ตั้ง "สนง.อัยการพิเศษ" สั่งคดีไฟใต้... 9 ปีตากใบรัฐทุ่มงบสร้างสะพาน
อัยการตั้งสำนักงานพิเศษรับผิดชอบคดีไฟใต้ ทั้งก่อการร้าย วินาศกรรม ความมั่นคง หวังแก้ปัญหาฟ้องซ้ำซ้อน สั่งคดีไม่เป็นเอกภาพ หรือฟ้องไปก่อนเพื่อลดแรงกดดัน ขณะที่นราธิวาสทุ่มงบ 30 ล้านสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแห่งใหม่ที่ตากใบ พร้อมปรับภูมิทัศน์ใหม่เป็นตลาดน้ำ-ถนนคนเดิน ด้านนักศึกษาปาตานีจัดเวที 9 ปีตากใบจี้รัฐหาคนผิด
วันศุกร์ที่ 25 ต.ค.2556 เป็นวันครบรอบ 9 ปีของเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่หน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส และเคลื่อนย้ายผู้ชุมนุมที่ถูกจับกุมกว่า 1 พันคนไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี จนทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 85 ราย เหตุการณ์ดังกล่าวแม้ยังไม่ผ่านกระบวนการทางศาลจนถึงที่สุดเพื่อหาตัวผู้รับผิดชอบต่อโศกนาฏกรรมครั้งสำคัญ ทว่าก็มีการเปลี่ยนแปลงในกระบวนการยุติธรรมมากพอสมควร
ในส่วนของอัยการซึ่งถูกตั้งคำถามอย่างมากจากคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีของอัยการสูงสุดในคดีอาญาที่มีการเสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมและเคลื่อนย้ายผู้ชุมนุมมากถึง 85 รายนั้น ล่าสุดได้มีการปรับโครงสร้างของสำนักงานอัยการในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ใหม่ โดยเปิดสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 2 ภาค 9 เพื่อรับผิดชอบคดีความมั่นคง ก่อการร้าย คดีก่อวินาศกรรม และคดีตามมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 หรือ พ.ร.บ.ความมั่นคง เป็นการเฉพาะ
สำนักงานใหม่ตั้งอยู่ที่ จ.ปัตตานี เพิ่งเริ่มงานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยคดีความมั่นคงทุกคดีในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา จะถูกส่งมายังสำนักงานอัยการพิเศษฯแห่งนี้ โดยจะมีอำนาจสั่งคดีในฐานความผิดดังกล่าวแทนอัยการจังหวัด
แก้ปัญหาฟ้องซ้ำ-สั่งคดีไม่เป็นเอกภาพ
นายโสภณ ทิพย์บำรุง อดีตอัยการจังหวัดนราธิวาส ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดูแลสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 2 ภาค 9 ที่ตั้งขึ้นใหม่ กล่าวว่า จุดประสงค์สำคัญของการตั้งสำนักงานอัยการพิเศษฯ ก็เพื่อป้องกันการฟ้องซ้ำซ้อน ซึ่งที่ผ่านมาเกิดปัญหาขึ้นบ่อยครั้ง เช่น คดีอั้งยี่ (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 ผู้ใดเป็นสมาชิกของคณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีดำเนินการและมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นอั้งยี่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นสี่พันบาท) ฟ้องที่ จ.ปัตตานี แล้วพบว่าผู้ต้องหารายเดียวกันกระทำความผิดอีกใน จ.ยะลา ก็ฟ้องคดีอั้งยี่กับผู้ต้องหาคนเดิมที่ จ.ยะลาด้วย ทั้งๆ ที่ความผิดฐานนี้ดำเนินคดีซ้ำกันไม่ได้ จะถือเป็นการฟ้องซ้อนทันที เนื่องจากการเป็นสมาชิกองค์กรปิดลับเพื่อกระทำความผิดที่เรียกว่า "อั้งยี่" เมื่อเข้าเป็นสมาชิกแล้วก็ถือเป็นความผิดสำเร็จ และเป็นไปตลอดจนกว่าการกระทำจะสิ้นสุด
"ตำรวจเขาทำงานยึดท้องที่เป็นหลัก ก็จะเกิดปัญหาลักษณะนี้ได้ ฉะนั้นอัยการจึงต้องนำข้อมูลมารวมไว้ที่เดียวกัน เพื่อพิจารณาให้ถูกต้องและเป็นธรรมมากที่สุด"
