เชื่อไม่มีต่อวงจรซ้อนลวงบึ้ม ฉก.นราฯ32 - ป้ายผ้าต้านเจรจานับได้ 119 ผืน
เหตุระเบิดภายในฐานปฏิบัติการหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เมื่อเวลาประมาณ 13.15 น.ของวันจันทร์ที่ 22 เม.ย.2556 จนทำให้เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ทำลายวัตถุระเบิด (อีโอดี) ต้องสังเวยชีวิตพร้อมกำลังพลรวม 3 นายนั้น ถูกตั้งคำถามจากหลายฝ่ายว่าเป็นเหตุการณ์สุดวิสัยในลักษณะอุบัติเหตุระหว่างการตรวจสอบวัตถุระเบิดที่เก็บกู้มาได้ หรือเป็นแผนของคนร้ายที่ต่อ "วงจรซ้อน" ลวงเอาไว้
ก่อนอื่นต้องย้อนลำดับเหตุการณ์เพื่อให้เข้าใจที่มาที่ไปเสียก่อน เหตุระเบิดดังกล่าวสืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่มีกลุ่มบุคคลนำป้ายผ้าเขียนข้อความไม่ยอมรับกระบวนการเจรจาสันติภาพไปติดกระจายนับร้อยจุดทั่วสามจังหวัดตั้งแต่ช่วงเช้า โดยจุดหนึ่งในนั้นคือที่ต้นไม้ริมถนนในท้องที่บ้านจำปากอ หมู่ 1 ต.กาเยาะมาตี อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส
เมื่อเจ้าหน้าที่ชุดอีโอดีของหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ กองทัพเรือ (ฉก.นย.ภาคใต้ ทร.) เข้าไปตรวจสอบและปลดป้าย ก็พบระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในถังแก๊ส น้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม (มีรายงานบางกระแสระบุว่าน้ำหนักดินระเบิดอาจสูงถึง 20 กิโลกรัม) จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร โดยคนร้ายนำไปวางดักไว้ใต้ต้นไม้ใกล้กับป้ายผ้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดอีโอดีนำโดย เรือโทชัยสิทธิ์ เตชะสว่างวงศ์ ได้เข้าเก็บกู้ไว้ได้สำเร็จ และรวบรวมวัตถุพยานกลับไปยังกองบังคับการหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 ซึ่งตั้งอยู่ที่สถานีประปาแหล่งน้ำผิวดิน บ้านสะแต อ.บาเจาะ
ต่อมาเวลา 13.15 น. ขณะที่ เรือโทชัยสิทธิ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อีโอดี และกำลังพลภายในฐานกำลังตรวจสอบวัตถุพยานอยู่นั้น ได้เกิดระเบิดขึ้น ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 นาย บาดเจ็บ 8 นาย ประกอบด้วย
1) เรือโทชัยสิทธิ์ เตชะสว่างวงศ์ เจ้าหน้าที่อีโอดี เสียชีวิต
2) พ.จ.อ.เรวัตร คงนาค เจ้าหน้าที่อีโอดี เสียชีวิต
3) พ.จ.อ.ทัศนัย ชมพูทวีป เสียชีวิต
4) พ.จ.อ.สมเพชร กาญปัญญา ได้รับบาดเจ็บสาหัส
5) จ.อ.ธีรวัฒน์ สุขรอดรู้ ได้รับบาดเจ็บสาหัส
6) จ.อ.สายัณห์ ชินบุตร ได้รับบาดเจ็บสาหัส
7) จ.อ.ธงชัย สุยวงค์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส
8) จ.อ.องอาจ ศักดา ได้รับบาดเจ็บสาหัส
9) จ.อ.สราวุฒิ ตาละนานนท์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส
10) พลทหารสมชาย มะมัย ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
