"แนวร่วมรุ่นใหม่"ยันเดินหน้าป่วนต่อ - บึ้มปริศนารถทหารพราน
บรรยากาศที่ชายแดนใต้ยังตึงเครียดหลังรัฐเปิดเกมดึงผู้อาวุโสบีอาร์เอ็นลงนามข้อตกลงพูดคุยสันติภาพ "แนวร่วมรุ่นใหม่" กร้าวไม่สน ไม่รู้จัก ลั่นเดินหน้าก่อเหตุรุนแรงต่อเนื่อง เหตุเป้าหมายชัดเจนต้องแยกดินแดน ญาติผู้สูญเสียตำหนิขบวนการปลุกระดมทำไฟใต้ร้าวลึก แนะรัฐเร่งเปิดเวทีรากหญ้า ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ยังระอุ บึ้มปริศนาในรถทหารพราน ดับ 1 สาหัส 2 ยังไม่สรุปเจอซุกระเบิดหรืออุบัติเหตุ
ภายหลังเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ลงนามในเอกสารแสดงเจตจำนงเข้าสู่กระบวนการพูดคุยสันติภาพกับ นายฮัสซัน ตอยิบ ที่อ้างตัวว่าเป็นแกนนำขบวนการบีอาร์เอ็น ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 ก.พ.2556 เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ หลายฝ่ายได้ตั้งข้อสงสัยว่า นายฮัสซัน เป็นแกนนำบีอาร์เอ็นตัวจริงหรือไม่ มีศักยภาพในการสั่งการกลุ่มติดอาวุธที่สร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ได้แค่ไหน และบรรดา "แนวร่วมรุ่นใหม่" ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นกลุุ่มวัยรุ่นและชายฉกรรจ์ในพื้นที่คิดอย่างไรกับกระบวนการสันติภาพดังกล่าว
จากการที่ "ทีมข่าวอิศรา" ประสานขอพูดคุยเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากบรรดา "แนวร่วมรุ่นใหม่" หลายกลุ่ม ปรากฏว่าเมื่อถามคำถามต่างๆ ดังกล่าว ก็ได้รับคำตอบคล้ายๆ กันว่า ไม่รู้ว่ารัฐไปคุยกับใคร ไม่รู้จัก ไม่รู้เรื่อง และไม่สนใจกระบวนการพูดคุยสันติภาพ
"พวกเรายืนยันว่าจะก่อเหตุต่อไปเรื่อยๆ เพราะว่าธงของเราคือแผ่นดิน ไม่มีอย่างอื่น เหตุการณ์หลังจากเปิดเวทีพูดคุยสันติภาพ เช้าของอีกวันก็เกิดเหตุรุนแรง จึงเป็นเรื่องชัดเจนอยู่แล้วว่าเสียงเหล่านั้นเป็นเสียงที่ไม่ตอบรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นในมาเลเซีย" แกนนำแนวร่วมรุ่นใหม่รายหนึ่ง ระบุ
แหล่งข่าวซึ่งเป็นญาติผู้สูญเสียจากเหตุการณ์รุนแรงที่กระทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐ กล่าวว่า ช่วงหลายปีมานี้มีกลุ่มเยาวชนและวัยรุ่นที่เป็นคนในครอบครัวผู้สูญเสียเข้าไปร่วมกับขบวนการเยอะ เท่าที่ได้คุยกับเด็กกลุ่มนี้ไม่มีใครยอมรับกระบวนการพูดคุยสันติภาพ เพราะเป้าหมายของกลุ่มพวกเขาคือเอกราช ไม่ใช่เขตปกครองพิเศษ หรือการปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ
"ฉันว่าแนวคิดพวกนี้แก้ยาก และจะเกิดปัญหาตามมาอีกมาก ต้องถามว่าตอนที่พวกแกนนำรุ่นใหญ่ปลุกระดมเยาวชนเอาไว้ มักจะพูดเรื่องเอกราชและศาสนาซึ่งเป็นเรื่องของอุดมการณ์ พอมาวันนี้คุณอยากจะจับมือกับรัฐ จะให้คนที่ถูกปลุกระดมยอมรับง่ายๆ หรือเปลี่ยนความคิดง่ายๆ ได้อย่างไร ฉะนั้นฉันจึงเชื่อว่าเหตุรุนแรงในพื้นที่จะยังคงมีต่อไป" แหล่งข่าวซึ่งเป็นผู้หญิงและสูญเสียบิดาจากเหตุการณ์ความรุนแรง กล่าว และว่าอยากให้รัฐเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ในพื้นที่อย่างแท้จริงและกว้างขวางที่สุด เพื่อระดมกันหาทางออกที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ไม่ใช่ไปฟังหรือจับมือกับแค่ผู้อาวุโสกลุ่มเดียว
บึ้มปริศนาจากในรถทหารพราน ดับ 1 สาหัส 2
ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ตลอดหลายวันที่ผ่านมายังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นบ้างประปราย โดยเมื่อวันจันทร์ที่ 11 มี.ค.2556 เวลาประมาณ 10.35 น. พ.ต.ท.ต่อพันธุ์ ปุสันเที๊ยะ สารวัตรใหญ่ สภ.ท่าธง อ.รามัน จ.ยะลา รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 สภ.ท่าธง ว่าเกิดเหตุระเบิดจากรถของเจ้าหน้าที่ทหารพราน ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย เหตุเกิดบนถนนสายโกตาบารู-ทุ่งยางแดง ท้องที่บ้านตะโละมางาแบ หมู่ 2 ต.วังพญา อ.รามัน จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พล.ต.ต.พีระ บุญเลี้ยง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา (ผบก.ภ.จว.ยะลา)
ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแม็กซ์ 4 ประตู สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน กข 8691 พัทลุง จอดอยู่ในสภาพเสียหลักเกือบตกข้างทาง กระจกด้านหน้าและด้านข้างแตกทั้งหมด พบรอยเลือดเปรอะอยู่ภายในรถ และยังมีสลักนิรภัยของระเบิดขว้างแบบเอ็ม 26 ตกอยู่ด้วย จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้บาดเจ็บทราบว่าเป็นทหารพราน 3 นายสังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4108 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 ค่ายวังพญา อ.รามัน ประกอบด้วย อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) ฉัตรมงคล ทองธรรมชาติ อายุ 32 ปี อส.ทพ.มนัส สัตย์ซื่อ อายุ 28 ปี และ อส.ทพ.วิชิต จอมวิเชียร อายุ 32 ปี ทั้งหมดอาการสาหัส เจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา ต่อมามีรายงานว่า อส.ทพ.มนัส ซึ่งเป็นชาว อ.วังสะพุง จ.เลย ทนพิษบาดแผลไม่ไหว สิ้นใจที่โรงพยาบาล
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุกำลังพลทั้ง 3 นายได้นำรถกระบะคันที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นรถส่วนตัว ไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและตรวจสภาพรถที่อู่ซ่อมรถแห่งหนึ่งใน อ.เมืองยะลา เสร็จแล้วได้ขับรถไปจอดไว้บริเวณถนนอาคารสงเคราะห์ 1 เพื่อรับประทานอาหาร ก่อนขับมุ่งหน้ากลับกรมทหารพรานที่ 41 แต่ระหว่างทางได้เกิดระเบิดขึ้นจากข้างในรถ ทำให้กำลังพลเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สรุปว่าเป็นการลอบวางระเบิดของคนร้าย หรือเจ้าหน้าที่ทำระเบิดหล่นในรถเอง
ยิงรายวันชาวบ้านสังเวยอีก 2 ศพ
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 มี.ค.เวลา 10.35 น. ขณะที่ นายมะฟอซี อาแว อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 192/1 บ้านตันหยงเปาว์ หมู่ 4 ต.ท่ากาชำ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี กำลังขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู รุ่น 318 ไอ สีดำ หมายเลขทะเบียน กง 663 ปัตตานี อยู่บนถนนสายชนบท หมู่ 6 ต.บางเขา อ.หนองจิก เพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านนั้น ระหว่างทางมีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนอาก้าและเอ็ม 16 ยิงใส่ ทำให้นายมะฟอซีเสียชีวิตคารถ เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
เวลา 10.40 น.คนร้าย 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกตามประกบยิง น.ส.นิภา พรหมเพชร อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 95 หมู่ 3 ต.ตะโละกาโปร์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ขณะขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 ท้องที่บ้านราวอ หมู่ 4 ต.กระหวะ อ.มายอ จ.ปัตตานี กำลังมุ่งหน้ากลับบ้านหลังเสร็จจากซื้อของที่ตลาดปาลัส ทำให้ น.ส.นิภา เสียชีวิตคาที่ เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหารเช่นกัน
เผาโรงเรียนที่บันนังสตา-ยิงผู้ใหญ่บ้านสายบุรี
วันเสาร์ที่ 9 มี.ค.เวลา 04.30 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางเพลิงเผาอาคารเรียนของโรงเรียนตาเนาะปูเต๊ะ หมู่ 9 บ้านตาเนาะปูเต๊ะใน ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ทำให้ทรัพย์สินในอาคารเสียหายเล็กน้อย แต่เพลิงไม่ลุกลาม เนื่องจากภารโรงและชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงที่เห็นเหตุการณ์ช่วยกันดับเพลิงเอาไว้ได้ และไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
เวลา 18.40 น.คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนสงครามยิง นายมาฮะมะลาเย็ง แวะดาแม อายุ 50 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ต.กะนุดง อยู่บ้านเลขที่ 94/1 บ้านปายอนอก หมู่ 8 ต.กะนุดง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี จนเสียชีวิต เหตุเกิดบนถนนในหมู่บ้าน ขณะที่นายมาฮะมะลาเย็งกำลังขี่รถจักรยานยนต์ไปละหมาดที่มัสยิด โดยหลังก่อเหตุคนร้ายได้ชิงอาวุธปืนพกขนาด 9 มม.ของผู้ตายหลบหนีไปด้วย เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
