ถกบีอาร์เอ็นรอบ3เห็นพ้องลดป่วนรอมฎอน "ภราดร"ตั้งเป้าปลอดเหตุรุนแรง!
วงพูดคุยสันติภาพ "รัฐไทย-บีอาร์เอ็น" รอบ 3 แนวโน้มสวย สองฝ่ายเห็นพ้องลดป่วนช่วงเดือนรอมฎอน แต่ฝ่ายความมั่นคงต้องลดปิดล้อม-ตรวจค้นด้วย "ภราดร" รุกตั้งเป้าต้องปลอดเหตุร้าย ถ้ามีต้องอธิบายได้ ส่วนข้อเรียกร้อง 5 ข้อให้บีอาร์เอ็นอธิบายกลับมาใหม่ เหตุนัยยะของภาษายังไม่ชัดเจน ขีดเส้น 24 มิ.ย.ส่งการบ้าน
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พร้อมด้วย พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก รองปลัดกระทรวงกลาโหม และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ร่วมกันแถลงข่าวผลการพูดคุยสันติภาพกับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ ขบวนการบีอาร์เอ็นกลุ่มนายฮัสซัน ตอยิบ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 มิ.ย.2556 ซึ่งนับเป็นการพูดคุยอย่างเป็นทางการครั้งที่ 3 นับตั้งแต่ลงนามในข้อตกลงริเริ่มกระบวนการพูดคุยสันติภาพร่วมกันเมื่อ 28 ก.พ.2556
การพูดคุย ณ สถานที่ปิดลับแห่งหนึ่งในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ใช้เวลานาน 7 ชั่วโมงครึ่ง คือเริ่มเวลา 10.30 น. เสร็จสิ้นเวลา 18.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น จากนั้นทั้งสองฝ่ายได้ช่วยกันจัดทำแถลงการณ์ร่วมความยาวหนึ่งหน้ากระดาษเอสี่
อธิบายเพิ่ม 5 ข้อเรียกร้อง
พล.ท.ภราดร กล่าวระหว่างการแถลงข่าวที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กัวลาลัมเปอร์ ว่า บรรยากาศการพูดคุยเป็นไปอย่างดีมาก โดยเฉพาะการร่วมแรงร่วมใจแก้ไขปัญหา โดยมีผลความคืบหน้าหลักๆ 2 ประการ คือ
1.ข้อเรียกร้อง 5 ข้อของฝ่ายบีอาร์เอ็น ฝ่ายไทยชี้แจงว่าได้ดำเนินการสืบสภาพ ตรวจสอบข้อเท็จจริง และค้นหาคำตอบของทั้ง 5 ข้อ แต่ยังไม่สามารถตอบได้อย่างชัดเจน เนื่องจากนัยยะของถ้อยคำบางคำที่ใช้ยังตีความความหมายต่างกัน เรื่องนี้ทางฝ่ายบีอาร์เอ็นจึงรับไปเขียนคำอธิบายเพิ่มเติมอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อความชัดเจน และส่งกลับมายังรัฐบาลไทยผ่านผู้อำนวยความสะดวก (มาเลเซีย) โดยเร็ว เพื่อที่ว่าทั้งสองฝ่ายจะได้ร่วมกันหาทางออกของข้อเรียกร้องทั้ง 5 ข้อต่อไป
"ยืนยันว่าทั้ง 5 ข้อยังอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญไทย ซึ่งเมื่อได้ความชัดเจนแล้วก็จะส่งให้คณะทำงานของ ศอ.บต.ที่ทำงานร่วมกับภาคประชาสังคมค้นหาคำตอบกันต่อไป" เลขาธิการ สมช.กล่าว
ลดเหตุรุนแรงเดือนรอมฎอน
2.ข้อเรียกร้องของฝ่ายไทย คือเรื่องลดเหตุรุนแรง ก็ได้รับคำตอบว่าจะร่วมกันลดเหตุรุนแรงช่วงเดือนรอมฎอน หรือเดือนแห่งการถือศีลอดของพี่น้องมุสลิมในราวต้นเดือน ก.ค.ถึงต้นเดือน ส.ค.ที่จะถึงนี้ โดยหลังจากนี้ให้ทั้งสองฝ่ายกลับไปสรุปแผนปฏิบัติการว่าจะดำเนินการอย่างไรเพื่อให้บรรลุเป้าหมายลดเหตุรุนแรงดังกล่าว