11) พลทหารมังกร สาระบุญ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
หลังเกิดเหตุสลด มีข่าวเบื้องต้นออกมาว่าสาเหตุของการระเบิดน่าจะเป็นอุบัติเหตุหรือความผิดพลาดในการตรวจสอบวัตถุพยานที่เก็บกู้มาได้ แต่ต่อมาก็มีข่าวใหม่ตามมาว่า น่าจะเป็นแผนของคนร้ายที่ต่อวงจรระเบิดซ้อน 2 ระบบเอาไว้ เมื่อเจ้าหน้าที่ถอดชนวนระบบหนึ่งได้ แต่ไม่ทราบว่ามีอีกชนวนหนึ่งซ่อนอยู่ จึงเกิดระเบิดขึ้นในภายหลัง
ข้อมูลดังกล่าวเมื่อนำมาพิจารณาร่วมกับการที่หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 เป็นหน่วยบังคับบัญชาของฐานปฏิบัติการบ้านยือลอ ต.บาเระเหนือ อ.บาเจาะ ที่ถูกกลุ่มติดอาวุธนำโดย นายมะรอโซ จันทรวดี บุกเข้าโจมตีฐานเมื่อวันที่ 13 ก.พ.2556 แต่เจ้าหน้าที่ภายในฐานตอบโต้จนฝ่ายผู้บุกรุกเสียชีวิตถึง 16 ราย รวมทั้งนายมะรอโซด้วย จึงทำให้หลายฝ่ายให้น้ำหนักกับข้อมูลนี้ เพราะอาจเป็นไปได้ว่ากลุ่มก่อความไม่สงบวางแผนมาเพื่อแก้แค้นเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 (ก่อนหน้ามีการอุ้มฆ่าพลทหารที่เคยปฏิบัติการที่ฐานบ้านยือลอไปแล้ว 1 นาย)
สันนิษฐานไม่มีต่อ "วงจรซ้อน"
อย่างไรก็ดี จากการสอบถามความเห็นจากเจ้าหน้าที่อีโอดีที่มีประสบการณ์และทำงานสนามในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มานานหลายปี กลับได้รับการยืนยันว่า การต่อวงจรซ้อนในกรณีของระเบิดถังแก๊ส มีความเป็นไปได้น้อยมาก
"ผมคิดว่าน่าจะเกิดจากการแกะหรือนำระเบิดมาถอดแล้วเกิดความร้อนจากการเสียดสีของวัสดุที่ทำเป็นภาชนะ กระทั่งเกิดประกายไฟและทำปฏิกิริยากับน้ำมันจนทำให้ระเบิดขึ้นมากกว่า เพราะระเบิดที่พบเป็นระเบิดแอนโฟ (แอมโมเนียมไนเตรทผสมน้ำมัน หรือ ammonium nitrate fuel oil) วงจรที่คนร้ายต่อคือจุดระเบิดด้วยวิทยุสื่อสาร ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้สามารถตัดวงจรนี้ได้แล้ว จากนั้นก็นำกลับฐาน เข้าใจว่าน่าจะมีการผ่าถังเพื่อเอาดินระเบิดข้างในถังแก๊สออกมาจนเกิดระเบิด"
ส่วนข่าวที่ว่าอาจมีการต่อวงจรซ้อนในรูปแบบ "หัวล้านชนกัน" เพื่อลวงเจ้าหน้าที่อีโอดีนั้น แหล่งข่าวผู้เชี่ยวชาญรายนี้ บอกว่า การต่อวงจรแบบหัวล้านชนกัน คือการต่อสายไฟ 2 เส้นไว้กับแบตเตอรี่ 9 โวลต์ แล้วผูกปมที่ปลายสายไฟแต่ละเส้นเอาไว้เพื่อไม่ให้ทองแดงของสายไฟสัมผัสกัน เมื่อมีการยก ตะแคง หรือเคลื่อนย้ายภาชนะระเบิด (หลังจากตัดวงจรจุดระเบิดอื่นแล้ว) การเคลื่อนของภาชนะจะกระตุกให้ปมที่ผูกไว้ 2 ปมนั้นเคลื่อนมาชนกัน ทำหน้าที่คล้ายสวิทช์ เมื่อทองแดงสัมผัสกันครบวงจรก็ทำให้เกิดระเบิดขึ้นได้ ซึ่งวิธีการนี้โดยมากต้องต่อวงจรไว้ด้านนอกภาชนะ โดยเฉพาะระเบิดที่ประกอบในถังแก๊ส การต่อวงจรแบบหัวล้านชนกันไว้ด้านในเป็นเรื่องยากมาก เพราะไม่สามารถกำหนดทิศทางการเคลื่อนของภาชนะได้ โอกาสที่จะเกิดระเบิดทำร้ายตัวเองขณะต่อวงจรก็มีสูง