นายโสภณ กล่าวต่อว่า การตั้งสำนักงานอัยการพิเศษฯ จะช่วยให้การสั่งคดีเกี่ยวกับความผิดฐานก่อการร้ายเป็นเอกภาพมากขึ้น เนื่องจากการสั่งคดีและมุมมองทางกฎหมายเป็นเรื่องความเห็น อัยการจังหวัดนราธิวาสเห็นอย่างหนึ่ง อัยการจังหวัดปัตตานีอาจจะเห็นอีกอย่างหนึ่ง อาจทำให้สับสนได้ การดึงคดีมาอยู่ที่สำนักงานเดียว จะช่วยให้มีความเป็นเอกภาพในการสั่งคดีมากขึ้น
นอกจากนั้น ต้องยอมรับว่าคดีก่อการร้ายมีแรงกดดันจากหลายหน่วยงาน อัยการจังหวัดที่แบกรับแรงกดดันไม่ไหวก็อาจจะใช้วิธีฟ้องคดีไปก่อน ทั้งที่ตามนโยบายของอัยการสูงสุดต้องพิจารณาที่หลักฐานเป็นสำคัญ หากหลักฐานไม่พอฟ้องต้องสั่งไม่ฟ้อง เพราะคดีมีอัตราโทษสูง ฟ้องไปจำเลยก็ต้องติดคุก เนื่องจากไม่ได้รับการประกันตัว ฉะนั้นการส่งสำนวนให้สำนักงานอัยการพิเศษฯ สั่งคดีแทน น่าจะมีความเหมาะสมกว่า
ทุ่มงบ 30 ล้านสร้างสะพานใหม่ตากใบ
นอกจากการเปลี่ยนแปลงของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมแล้ว ในปีนี้จังหวัดนราธิวาสยังมีโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำที่ อ.ตากใบ พร้อมพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของอำเภอด้วย
สะพานดังกล่าวเดิมมีอยู่แล้ว แต่เป็นสะพานไม้ ข้ามจากฝั่งตลาดใกล้ๆ สภ.ตากใบ ไปยังเกาะยาว ชาวบ้านเรียกว่า "สะพานรอคอยร้อยปี" หรือ "สะพานเกาะยาว" ที่ผ่านมาทางจังหวัดได้อนุมัติงบประมาณปี 2556 เป็นเงิน 16 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างสะพานใหม่ เป็นสะพานคอนกรีต แต่ข้ามได้เฉพาะจักรยาน รถจักรยานยนต์ หรือเดินเท้าเหมือนสะพานไม้
ขณะเดียวกันก็จะมีงบอีก 11 ล้านบาทสำหรับปรับภูมิทัศน์รอบๆ เพื่อทำเป็นถนนคนเดิน โดยจะพัฒนาพื้นที่ไปจนถึงหน้าวัดชลธาราสิงเห หรือวัดพิทักษ์แผ่นดินไทย ตั้่งอยู่หมู่ 3 ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ อันเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของอำเภอด้วย เนื่องจากเป็นวัดไทยที่ใช้เป็นหลักฐานยืนยันกับอังกฤษว่าจุดนี้เป็นผืนแผ่นดินไทย จนทำให้นราธิวาสได้อยู่ในเขตไทยในยุคล่าอาณานิคม
นอกจากนั้นในปีงบประมาณ 2557 ได้ตั้งงบเพิ่มอีก 3.8 ล้านบาทเพื่อจัดซื้อเรือ และสร้างห้องน้ำ เพราะตามแผนของทางจังหวัดจะสร้างตลาดน้ำขึ้นในบริเวณดังกล่าวด้วย โดยพิธีเปิดสะพานใหม่จะมีขึ้นช่วงปีใหม่ที่จะถึงนี้ อาจเป็นคืนเคาท์ดาวน์ (นับถอยหลังสู่ปีใหม่) และจัดงานรื่นเริงจนถึงเช้าเพื่อร่วมกันดูพระอาทิตย์ขึ้นในวันใหม่ของปี 2557
นศ.ชายแดนใต้จัดเวที 9 ปีตากใบจี้รัฐหาคนผิด
วันครบรอบ 9 ปีตากใบปีนี้ค่อนข้างเงียบเหงา มีการจัดกิจกรรมค่อนข้างน้อย มีเพียงสหพันธ์นิสิต นักศึกษา นักเรียน และเยาวชนปาตานี หรือ PERMAS เท่านั้นที่จัดเสวนาในประเด็น "ไร้ซึ่งสันติภาพ ตราบใดที่เสรีภาพและความเป็นธรรมยังไม่เห็น" โดยมีนิสิต นักศึกษา และเยาวชนจากหลายสถาบันรวมทั้งประชาชนทั่วไปที่สนใจเข้าร่วมรับฟังจนเต็มห้องโถงชั้นล่างของสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี
นายตูแวตานียา ตูแวแมแง ผู้อำนวยการสำนักปาตานีรายาเพื่อสันติภาพ (LEMPAR) กล่าวว่า ประชาชนในสามจังหวัดเจ็บปวดมาตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุการณ์ตากใบ เรื่องร้ายๆ เกิดมาตั้งแต่ก่อนปี 2547 เรื่องของประชาธิปไตยและนโยบายทางการเมืองของรัฐเป็นความปวดร้าวของพี่น้องมาจนทุกวันนี้ เยาวชนในพื้นที่ได้มีบทเรียนและได้เรียนรู้ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อร่วมมือกันในหนทางที่ถูกต้อง รัฐยังไม่ทำให้เกิดความจริงและความยุติธรรม ปัญหายังไม่ได้รับการคลี่คลาย เราต้องการความยุติธรรมและความจริงใจจากรัฐบาล
