ปรับทัพตั้ง"คณะที่ปรึกษา"หนุนทีมเจรจา ยธ.ทำแผนบังคับใช้ ก.ม.พิเศษชายแดนใต้
คณะเจรจาดับไฟใต้ปรับทัพรับมือข้อเรียกร้อง "บีอาร์เอ็น" ดึง "ชัยวัฒน์ สถาอานันท์" พร้อมนักวิชาการสันติวิธีตั้งเป็นทีมที่ปรึกษา หวังระดมข้อมูล ถอดรหัสข้อเสนอกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ ขณะที่กระทรวงยุติธรรมรับโจทย์จากรัฐบาลยกเครื่องการบังคับใช้กฎหมายพิเศษชายแดนใต้ ทำแผนปฏิบัติเสนอนายกฯ เล็งออก "แนวปฏิบัติพื้นฐาน" แจกเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยในพื้นที่ "เฉลิม" แย้มหากเจรจาบีอาร์เอ็นอีก 2-3 ครั้งไม่คืบหน้า เตรียมขอมาเลเซียบีบอย่าให้ที่พำนัก ปปง.ประกาศชื่อล็อต 2 เพื่อนร่วมก๊วน "มะรอโซ" เจอขึ้นบัญชีก่อการร้าย
คณะผู้แทนฝ่ายไทยที่เข้าร่วมกระบวนการพูดคุยสันติภาพกับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐนำโดยขบวนการบีอาร์เอ็นเพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เตรียมตั้งคณะที่ปรึกษาทางวิชาการในลักษณะ "สำนักคิด" หรือ Think Tank เพื่อระดมสมองและช่วยเสริมข้อมูลด้านต่างๆ ในกระบวนการพูดคุยสันติภาพที่ฝ่ายบีอาร์เอ็นพยายามยกระดับให้เป็นการ "เจรจา"
"ตอนนี้เห็นตรงกันว่าคณะพูดคุยคงไปเดี่ยวๆ แบบเดิมไม่ได้แล้ว แต่ต้องมีคณะที่ปรึกษาทางวิชาการไปร่วมสนับสนุนข้อมูลด้วย" แหล่งข่าวที่เป็นแกนหลักในคณะพูดคุยสันติภาพฝ่ายรัฐบาลไทย ระบุ
ทั้งนี้ แนวคิดดังกล่าวได้มีการหารือเป็นการภายในมาระยะหนึ่งแล้ว แต่มาตกผลึกภายหลังคณะพูดคุยสันติภาพบางส่วน และผู้บริหารศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้เข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนักวิชาการสายสันติวิธี อาทิ นายชัยวัฒน์ สถาอานันท์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.) ระหว่างการระดมสมองและรับฟังความเห็นต่องานวิจัยเกี่ยวกับปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่จัดโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เมื่อวันจันทร์ที่ 13 พ.ค.2556
"หลังจากฝ่ายบีอาร์เอ็นเสนอข้อเรียกร้องอย่างแข็งกร้าว 5 ข้อผ่านสื่อสาธารณะ ทำให้คณะพูดคุยฝ่ายไทยต้องปรับขบวนพอสมควร โดยเฉพาะการระดมข้อมูลเพื่อนำไปใช้พูดคุยหักล้างเหตุผลของฝ่ายแกนนำบีอาร์เอ็น ได้แก่ ประเด็นเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ปัตตานี อัตลักษณ์ของชาวมลายู และกฎหมาย จึงจำเป็นต้องมีทีมงานทางวิชาการคอยสนับสนุนข้อมูล" หนึ่งในแกนหลักของคณะพูดคุยสันติภาพ กล่าว และว่า ได้เชิญให้ นายชัยวัฒน์ ไปจัดเวทีรับฟังความเห็นของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย เพื่อนำข้อมูลจากพี่น้องประชาชนไปใช้พูดคุยกับแกนนำขบวนการบีอาร์เอ็นในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
เตรียม 5 เรื่องก่อนถกบีอาร์เอ็น 13 มิ.ย.