ทัศนะของเจ้าหน้าที่อีโอดีรายนี้ สอดรับกับข้อมูลของเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวอีกรายหนึ่งที่บอกว่า แม้จะยังสรุปไม่ได้ว่าวัตถุระเบิดดังกล่าวมีการต่อวงจรซ้อนเอาไว้หรือไม่ แต่ก็เห็นว่าการต่อวงจรซ้อนในระเบิดถังแก๊สเป็นไปได้ยาก เพราะต้องต่อไว้ด้านนอก ซึ่งเมื่อต่อไว้ด้านนอก เจ้าหน้าที่อีโอดีที่เข้าเก็บกู้ชุดแรกก็ต้องมองเห็น น่าจะตัดวงจรได้เรียบร้อยแล้ว นอกจากนั้นระเบิดก็ถูกเคลื่อนย้ายจากจุดเกิดเหตุกลับไปยังฐานปฏิบัติการ หากมีการต่อวงจรแบบหัวล้านชนกัน หรือวงจรที่จะทำงานเมื่อเคลื่อนย้ายระเบิด ก็น่าจะเกิดระเบิดตั้งแต่ตอนเคลื่อนย้ายแล้ว
ดักบึ้มทหารพราน "ปาดี-ระแงะ" เจ็บระนาว
สำหรับเหตุรุนแรงอื่นๆ ตลอดวันจันทร์ที่ 22 เม.ย.ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ เริ่มจากเมื่อเวลา 08.20 น.คนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางระเบิดชุดปฏิบัติการกองร้อยทหารพรานที่ 4801 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 (ร้อย ทพ.4801 ฉก.ทพ.48) ขณะเข้าตรวจสอบเหตุคนร้ายสร้างสถานการณ์ก่อกวนในพื้นที่ บริเวณบ้านโต๊ะเด็ง หมู่ 1 ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส แรงระเบิดทำให้ ร.ท.ไกรศักดิ์ รอดไกรทุกข์ ผู้บังคับกองร้อย ทพ.4801 ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณต้นขาขวาได้รับบาดเจ็บ
เวลา 10.15 น. คนร้ายลอบวางระเบิดชุดปฏิบัติการทหารพราน กองร้อยทหารพรานที่ 1104 (ร้อย ทพ.1104) ขณะเข้าตรวจสอบป้ายผ้าต่อต้านการเจรจาและวัตถุต้องสงสัย ท้องที่หมู่ 5 บ้านลูโบะกาเยาะ ต.เฉลิม อ.ระแงะ จ.นราธิวาส แรงระเบิดทำให้ อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) สราวุธ โพชะกะ ได้รับบาดเจ็บ นอกจากนั้นสะเก็ดระเบิดยังไปโดนรถกระบะของชาวบ้านที่แล่นผ่านมาพอดี ทำให้ ด.ญ.ชนัฐฎา สามารถพัฒนกิจ และ ด.ช.อซุรวาร ตอเละ อายุ 9 ขวบ ได้รับบาดเจ็บ
ยิงสาวใหญ่สองพี่น้องเจ็บอีก 2 ที่โคกโพธิ์
เวลา 10.50 น.วันเดียวกัน คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง นางนพารัตน์ สะนิ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 91/1/ บ้านม่วงถ้ำ หมู่ 3 ต.สะกอม อ.เทพา จ.สงขลา และ นางวันเพ็ญ อินทองแก้ว อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80 บ้านลูตง หมู่ 6 ต.แม่ลาน อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี ซึ่งทั้งคู่เป็นพี่น้องกัน ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบริเวณหน้าโรงเรียนป่าไร่ หมู่ 2 ต.ทุ่งพลา อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ขณะที่ทั้งสองคนนั่งรถจักรยานยนต์กลับจากซื้อของที่ตลาดนัดบ้านป่าไร่ กำลังมุ่งหน้ากลับบ้านในท้องที่ อ.แม่ลาน เบื้้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง
ป้ายต้านเจรจาพรึ่บ 119 ผืนทั่วชายแดนใต้
สำหรับเหตุการณ์กลุ่มบุคคลกระจายกันติดป้ายผ้าภาษามลายู เขียนด้วยตัวอักษรรูมี ข้อความไม่ยอมรับกระบวนการพูดคุยสันติภาพนั้น ปรากฏว่าจากการตรวจสอบของฝ่ายความมั่นคงสรุปว่า มีการติดป้ายผ้าทั้งสิ้น 119 ผืน แยกเป็น
จ.นราธิวาส 52 ผืน ในพื้นที่ 9 อำเภอ คือ อ.เมือง อ.แว้ง อ.บาเจาะ อ.รือเสาะ อ.ยี่งอ อ.จะแนะ อ.ศรีสาคร อ.สุไหงปาดี และ อ.สุคิริน
จ.ยะลา 26 ผืน ในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อ.ยะหา อ.รามัน อ.บันนังสตา อ.ธารโต อ.กรงปินัง อ.เมืองยะลา และ อ.กาบัง
จ.ปัตตานี 33 ผืน ในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง อ.หนองจิก อ.ยะรัง อ.สายบุรี อ.กะพ้อ อ.ยะหริ่ง และ อ.โคกโพธิ์
จ.สงขลา 8 ผืน ในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.เทพา กับ อ.สะบ้าย้อย อำเภอละ 4 ผืน
นอกจากนั้นในพื้นที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ยังมีกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) ถูกคนร้ายทำลาย 6 ตัวด้วย
"ภราดร"รับใต้ป่วนไม่หยุดส่งผลเจรจาสะดุดระยะยาว
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงการขึ้นป้ายต่อต้านการเจรจาและความรุนแรงที่ยังคงเกิดต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นอาจมองได้ว่าเป็นฝีมือของกลุ่มที่มีแนวคิดสุดโต่งคัดค้านการเจรจา หรือกลุ่มที่ส่งสัญญาณบอกว่ารัฐเจรจาผิดกลุ่ม รวมถึงภัยแทรกซ้อนต่างๆ ซึ่งทางหน่วยงานรัฐกำลังสืบสภาพว่าเป็นกลุ่มใดบ้าง มั่นใจว่ามีเพียงส่วนน้อยประมาณ 20% และจะไม่กระทบกับการพูดคุยสันติภาพที่จะมีขึ้นในวันที่ 29 เม.ย.นี้ที่ประเทศมาเลเซีย
อย่างไรก็ดี ยอมรับว่าหากความรุนแรงยังมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง การพูดคุยอาจต้องถูกเว้นระยะออกไป ไม่เป็นไปตามกรอบเวลาที่วางไว้เดิม ทั้งนี้เพื่อให้เวลาทั้งสองฝ่ายได้ไปแก้ปัญหาในพื้นที่กันก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าการพูดคุยที่ผ่านมาไม่ประสบความสำเร็จใช่หรือไม่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า คงบอกแบบนั้นไม่ได้ เพราะขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการสืบสภาพเพื่อให้ทราบว่าฝ่ายขบวนการมีกี่กลุ่มและมีแนวทางการต่อสู้อย่างไร โดยในวันที่ 29 เม.ย.ที่จะพูดคุยกันฝ่ายรัฐบาลไทยก็จะถามถึงความรุนแรงในพื้นที่ว่าเป็นฝีมือของกลุ่มใด ทำไมถึงยังก่อเหตุ เพื่อย้ำว่าการลดความรุนแรงในพื้นที่เป็นเป้าหมายสำคัญที่สุดในการพูดคุย
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : เจ้าหน้าที่กำลังปลดป้ายผ้าเขียนข้อความไม่ยอมรับกระบวนการเจรจาสันติภาพที่มีบุคคลลึกลับนำขึ้นไปแขวนบนสายไฟฟ้าที่อยู่ค่อนข้างสูง ในพื้นที่ จ.ยะลา (ภาพโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)