ปิดตำนาน "ชุมแพ" ตำรวจน้ำดีที่ปลายขวาน
ตลอด 9 ปีของสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้กลืนชีวิตนายตำรวจจนตกเป็นข่าวครึกโครมมาแล้วหลายต่อหลายนาย เชื่อว่าสังคมไทยคงยังจำพวกเขาเหล่านั้นได้ เช่น...
ร.ต.อ.ธรณิศ ศรีสุข หรือ "ผู้กองแคน" รองผู้บังคับกองร้อยรบพิเศษ 1 (รพศ.1) กองกำกับการ 1 กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) หรือตำรวจพลร่มจากค่ายนเรศวร จ.เพชรบุรี ถูกซุ่มโจมตีขณะนำกำลังออกลาดตระเวนจนเสียชีวิตที่บริเวณเนินเนาวรัตน์ บนถนนบ้านสายสุราษฎร์-บ้านภักดี หมู่ 3 ต.เขื่อนบางลาง อ.บังนังสตา จ.ยะลา เมื่อวันที่ 29 ก.ย.2550
ร.ต.ต.กฤตติกุล บุญลือ หรือ "หมวดตี้" ผู้บังคับหมวดกองร้อยรบพิเศษ 2 พลร่มจากค่ายนเรศวรเช่นกัน ถูกซุ่มโจมตีจากกองกำลังติดอาวุธขณะนำกำลังออกลาดตระเวน เสียชีวิตที่บริเวณเนินบ้านสันติ 1 หมู่ 2 ต.เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลา เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.2551
พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา หรือ "จ่าเพียร" ผู้กำกับการ สภ.บันนังสตา ถูกคนร้ายลอบวางระเบิดและยิงถล่มซ้ำจนเสียชีวิต ขณะนำกำลังออกตรวจพื้นที่บนถนนในหมู่บ้าน หมู่ 2 บ้านทับช้าง ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา เมื่อวันที่ 12 มี.ค.2553
และล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 15 มี.ค.2556 พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ วงศ์พรหมเมศร์ รองผู้กำกับการฝ่ายป้องกันและปราบปราม (รองผกก.ป.) สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ถูกลอบวางระเบิดจนเสียชีวิตพร้อมลูกน้องอีก 2 นาย คือ ส.ต.อ.ปิยะ ภูพันเว่อ และ ส.ต.ท.สุเวส จันทรังษี ขณะเดินทางกลับจากการร่วมกิจกรรมมอบวุฒิบัตรให้แก่ "บัณฑิตน้อย" ของโรงเรียนบ้านรือเสาะ
การจากไปของ พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ ถือเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะตำรวจนายนี้อาสาลงไปปฏิบัติงานในพื้นที่ด้วยอุดมการณ์ ยอมทิ้งความสุขสบายไว้เบื้องหลังเพื่อทำหน้าที่ปกป้องประชาชนและผืนแผ่นดินปลายด้ามขวานทองของไทย
พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ อายุ 49 ปี เป็นชาว ต.เกาะหลัก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ จบการศึกษาช่างก่อสร้างอุเทนถวาย และมหาวิทยาลัยรามคำแหง หลังจากสำเร็จการศึกษาได้เข้ารับราชการในตำแหน่งนักพัฒนาชุมชน สำนักงานเขตดุสิต และเจ้าพนักงานปกครอง 4 สำนักงานเขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร
ต่อมาเขาได้ตัดสินใจลาออกเพื่อสมัครสอบเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร และได้สวมเครื่องแบบสีกากีสมใจ โดยบรรจุเข้ารับราชการตำรวจครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 ก.พ.2534 ในสังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) โดยประจำอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ห่างไกลจากภยันตรายและเหตุร้ายทั้งปวง
ทว่าหลังจากที่เหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ปะทุขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีเหตุสะเทือนขวัญ คนร้ายกรุ้มรุมทำร้าย ครูจูหลิง ปงกันมูล จนได้รับบาดเจ็บสาหัสเมื่อ 19 พ.ค.2549 และเสียชีวิตเมื่อต้นปี 2550 พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ ได้ตัดสินใจทิ้งเก้าอี้นายตำรวจ สตม. ขอย้ายลงไปปฏิบัติหน้าที่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยตั้งปณิธานเอาไว้ว่าจะตามล่าฆาตกรที่ฆ่าครูจูหลิงให้ได้ หากไม่สำเร็จจะไม่ขอกลับออกจากพื้นที่อย่างเด็ดขาด!