เวลา 03.30 น.วันเดียวกัน คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนลูกซองยิง นายอับดุลกอเดร์ หะยีสาและ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 209/1 บ้านจาบังโต๊ะกู หมู่ 5 ต.ตันหยงดาลอ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบริเวณหน้าบ้านของตนเอง ขณะที่นายอับดุลกอเดร์กำลังเดินขึ้นบ้าน หลังจอดรถยนต์ที่ใต้ถุนบ้าน เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง แต่ให้น้ำหนักไปที่ความขัดแย้งส่วนตัว
กราดเอ็ม 16 ถล่มวัยรุ่นคาสนามบาสสุไหงปาดี
วันศุกร์ที่ 8 มี.ค.เวลา 19.20 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นขณะเล่นกีฬาอยู่บริเวณสนามบาสเกตบอลหน้าสำนักงานป่าไม้ ในเขตเทศบาลตำบลปะลุรู อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เป็นเหตุให้เยาวชนอายุ 15 ปีรายหนึ่งได้รับบาดเจ็บ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
เวลา 22.00 น. เกิดระเบิดบริเวณสามแยกบ้านยานิง หมู่ 2 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าอาจเป็นแผนลวงก่อเหตุเพื่อล่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจจุดเกิดเหตุแล้วกดระเบิดลูกที่ 2 ซ้ำ
ส่วนความคืบหน้าเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดประทุษร้ายทหารนาวิกโยธินชุดรักษาความปลอดภัยครู (รปภ.ครู) หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 33 เมื่อเช้าวันที่ 30 ม.ค.2556 บริเวณสามแยกบ้านโคกแมแน หมู่ 3 ต.มะนังตายอ อ.เมือง จ.นราธิวาส ทำให้ พ.จ.อ.สุเทพ โมกคะมูล หัวหน้าชุดเสียชีวิต และลูกน้องได้รับบาดเจ็บอีก 4 นายนั้น
ล่าสุดมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้สอบสวนขยายผลผู้ต้องหา 2 รายที่จับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 5 ก.พ.2556 นำไปสู่การออกหมายจับผู้ต้องสงสัยเพิ่มเติมอีก 4 ราย ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นอายุประมาณ 19-21 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ในท้องที่ อ.เมืองนราธิวาส และไม่มีหมายจับหรือเคยถูกดำเนินคดี
ผู้ต้องสงสัยบึ้มโอเกะมอบตัว - รวบยกแก๊งบึ้มร้านทองยะลา
ที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส นายซูปรี อาแว อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 102 หมู่ 7 ต.ตันหยงลิมอ ซึ่งเป็นบุคคลต้องสงสัยตามหมาย ฉฉ (ออกตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) ลงวันที่ 24 ส.ค.2549 ในคดีลอบวางระเบิดในร้านคาราโอเกะในเขต อ.เมืองนราธิวาส เมื่อวันที่ 1 ส.ค.2549 ได้เข้ารายงานตัวแสดงความบริสุทธิ์ใจตามโครงการสานใจสู่สันติ โดยพร้อมจะเข้ารับการฝึกอบรมเพื่อปรับทัศนคติต่อไป
ส่วนความคืบหน้ากรณีคนร้าย 2 คนนำประทัดยักษ์บรรจุในท่อพีวีซีไปวางบนตู้กระจกโชว์ทองรูปพรรณ ของห้างทองซังเต้ง 2 ตั้งอยู่เลขที่ 4 ถนนรถไฟ ในเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมืองยะลา และเมื่อประทัดยักษ์ระเบิดก็เข้าไปกวาดทองรูปพรรณในตู้น้ำหนักประมาณ 20 บาทหลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น
ต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัว นายบาฮารง หะมะ อายุ 21 ปี และเยาวชนอีก 1 รายได้ที่ อ.มายอ จ.ปัตตานี โดยนายบาฮารงเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 สีแดง หมายเลขทะเบียน ขงว 692 นราธิวาส คันที่ใช้ก่อเหตุและกล้องโทรทัศน์วงจรปิดสามารถบันทึกภาพเอาไว้ได้ ขณะที่ นายมะอัสมีน อาแว อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 118/15 หมู่ 4 ต.ปะโด อ.มายอ ได้ยอมเข้ามอบตัวในเวลาต่อมา โดยเขาเป็นคนที่นำประทัดยักษ์เข้าไปวางบนตู้โชว์ทองรูปพรรณ
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดทราบว่า การปล้นร้านทองเป็นการกระทำเพื่อหาเงินไปเที่ยวเตร่และเสพยาเสพติด แต่อาศัยสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่เป็นตัวเบี่ยงเบนประเด็น โดยประทัดยักษ์ที่ใช้ก็ทำขึ้นเอง เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาทั้ง 3 คนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : สภาพรถกระบะของทหารพรานที่โดนระเบิดปริศนาในพื้นที่ ต.ท่าธง อ.รามัน จ.ยะลา (ภาพโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)