สำหรับการเตรียมการของคณะพูดคุยสันติภาพก่อนถึงวันที่ 13 มิ.ย.ซึ่งเป็นวันนัดพูดคุยกับแกนนำกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐอย่างเป็นทางการครั้งที่ 3 หลังจากลงนามในข้อตกลงริเริ่มกระบวนการพูดคุยสันติภาพร่วมกันเมื่อวันที่ 28 ก.พ.2556 โดยมีทางการมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวกนั้น ปรากฏว่าคณะพูดคุยฯได้เร่งดำเนินการใน 5 เรื่องดังนี้
1.ผลักดันให้มีการออกแถลงการณ์ร่วมระหว่างฝ่ายรัฐบาลไทยกับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการสร้างสันติสุขในพื้นที่ ทั้งนี้เพื่อผ่อนคลายแรงกดดันของสังคมต่อปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ที่ยังไม่ลดระดับลง และเพิ่มแรงกดดันไปยังบีอาร์เอ็น แม้จะยังไม่ส่งสัญญาณชัดให้ลดเหตุรุนแรงก็ตาม
2.ตั้งคณะทำงานย่อยจากนักวิชาการที่มีความเชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ ศาสนาอิสลาม และอัตลักษณ์มลายู เพื่อถอดรหัสในข้อเรียกร้องของแกนนำบีอาร์เอ็นในเรื่อง "สิทธิความเป็นเจ้าของ" และประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกัน
3.เดินหน้าโครงการย้ายนักโทษคดีความมั่นคงกลับไปคุมขังยังเรือนจำในภูมิลำเนาของแต่ละคน และประสานอัยการสูงสุดพิจารณาเรื่องถอนฟ้องและเพิกถอนหมายจับคดีความมั่นคงบางส่วนที่มีหลักฐานกล่าวหาไม่ชัดเจนหรือเป็นเพียงข้อมูลซัดทอดจากผู้ต้องหาคนอื่น
4.ประสานฝ่ายความมั่นคงเรื่องการยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในบางพื้นที่ และลดความเข้มในปฏิบัติการปิดล้อม ตรวจค้น จับกุม
5.ตั้งคณะทำงานชุดเล็กเพื่อประสานงานอย่างใกล้ชิดกับคณะทำงานชุดเล็กของบีอาร์เอ็นที่จะมีการจัดตั้งขึ้นเช่นกัน เพื่อทำงานในแง่แลกเปลี่ยนข้อมูลและกำหนดประเด็นก่อนถึงวาะการประชุมของคณะพูดคุยชุดใหญ่
ยธ.ลุยทำแผนบังคับใช้กฎหมายพิเศษ
นอกจากการเตรียมตั้ง "สำนักคิด" หรือ Think Tank โดยดึงนักวิชาการด้านสันติวิธี ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์และศาสนาเข้าร่วมเป็นทีมที่ปรึกษาเพื่อสนับสนุนข้อมูลสำหรับคณะผู้แทนรัฐบาลไทยในการเดินหน้ากระบวนการพูดคุยสันติภาพกับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐแล้ว อีกด้านหนึ่งรัฐบาลได้รุกเข้าไปแก้ไขปัญหาเรื่องความไม่เป็นธรรม และการคืนความยุติธรรมให้กับประชาชนในพื้นที่ หลังจากฝ่ายแกนนำบีอาร์เอ็นได้ยื่นข้อเรียกร้อง 5 ข้อผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยมีประเด็นหนึ่งที่สำคัญคือให้ยกเลิกหมายจับและปล่อยตัวผู้ที่ถูกจับกุมทั้งหมด ซึ่งโดยนัยหมายถึงหมายจับและนักโทษคดีความมั่นคงนั่นเอง
ในการประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคงที่มี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 พ.ค.2556 ต่อด้วยการประชุมศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) วันศุกร์ที่ 10 พ.ค.2556 ที่ประชุมได้สรุปแนวทางดำเนินการเรื่องความยุติธรรมใน 2 ประเด็น คือ
1.การพิจารณาหมายจับคดีความมั่นคง ให้ ศอ.บต.ประสานกับสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อวางกรอบการดำเนินการ ขณะเดียวกันก็มอบหมายให้ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศซต.) รับมอบตัวกลุ่มที่ถูกออกหมายจับและอำนวยความยุติธรรมในลำดับต้น