เขาได้ไปดำรงตำแหน่งสารวัตรปราบปราม (สวป.) สภ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส และปฏิบัติหน้าที่อย่างมุ่งมั่น เที่ยงตรง กระทั่งได้รับฉายาจากชาวบ้านว่า "ชุมแพ" ตามชื่อของละครยอดนิยมในยุคนั้นที่ตัวเอกของเรื่องคือ "เพิก ชุมแพ" ยอมเสียสละต่อสู้กับกลุ่มอิทธิพลท้องถิ่นที่กระทำธุรกิจผิดกฎหมายและรังแกประชาชน
พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ รับราชการในพื้นที่ชายแดนใต้อย่างราบรื่น ได้รับการยอมรับจากประชาชนอย่างกว้างขวาง เขาเคยได้รับเกียรติบัตรในฐานะเป็นข้าราชการตำรวจดีเด่นสายสืบสวนปราบปราม พร้อมทั้งเป็นนักยิงปืนเล็กยาวขั้นเชี่ยวชาญหลักสูตรนาวิกโยธิน กองทัพเรือ กระทั่งย้ายไปรับหน้าที่เป็น รองผกก.ป. สภ.รือเสาะ
เขาไม่เห็นด้วยกับการกระทำของกลุุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่เลือกเป้าหมายสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะผู้หญิง เด็ก และคนชรา ถึงกับเคยติดป้ายเรียกร้องให้หยุดโจมตีเป้าหมายอ่อนแอ ถ้าแน่จริงให้มายิงกับ "ชุมแพ" ซึ่งหมายถึงตัวเขาแทน
ตลอดระยะเวลาที่ได้ทำงานในพื้นที่ พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ ยึดหลักความเที่ยงธรรม เสมอภาค และยุติธรรม ทั้งยังมีบุคลิกเป็นกันเอง ไม่ถือตัว จนได้รับความไว้วางใจ และเป็นที่รักของผู้ใต้บังคับบัญชา ตลอดจนประชาชนในพื้นที่
แม้กระทั่งกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชนที่มักมีทัศนคติไม่ค่อยดีกับเจ้าหน้าที่รัฐ ก็ยังยืนยันว่า พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ เป็นนายตำรวจน้ำดีที่ทุกคนนับถือ วัยรุ่นหลายรายที่เคยโดนจับกุมเพราะกระทำความผิดเล็กๆ น้อยๆ บอกว่า พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ เป็นคนตรงไปตรงมา ไม่เคยยัดข้อหา ไม่เคยยัดยาเสพติด ไม่ใช้กฎหมายรังแกประชาชน
น.ส.ฐาปาณี คีรีวงษ์ แฟนสาวของ พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ กล่าวทั้งน้ำตาว่า รองผู้กำกับฯเป็นคนตั้งใจทำงานมาก ทุกวันจะตื่นแต่เช้าเพื่อปฏิบัติหน้าที่ และกลับถึงบ้านประมาณ 4- 5 ทุ่มทุกคืน ถ้ามีเหตุการณ์รุนแรงในพื้นที่รับผิดชอบบางครั้งก็ไม่กลับบ้านเลย
"จริงๆ แล้วช่วงที่เกิดเหตุระเบิด เป็นช่วงพักของรองผู้กำกับฯด้วย แต่เขาก็ไม่ยอมหยุด และยังไปปฏิบัติหน้าที่เพราะเป็นห่วงเด็กๆ และพี่น้องประชาชน" น.ส.ฐาปาณี กล่าว
สำหรับตำรวจอีก 2 นายที่เสียชีวิตพร้อมกับ พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ คือ ส.ต.อ.ปิยะ ภูพันเว่อ อายุ 34 ปี พลขับ และ ส.ต.ท.สุเวส จันทรังษี อายุ 30 ปี ผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปราม (ผบ.หมู่ ป.) สภ.รือเสาะ นั้น เข้าปฏิบัติหน้าที่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มาตั้งแต่ ปี 2547 และได้ทำเรื่องขอย้ายกลับภูมิลำเนา เนื่องจากปฏิบัติหน้าที่มาเป็นเวลาหลายปี โดยยื่นเรื่องไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเพิ่งได้รับการอนุมัติมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 นายต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปอีก 3 เดือนเพื่อรอให้กำลังพลตำรวจชุดใหม่ที่จบหลักสูตรการอบรมและบรรจุเข้ามาปฏิบัติหน้าที่แทนก่อน
ทว่าพวกเขาก็ต้องมาจบชีวิตลง ทำให้ไม่ได้กลับบ้านในขณะที่ยังมีลมหายใจ...