"เรื่องลดเหตุรุนแรงต่างฝ่ายต้องรับผิดชอบร่วมกัน ฝ่ายบีอาร์เอ็นก็จะมีมาตรการของเขา ส่วนฝ่ายเราก็จะมีมาตรการของเรา และหลังจากนี้ซึ่งต้องเป็นช่องก่อนถึงเดือนรอมฎอน ต้องมีมาตรการของทั้งสองฝ่ายเรียบร้อย โดยส่งมาตรการของแต่ละฝ่ายให้ผู้ประสานงาน คือมาเลเซีย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหลักเกณฑ์ ตัวชี้วัด และพื้นที่ ซึ่งต้องมีความชัดเจน เป็นรูปธรรม" พล.ท.ภราดร กล่าว
ลดปิดล้อม ตรวจค้น – ตั้งเป้าปลอดเหตุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มาตรการของฝ่ายรัฐบาลไทยคืออะไร เลขาธิการ สมช.ตอบว่า แม่ทัพภาคที่ 4 มีแผนอยู่แล้ว เมื่อซักว่าหมายถึงการลดการปิดล้อมตรวจค้นใช่หรือไม่ พล.ท.ภราดร ตอบรับว่า "ใช่ ก็ต้องดำเนินการลักษณะนั้น" และว่า แต่ในส่วนการดูแลความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนก็ต้องดำเนินการต่อไป ไม่กระทบในส่วนนี้ แต่มาตรการจะไม่ไปถึงขั้นถอนทหาร หรือยกเลิกพื้นที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ซึ่งอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ)
"เป้าหมายที่เราตั้งไว้คือ ต้องไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นเลยในช่วงเดือนรอมฎอน นั่นคือเป้าหมาย แต่ถ้ามีเหตุเกิดขึ้นก็จะต้องอธิบายได้ว่าคืออะไร อย่างไร ทุกอย่างต้องชัดเจน ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะต้องทำงานร่วมกัน"
พล.ท.ภราดร กล่าว และว่าส่วนความเป็นไปได้ของการฉวยโอกาสก่อเหตุรุนแรงของกลุ่มอื่นๆ โดยเฉพาะกลุ่มสุดโต่งนั้น ก็ต้องร่วมกันดูแล
เดินหน้าสางปมอยุติธรรม
เลขาธิการ สมช.กล่าวด้วยว่า สิ่งที่รัฐบาลไทยจะดำเนินการควบคู่กันไปก็คือพัฒนาการเรื่องความยุติธรรม โดย ศอ.บต.จะตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาและดำเนินการเรื่องนี้ให้เห็นผลโดยเร็ว
สำหรับการนัดพูดคุยกันครั้งต่อไป ยังไม่ได้กำหนดวันชัดเจนแน่นอน แต่ต้องเป็นช่วงหลังสิ้นสุดเดือนรอมฎอนไปแล้ว (ราวปลายเดือน ส.ค.)
นัดส่งการบ้าน 24 มิ.ย.
พล.อ.นิพัทธ์ กล่าวเสริมกับ "ทีมข่าวอิศรา" ว่า วันนัดส่งการบ้านคือวันที่ 24 มิ.ย.2556 ทั้งในเรื่องคำอธิบายข้อเรียกร้อง 5 ข้อ และแผนหรือมาตรการของการลดเหตุรุนแรงของแต่ละฝ่าย
ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า อยากให้ทางบีอาร์เอ็นเขียนข้อเรียกร้องมาเป็นลายลักษณ์อักษร จะได้มีความชัดเจน ส่วนการทำงานร่วมกันไม่ได้มีแค่เรื่องเดียว แต่จะร่วมกันแก้ปัญหายาเสพติดตามผลสำรวจทัศนคติและฟังเสียงประชาชนในพื้นที่มาว่าเป็นความต้องการของพี่น้องมากที่สุด นอกจากนั้นก็จะร่วมกันดูแลเยาวชน ซึ่งสุดท้ายก็จะส่งผลเรื่องลดเหตุรุนแรง
"เราต้องปรับทัศนคติ อย่ามองว่าบีอาร์เอ็นเป็นศัตรู ต้องมองอย่างเข้าใจ และดึงให้เขามาช่วยเรา ช่วยกันทำให้พื้นที่ดีขึ้น เพราะถ้าไม่ดึงบีอาร์เอ็นมาร่วม การแก้ไขปัญหาก็ไม่มีทางจบ"
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : พล.ท.ภราดร (คนกลาง) แถลงผลการพูดคุยกับกลุ่มบีอาร์เอ็นด้วยสีหน้าแจ่มใส