2.มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมเป็นฝ่ายอำนวยการพิจารณาเรื่องการบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งกระทรวงยุติธรรมจะทำงานร่วมกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูล ประเมิน และจัดทำแผนปฏิบัติที่เหมาะสมกับสถานการณ์นำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี
วางแนวปฏิบัติขั้นพื้นฐานให้ จนท.รัฐทุกหน่วย
นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการบังคับใช้กฎหมายและบริหารงานยุติธรรม ในคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กปต.) กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมจะทำงานใกล้ชิดกับ กอ.รมน. โดยประเมินผลการบังคับใช้กฎหมายต่างๆ ที่ผ่านมา และเสนอแผนปฏิบัติการที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่เพิ่งให้โจทย์มาใหม่ ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรเป็นเรื่องที่ต้องไปทำงานร่วมกันก่อน
"หลักๆ ก็จะมีเรื่องแนวทางการบังคับใช้กฎหมายพิเศษในพื้นที่ ซึ่งต้องมาดูให้สอดคล้องกันทั้งระบบ โดยจะจัดทำเป็น 'แนวปฏิบัติขั้นพื้นฐาน' หรือ based practice ซึ่งเจ้าหน้าที่จากทุกหน่วยที่ลงไปปฏิบัติงานในพื้นที่ต้องปฏิบัติตาม แต่การจะมีแนวปฏิบัติขั้นพื้นฐานได้ต้องรับฟังข้อมูลจากผู้ปฏิบัติด้วย พร้อมทั้งมีข้อมูลจากการประเมินสถานการณ์ร่วมกันเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายที่ผ่านๆ มา"
"นอกจากนั้นยังมีการดำเนินการในเรื่องอื่นๆ เช่น การเปิดช่องทางตามมาตรา 21 แห่ง พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ (พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551) ให้ผู้หลงผิดที่ยอมเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนสามารถเข้ารับการอบรมเป็นเวลา 6 เดือนได้โดยไม่ต้องถูกฟ้องร้องดำเนินคดีนั้น จริงๆ แล้วเหมาะสมกับสถานการณ์หรือไม่ เพราะกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐเขาอาจจะมองว่าแนวคิดแนวทางของเขาไม่ได้เป็นการหลงผิด อย่างนี้เป็นต้น" รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ระบุ
"เฉลิม"พ้อส่งสัญญาณ 3 เรื่องยังเงียบ
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศปก.กปต. กล่าวถึงการดำเนินการเพื่ออำนวยความยุติธรรมในพื้นที่ ซึ่งได้ส่งสัญญาณไป 3 เรื่องเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ได้ให้นโยบายไป 3 ข้อ แต่ยังไม่ตอบสนองเลย คือ
1.ที่คนในพื้นที่บอกว่าถูกรังแก ใครเป็นผู้กระทำ ขณะนี้ได้ตั้งศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ที่ ศชต.แล้ว
2.หมายจับตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ (หมายเชิญตัวที่ออกตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548) และหมาย ป.วิอาญา (ออกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา) ที่บอกว่าถูกกลั่นแกล้ง ผู้เสียหายไม่ต้องมาเองก็ได้ ให้ส่งเอกสารมา แต่ก็เงียบไม่มีตอบสนอง
และ 3.ที่อยากให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ได้บอกไปว่าต้องทำให้พื้นที่สงบก่อน แต่ก็เงียบไม่มีการตอบสนองเช่นกัน
"ผมถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) แล้วก็เห็นด้วย และผมก็บอกกับคณะเจรจาแล้วว่าจากนี้ไปถ้าจะไปเจรจาต้องมาปรึกษาหรือกันก่อน ถ้าให้ผมรับผิดชอบต้องให้ผมคิดด้วยคน ในฐานะผู้รับผิดชอบต้องคิดด้วยคน"
บี้มาเลย์บีบบีอาร์เอ็น-ตั้ง"ลูกดวง"ทีมแก้ใต้