ส่งศพ 3 ตำรวจกลับภูมิลำเนา
ที่ศาลาสันติสุข ฌาปนสถานเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อวันเสาร์ที่ 16 มี.ค.2556 พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานในพิธีรดน้ำศพและวางพวงหรีดหน้าศพ พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ ส.ต.อ.ปิยะ และ ส.ต.ท.สุเวส โดยมีนายตำรวจและข้าราชการระดับสูงทุกหน่วย ตลอดจนเพื่อนร่วมงาน และประชาชนทั่วไปเข้าร่วมไว้อาลัยอย่างคับคั่ง
หลังเสร็จพิธีรดน้ำศพ ได้มีพิธีส่งศพข้าราชการตำรวจทั้ง 3 นายกลับไปบำเพ็ญกุศล โดย พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ ญาติได้เคลื่อนศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดราษฎร์สโมสร อ.รือเสาะ ส่วน ส.ต.อ.ปิยะ ญาตินำกลับไปที่ จ.กาฬสินธุ์ และ ส.ต.ท.สุเวส ไปที่ จ.อ่างทอง
พบแบะแสมือบึ้ม-คาดมี 6-7 คน
สำหรับความคืบหน้าทางคดี พ.ต.อ.สะท้านฟ้า วามะสิงห์ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ได้สอบปากคำพยานไปแล้วรวม 5 ปาก โดยพบเบาะแสในเชิงลึกหลายอย่าง รวมทั้งได้มีการสืบสวนทางเทคนิคผนึกเข้ากับข้อมูลจากแหล่งข่าวความมั่นคง ทำให้รู้ตัวผู้ที่ลงมือก่อเหตุแล้วว่าเป็นใคร และแต่ละคนทำหน้าที่อะไรบ้าง โดยคนร้ายมีทั้งหมด 6-7 คน
ยิงรายวันยังชุก ตาย-เจ็บหลายราย
สำหรับเหตุรุนแรงอื่นๆ ยังคงมีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อวันเสาร์ที่ 16 มี.ค.เวลา 07.10 น.คนร้าย 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดประกบยิง นายมะรอปี รอฮิม อายุ 38 ปี พักอยู่บ้านเลขที่ 39 บ้านกูวิง หมู่ 6 ต.บาโร๊ะ อ.ยะหา จ.ยะลา ซึ่งเป็นบ้านของภรรยา กระสุนเจาะเข้าตามร่างกายทำให้นายมะรอปีเสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดขณะนายมะรอปีกำลังขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนถนนสายยะหา-บาละ ท้องที่บ้านกูวิง หมู่ 6 เพื่อไปกรีดยางพารา โดยมีภรรยานั่งซ้อนท้ายไปด้วย แต่ภรรยาปลอดภัย
เวลา 15.55 น.คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม. ยิง นายอูสมัน เจ๊ะสะนิ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 163 บ้านทุเรียนนก หมู่ 10 ต.ลำภู อ.เมือง จ.นราธิวาส กระสุนถูกบริเวณศีรษะ ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดขณะที่นายอูสมันขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 (ปัตตานี-นราธิวาส) ท้องที่ บ้านบาโง หมู่ 4 ต.ละหาร อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส
เวลา 09.50 น.วันอาทิตย์ที่ 17 มี.ค.คนร้ายไม่ทราบจำนวนมีรถกระบะยี่ห้อนิสสัน รุ่นบิ๊กเอ็ม สีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดประกบยิง นายมะยิ มาแด สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ตะมะยูง อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส สียชีวิตคาที่ เหตุเกิดขณะนายมะยิกำลังขับรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีแดง หมายเลขทะเบียน กค 8079 ยะลา อยู่บนทางหลวงหมายเลข 4060 บ้านดุซงมาแจ หมู่ 2 ต.ซากอ อ.ศรีสาคร เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
ควบมอเตอร์ไซค์ยิงจุดตรวจทหารเจ็บ 1
เวลา 21.50 น.วันเสาร์ที่ 16 มี.ค.คนร้าย 4 คนมีรถจักรยานยนต์ 2 คันเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกยิงใส่เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ หน้าฐานปฏิบัติการซาบากาจิ ท้องที่บ้านปรีกี หมู่ 3 ต.กระโด อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นฐานปฏิบัติการของหมวดปืนเล็กที่ 2 กองร้อยทหารราบที่ 1311 หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 21 (มว.ปล.ที่ 2 ร้อย.ร.1311 ฉก.ปัตตานี 21) ทำให้ ส.อ.ถาวร เหล็กดี อายุ 26 ปีได้รับบาดเล็กเล็กน้อย เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : พิธีรดน้ำศพ พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ วงศ์พรหมเมศร์ พร้อมเพื่อนตำรวจอีก 2 นายที่ฌาปนสถานเทศบาลนครยะลา
อ่านประกอบ : บึ้มรือเสาะ"รองผกก.ดีเด่น"พลีชีพ - "พล.ท.สกล" เบียดขึ้นแม่ทัพภาค 4