใหม่ระหว่างชุมชน รัฐ และรัฐท้องถิ่น โดยชุมชนเป็นผู้คิดและวางแผนการพัฒนาชุมชนด้วยตนเองจากฐานรากมีท้องถิ่นให้การหนุนเสริมการทำงานจนเกิดเป็นองค์ความรู้ชุมชน นำไปสู่นโยบายแห่งรัฐจนเกิดการสนับสนุนงบประมาณลงสู่ชุมชน การสร้างวัฒนธรรมการทำงานแนวใหม่นี้ จึงนำไปสู่การหลุดพ้นการทำงานแบบสั่งการจากข้างบนที่ไม่ตรงตามความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง”