คำตอบของการพัฒนาประเทศดีที่สุดหมอประเวศ ชี้เริ่มที่ชุมชน
หลังพบความล้มเหลวของประเทศไทยในทุกด้านเกิดจากการสร้างพระเจดีย์จากยอด ราษฏรอาวุโสแนะเปลี่ยนแนวคิดใหม่ เริ่มที่ชุมชน ให้อปท.มีบทบาทแก้ไขปัญหา ร่วมสร้างกรอบการทำงานเพื่อท้องถิ่นร่วมกัน
ศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส กล่าวปาฐกถาในงานสัมมนาวิชาการ เรื่อง “การขับเคลื่อนท้องถิ่นสู่การพัฒนาประเทศ” จัดโดยภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เมื่อเร็วๆ นี้ โดยเห็นว่า การพัฒนาท้องถิ่นคือจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการพัฒนาประเทศ ประเทศจะเข้มแข็งได้ต้องเริ่มจากการพัฒนาระบบรากหญ้า นั่นคือ ท้องถิ่น นำโดยผู้นำท้องถิ่นและคนในท้องถิ่นที่มองเห็นปัญหาได้ครอบคลุม ช่วยให้ท้องถิ่นสามารถปกครองตัวเอง สร้างนโยบายการพัฒนาและดูแลทุกข์สุขโดยคนในชุมชน เพื่อชุมชน
ราษฎรอาวุโส กล่าวว่า ประเทศไทยมีทรัพยากรหลากหลายที่พร้อมจะนำมาพัฒนาประเทศ ปัจจุบันยังพัฒนาไม่ตรงจุด เนื่องจากการปกครองส่วนกลางสร้างนโยบายออกมารองรับการพัฒนาในด้านต่างๆ แต่ระบบวัฒนธรรม ความเชื่อที่แตกต่างกันในระดับภูมิภาค ไม่สามารถทำให้นโยบายดังกล่าวนำไปใช้พัฒนาครอบคลุมทุกภาคส่วนได้ ดังนั้นสิ่งที่ควรรีบแก้ไข คือ การช่วยกันพัฒนาท้องถิ่นแบบบูรณาการ สร้างจิตสำนึกให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการสร้างวิธีการแก้ไขและช่วยพัฒนาประเทศร่วมกัน
“เราควรสร้างรากฐานให้มั่นคงก่อนที่จะพัฒนาระบบส่วนอื่น เหมือนการสร้างฐานพระเจดีย์ นั่นคือ เริ่มจากฐานที่อยู่ส่วนล่าง ที่มีอยู่มากในชุมชนท้องถิ่น ต้องมั่นคงแล้วจึงไปพัฒนาส่วนบนฐานพระเจดีย์ต่อไป ดังนั้นควรเปลี่ยนแนวคิดใหม่ จากการคิดเชิงเทคนิคมาเป็นการคิดเชิงโครงสร้าง ให้จุดสำคัญเริ่มที่ชุมชน ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีบทบาทแก้ไขปัญหา ผ่านตัวแทนผู้นำท้องถิ่นที่ประชาชนไว้ใจ ร่วมสร้างกรอบการทำงานเพื่อท้องถิ่น นำมาพัฒนาและสร้างให้มีการจัดการและพัฒนาชุมชนด้วยกันเองอย่างเข้มแข็ง ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สังคม การศึกษา รวมถึงเรื่องโลกร้อน ที่กำลังคุกคามกับสรรพสิ่งต่างๆบนโลก”
ศ.นพ. ประเวศ กล่าวถึงการสร้างการพัฒนาแบบสร้างพระเจดีย์ว่า หากฐานพระเจดีย์ของสังคม คือชุมชน ท้องถิ่นเข้มแข็งทุกๆด้าน เมื่อระบบฐานมั่นคงแล้วจึงนำไปบูรณาการด้านอื่นเพื่อสร้างความเข้มแข็ง ให้ปกครองตัวเองได้ ครอบคลุม8 ด้าน คือ 1.เศรษฐกิจ 2.จิตใจ 3. สังคม การมีส่วนร่วม 4.วัฒนธรรม 5.สิ่งแวดล้อม 6.สุขภาพ 7.การศึกษา 8.การเรียนรู้ประชาธิปไตย เมื่อนำทุกอย่างมาบูรณาการและพัฒนาไปด้วยกันจะเป็นคำตอบของการพัฒนาประเทศอย่างดีที่สุด
“ในประเทศไทย มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมากกว่า 7 พันแห่ง หากให้ท้องถิ่นเข้ามาช่วยจัดการสร้างชุมชนเข้มแข็ง จะสามารถช่วยให้การพัฒนาขับเคลื่อนไปได้โดยเร็ว ดีกว่าการรอรับนโยบายมาจากส่วนกลาง และทำตาม หลังจากนั้นก็หายไป ไม่มีการพัฒนาเพิ่มเติม สิ่งที่ถูกต้อง คือ เราควรจะปล่อยให้ท้องถิ่นสร้างพลังความเข้มแข็งได้ด้วยตนเอง เอาพื้นที่เป็นตัวตั้ง เอากรมเป็นตัวสนับสนุน เกิดการอยู่ได้ด้วยตนเอง ช่วยรักษา ช่วยกันดูแล ให้ความสำคัญของชุมชน ช่วยหาสาเหตุปัญหา สิ่งที่ต้องการของแต่ละท้องถิ่น ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งและมั่นคงภายในประเทศ”
แม้ว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะสามารถพึ่งพาตนเองได้ และทราบปัญหาที่เกิดขึ้น ราษฎรอาวุโส กล่าวว่า ส่วนกลางก็ควรเข้าไปช่วยดูแลในเรื่องของการเพิ่มพูนความรู้ในการสร้างแนวความคิดใหม่ๆให้เกิดขึ้นในชุมชน โดยให้ส่วนของมหาวิทยาลัยที่มีแล้วอยู่ในส่วนท้องถิ่นเข้าไปร่วมจัดการศึกษา ร่วมมือช่วยแก้ไข และเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมมือพัฒนา เพื่อให้ท้องถิ่นเข้มแข็งและส่งผลต่อการพัฒนาประเทศ
ด้านพล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ กล่าวถึงการปกครองส่วนท้องถิ่นว่า เป็นรากฐานของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เป็นสถาบันที่ทำหน้าที่ฝึกฝนในการฝึกสอนเรื่องการเมืองการปกครองให้มีส่วนร่วมในการปกครองตนเอง ให้คนในท้องถิ่นคุ้นเคยในการใช้การเมือง และความมีศรัทธาในการเลื่อมใสในระบอบประชาธิปไตย ถือเป็นองค์กรที่ปกครองโดยประชาชนและเพื่อประชาชน นอกจากนี้ ยังเป็นเวทีให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองเพื่อการพัฒนาประเทศซึ่งเป็นกฎไกหลักในการสร้างความเข้มแข็งในท้องถิ่น สร้างภาวะการอยู่ดีกินดี แก่พลเมือง ในระดับประเทศต่อไป
ขณะที่รศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์หนึ่งในสมาชิกเครือข่ายสถาบันทางปัญญา เวทีปฏิรูปประเทศไทย กล่าวว่า ประชาชนทั่วไปชอบคิดว่าส่วนกลางจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง และรอให้ส่วนกลางช่วยเหลือ โดยที่ไม่ทำอะไร แต่ความจริงแล้วต้องเริ่มจากท้องถิ่นเอง เริ่มจากชุมชน รักชุมชน มองทุกปัญหาเป็นปัญหาของส่วนร่วม และช่วยกันพัฒนาอย่างจริงจัง เมื่อท้องถิ่น เกิดการสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง การพัฒนาประเทศก็จะนำไปสู่ทิศทางที่เข้มแข็งต่อไป