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า จะลองพูดคุยอีก 2-3 ครั้ง (หมายถึงพูดคุยสันติภาพกับแกนนำบีอาร์เอ็น) ถ้าไม่ได้ผลคืบหน้าก็ต้องบอกรัฐบาลมาเลเซีย อย่าไปให้คนเหล่านั้นอยู่ เพราะรัฐบาลมาเลเซียนำมาพูดคุย ไม่อย่างนั้นจะอึมครึม
"ผมตั้งใจว่าเร็วๆ จะไปประชุมกับพนักงานสอบสวน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กำลังหาสถานที่ว่าจะประชุมกันที่ไหน ต้องประชุมเป็นความลับนิดหน่อย โดยจะถามน้องๆ ว่าที่ทำสำนวนมาเป็นอย่างไร ในชั้นสอบสวน อัยการ พอถึงชั้นศาลแล้วก็อ้างว่าคดีหลุดเพราะไม่มีพยานหลักฐาน แล้วพยานที่เคยให้การไว้ทำไมถึงไม่ไป ซึ่งต้องชัดเจน ส่วนเรื่องการตั้งคณะทำงานนั้นเสร็จ สมบูรณ์แล้ว คณะทำงานลงพื้นที่ได้ตลอด และอาจจะเพิ่ม ร.ต.อ.ดวง อยู่บำรุง (ลูกชายคนเล็ก) เข้าไปด้วย เพราะเวลาลงพื้นที่ดูแลผมจะได้ไม่ถูกหนังสือพิมพ์ต่อว่า" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ก่อนหน้านี้ ร.ต.อ.เฉลิม ในฐานะผู้อำนวยการ ศปก.กปต.ได้แต่งตั้ง นายประชา ประสพดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา และ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นคณะทำงานแก้ไขปัญหาภาคใต้ของตน
บุกยิงผู้รับเหมา-อุ้มหายลูกเมีย
ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นบ้างประปราย ส่วนใหญ่เป็นเหตุลอบยิงด้วยอาวุธปืนซึ่งสรุปได้ยากว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบหรือไม่
วันพุธที่ 15 พ.ค.2556 เวลา 20.15 น.คนร้าย 1 คนสวมหมวกไหมพรมปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม.ยิง นายสะแปอิง อาบู อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5 บ้านดอนนา หมู่ 5 ต.บางเขา อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดขณะที่ นายสะแปอิง กำลังขี่รถจักรยานยนต์ออกจากมัสยิดที่บ้านดอนนา หมู่ 5 ต.บางเขา พร้อมกับกลุ่มดาวะห์ 5 คนเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้าน โดยลักษณะการยิงของคนร้ายเป็นการยิงใส่กลุ่มดาวะห์โดยไม่ได้สนใจว่าเป็นใคร แต่นายสะแปอิงเคราะห์ร้ายถูกคมกระสุนได้รับบาดเจ็บ
ก่อนหน้านั้นเมื่อเวลา 10.50 น.วันอังคารที่ 14 พ.ค. ร.ต.ท.สุนันต์ สมภักษร ร้อยเวร สภ.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงเสียชีวิตในห้องนอนของบ้านเช่าเลขที่ 177/2 บ้านโคกขี้เหล็ก หมู่ 7 ต.โคกเคียน จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบประตูบ้านเช่ามีร่องรอยถูกพังเข้า ไปจนได้รับความเสียหาย ในห้องนอนพบศพ นายอาหามะสุกรี เจ๊ะนุ อายุ 38 ปี อาชีพรับเหมาถมดิน นอนจมกองเลือดอยู่ สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกขนาด .38 ที่บริเวณหน้าอกและศีรษะ ส่วน น.ส.มารียานี แวกามีรา อายุ 34 ปี ภรรยาของนายอาหามะสุกรี และลูกสาวอีก 2 คน อายุ 12 ปี กับ 7 ปี หายออกจากบ้านหลังเกิดเหตุ จนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรม
จากการสอบปากคำชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง ทราบว่าเหตุบุกยิงนายอาหามะสุกรี น่าจะเกิดขึ้นตั้งแต่เวลาประมาณ 05.00 น. เพราะมีผู้ได้ยินเสียงปืน ส่วนสาเหตุการสังหารนั้น ตำรวจให้น้ำหนักไปที่ความขัดแย้งทางธุรกิจมากกว่าการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ
ประกบยิงหนุ่มรือเสาะปางตาย – ดับ ชรบ.ยะหา