ขณะที่ นายอาเต็ฟ โซ๊ะโก ที่ปรึกษา PERMAS บอกว่า สาเหตุที่ไม่มีต่างประเทศเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องนี้เพราะต่างประเทศคิดว่ารัฐบาลได้ตกลงและพูดคุยกับประชาชนเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่รู้ความจริงว่าชาวบ้านในพื้นที่ยังคงค้างคาใจ
"ในด้านคดีแพ่งได้จบลงไปแล้ว เหลือแต่คดีอาญาที่ศาลมีคำสั่งในสำนวนชันสูตรพลิกศพว่าผู้ที่เสียชีวิตในวันนั้นมาจากการขาดอากาศหายใจ ซึ่งต้องมีคนรับผิด จนถึงวันนี้ชาวบ้านในพื้นที่ไม่อยากรื้อฟื้นแล้ว แต่การจัดกิจกรรมในวันครบรอบก็เพื่อให้คนที่อัดอั้นตันใจ อยากระบาย ได้พูดคุยเปิดใจกันเพื่อร่วมกันรับรู้ถึงความรู้สึกของพี่น้องร่วมชะตากรรม"
เยียวยาด้วย "เงิน" ไม่เพียงพอ
น.ส.วรพรรณ กูนา นักศึกษาชั้นปีที่ 3 สาขาเศรษฐศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (ม.อ.ปัตตานี) ที่ไปร่วมรับฟังการเสวนา กล่าวว่า ตอนเกิดเหตุการณ์ตากใบเธอเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (ป.6) ยังไม่รู้เรื่องอะไรมาก ได้แต่ดูตามข่าวว่ามีคนเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เกือบร้อยคน กระทั่งโตขึ้นเรื่องนี้ก็ยังติดอยู่ในความคิด
"จนเข้ามาเรียนใน ม.อ.ปัตตานี ได้รับทราบเรื่องราวของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งจากผู้ประสบเหตุในวันนั้นและผู้ได้รับผลกระทบ จึงยิ่งมองเห็นความไม่เป็นธรรมที่รัฐกระทำต่อชาวบ้านในพื้นที่ และเมื่อมีการเยียวยาด้วยเงิน คิดว่ายังไม่พอกับความสูญเสียที่เกิดขึ้น สิ่งที่ชาวบ้านต้องการคือชีวิตปกติสุขเหมือนเดิม"
ออกแถลงการณ์ขอ ตปท.ร่วมพิสูจน์ความจริง
โอกาสนี้ สหพันธ์นิสิต นักศึกษา นักเรียน และเยาวชนปาตานี ออกแถลงการณ์เรื่อง รำลึก 9 ปีตากใบ บทเรียนเพื่อยุติสงคราม โดยเรียกร้องให้ "คู่สงคราม" ซึ่งทางสหพันธ์ฯหมายถึงรัฐไทยกับบีอาร์เอ็น กระทำการสงครามภายใต้กฎระเบียบกติกาที่เป็นสากล (Geneva Conventions)
นอกจากนั้น ยังขอให้มีการตรวจสอบเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อพลเรือนที่มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสงคราม โดยให้องค์กรภาคประชาสังคม องค์กรระหว่างประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการสันติภาพและสิทธิมนุษยชนสากล และรัฐมาเลเซียซึ่งปัจจุบันมีฐานะเป็นผู้อำนวยความสะดวกในทางนิตินัยและมีฐานะเป็นผู้ไกล่เกลี่ยในทางพฤตินัยต่อกระบวนการพุดคุยสันติภาพปาตานี ได้แสดงบทบาทในการพิสูจน์ความจริงและผลักดันนำไปสู่การดำเนินการลงโทษต่อผู้กระทำผิดตามกระบวนการที่เป็นสากลต่อไป โดยเริ่มที่เหตุการณ์ตากใบเป็นกรณีตัวอย่าง เพื่อยุติวงจรวัฒนธรรมการไม่ต้องรับผิดโดยเจ้าหน้าที่รัฐ อีกทั้งเรียกร้องให้คู่สงครามและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการสันติภาพให้ความสำคัญกับประชาชนผู้เป็นเจ้าของชะตากรรมในครั้งนี้ มีสิทธิในการกำหนดชะตากรรมของตนเองตามหลักสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยสากล (right to self-determination)
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1, 3, 4 กิจกรรมของ PERMAS ในโอกาสครบรอบ 9 ปีตากใบ ที่สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี และมัสยิดกลางปัตตานี
2 สะพานไม้ที่ตากใบมองเห็นไกลๆ ในภาพ ขณะนี้ทางจังหวัดกำลังสร้างสะพานใหม่คู่กัน