วันจันทร์ที่ 13 พ.ค.เวลา 10.15 น.คนร้าย 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ขี่ตามประกบ นายอามาน กะแดแก อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17 บ้านตาเปาะ ต.สุวารี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ขณะกำลังขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนถนนในหมู่บ้าน หมู่ 8 บ้านบน ต.สุวารี เพื่อมุ่งหน้ากลับบ้าน เมื่อสบโอกาสคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนพกสั้นยิงใส่ ทำให้ นายอามาน ได้รับบาดเจ็บสาหัส เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ยะหา จ.ยะลา เข้าตรวจสอบเหตุชาวบ้านพบศพชายมุสลิมบริเวณขนำในสวนยางพาราบ้านลีตอ หมู่ 3 ต.บาโระ อ.ยะหา โดยผู้ตายคือ นายมุคตาร์ อีแน อายุ 51 ปี เป็นชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) อยู่บ้านเลขที่ 4/3 หมู่ 3 บ้านลีตอ สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาด เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
ก่อนหน้านั้นเมื่อเวลา 04.45 น. คนร้ายจำนวนประมาณ 3-4 คน บุกเข้าไปในบ้านเลขที่ 69/2 หมู่ 5 บ้านตราแดะ ต.บาโงสะโต อ.ระแงะ จ.นราธิวาส และใช้อาวุธปืนพกขนาด .38 กับ 11 มม.จ่อยิง นายซุลฟา รอแมวามิง อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 250 หมู่ 6 ต.เฉลิม อ.ระแงะ และ นายสุธรรม นุ่นน้อย อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นคนพื้นที่ ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จนเสียชีวิตคาบ้าน เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหารเช่นกัน
ปาระเบิดใส่บ้านชาวบ้านชุมชนโรงอ่างปัตตานี
วันเดียวกัน ที่ จ.ปัตตานี เวลา 21.00 น.คนร้าย 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ปาระเบิดใส่บ้านเรือนประชาชนบริเวณถนนโรงอ่าง ซอย 5 ต.สะบารัง อ.เมือง จ.ปัตตานี ทำให้ นางไซปา ดอเลาะ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27/1 ถนนโรงอ่าง ซอย 5 ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เหตุเกิดขณะที่นางไซปากำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ใกล้ๆ กับจุดที่มีการปาระเบิด ส่วนระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นชนิดขว้างแบบ เอ็ม 26 เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
เวลา 23.50 น.คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง นายสะอูดิน เฮงตาแก๊ะ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 87 บ้านสาคอ หมู่ 4 ต.ท่าสาป อ.เมือง จ.ยะลา ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบนถนนในหมู่บ้านสาคอ ขณะที่นายสาอูดินขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านไปทำธุระ
สำหรับความคืบหน้าเหตุการณ์คนร้ายวางเพลิงเผากล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) ในพื้นที่ อ.รามัน จ.ยะลา เมื่อวันเสาร์ที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น จากเดิมที่มีการรายงานว่ากล้องพังเสียงหาย 4 ตัว ล่าสุดจากการตรวจสอบเพิ่มเติมได้รับการยืนยันว่ามีกล้องพังเสียหายไปถึง 19 ตัว จากการก่อเหตุ 9 จุด
3 จังหวัด รปภ.ครูเข้มรับเปิดเทอม
ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการประชุมร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายกองกำลัง ครู และฝ่ายปกครอง เพื่อซ้อมแผนการรักษาความปลอดภัยครูในพื้นที่ ทั้งของ จ.ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส โดยทุกเวทีได้มีการเน้นย้ำให้ครูปฏิบัติตามแผนที่วางเอาไว้ อย่าประพฤติตวหรือเดินทางนอกแผน รปภ.โดยเด็ดขาด
พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) กล่าวว่า พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคภาคที่ 4 ได้สั่งการให้แต่ละหน่วยเฉพาะกิจไปประชุมร่วมกับทางสมาพันธ์ครู สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา รวมทั้งโรงเรียนที่อยู่ในเขตรับผิดชอบ โดยต้องให้ความสำคัญกับครูที่อยู่ในโรงเรียนของรัฐ โรงเรียนเอกชน รวมทั้งโรงเรียนปอเนาะให้เหมือนกัน
สำหรับสิ่งที่พิเศษมากขึ้นในปีนี้ คือ มีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการอำเภอร่วมรับผิดชอบอีกทางหนึ่ง ในฐานะศูนย์ประสานงานรักษาความปลอดภัยในระดับอำเภอ ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการอำเภอจะมีการประสานกับหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่และโรงเรียนในเขตพื้นที่รับผิดชอบเพื่อทบทวนแผนการรักษาความปลอดภัยทุกเดือน และเน้นย้ำเรื่องการสื่อสารระหว่างกัน โดยเน้นย้ำว่าครูไม่ต้องเกรงใจเจ้าหน้าที่ฝ่ายกองกำลัง หากมีความจำเป็นต้องเดินทางนอกแผน รปภ.ให้แจ้งเจ้าหน้าที่หรือศูนย์ปฏิบัติการอำเภอทันที
ส่วนพื้นที่ที่เป็นพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เฉพาะนั้น ได้มีการวิเคราะห์พื้นที่ การปฏิบัติการ และแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ระดับ คือ 1.พื้นที่ที่มีความเสี่ยงและพื้นที่เสริมสร้างความมั่นคง ส่วนใหญ่ทหารจะรับผิดชอบดูแล 2.พื้นที่เร่งรัดการพัฒนา จะใช้กำลังตำรวจเข้าไปช่วยรักษาความปลอดภัย และ 3 พื้นที่เสริมสร้างการพัฒนา เน้นใช้กำลังของฝ่ายปกครองในการดูแลรักษาความปลอดภัย
ปปง.ประกาศชื่อเพิ่ม 4 ผู้ก่อการร้าย
พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แถลงความคืบหน้าการประกาศรายชื่อ "บุคคลที่ถูกกำหนด" ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย พ.ศ.2556 ว่า เมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา ปปง.ได้ประกาศรายชื่อผู้ก่อการ ร้ายเพิ่มอีก 4 ราย ประกอบด้วย นายแอ มะเซ นายรอวี หะยีดิง นายมะดารี วาหลง และนายอับดุลตอเละ บาเยาะกาเซะ ซึ่งกลุ่มบุคคลดังกล่าวมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการก่อความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
"ขณะนี้ ปปง.ได้ส่งรายชื่อทั้งหมดให้สถาบันการเงินทุกแห่งตรวจสอบรายชื่อผู้ถูกกำหนด และหากพบว่ามีชื่อบุคคลดังกล่าวครอบครองทรัพย์สิน ขอให้ระงับการดำเนินการทางธุรกรรมการเงินและอสังหาริมทรัพย์ พร้อมแจ้งมายัง ปปง.เพื่อดำเนินการต่อไป ทั้งนี้กฎหมายยังมีผลห้ามไม่ให้ผู้ใดจัดหารวบรวมหรือดำเนินการทางการเงินหรือทรัพย์สินให้ผู้ถูกกำหนด หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีฐานให้การสนับสนุนการก่อการร้าย" พ.ต.อ.สีหนาท กล่าว
แหล่งข่าวจาก ปปง.เผยว่า สำหรับ นายมะดารี วาหลง เป็น 1 ใน 6 แกนนำสำคัญที่ร่วมกับ นายมะรอโซ จันทรวดี บุกเข้าโจมตีฐานปฏิบัติการทหารนาวิกโยธินที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่กลุ่มคนร้ายถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรมเสียชีวิต 16 ราย โดยนายมะดารีและแกนนำสำคัญอีก 5 คนหลบหนีขึ้นเขาบูโดไปได้
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : บรรยากาศการรักษาความปลอดภัยครู นักเรียน และโรงเรียน รับเปิดเทอมใหม่ที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ภาพโดย นาซือเราะ เจะฮะ, อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)