"ทวี"สลดเหตุยิงรถชาวนา "สิงห์-สุพรรณฯ" โครงการ ศอ.บต.ดับ 2 เจ็บ11
ใต้เดือด! คนร้ายควงอาวุธสงครามถล่มรถชาวนาจาก "สิงห์บุรี-สุพรรณฯ" ที่ลงพื้นที่ช่วยชาวบ้านฟื้นฟูนาร้าง ดับ 2 เจ็บ 11 ในจำนวนนี้มี 4 รายยังสาหัส "ทวี สอดส่อง" สลด เผยเป็นโครงการของ ศอ.บต. เพิ่งพาชาวนาจากชายแดนใต้ไปอบรมที่ "หมู่บ้านควาย" เมืองสุพรรณฯเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ญาติบินด่วนร่ำไห้ระงม ด้านเหตุยิงรายวันยังเพียบ ฝ่ายความมั่นคงค้นสวนยางเจอปืน "อาก้า-เอชเค" ที่คนร้ายชิงไปหลังสังหารเจ้าหน้าที่ รัฐเพิ่งตื่นบูรณาการซีซีทีวี ขณะที่บัวแก้วพาทูตโอไอซีล่องใต้
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงร้อนระอุและเกิดเหตุรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ 1 ก.พ.2555 เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงรถของเกษตรกรจาก จ.สิงห์บุรี และสุพรรณบุรี ที่ไปช่วยเกษตรกรในพื้นที่ จ.ปัตตานี ฟื้นฟูนาร้างตามโครงการของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เหตุเกิดบนถนนสายชนบท ทางเข้าองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บาโลย หมู่ 2 บ้านบาโลย ต.บาโลย อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี โดยจุดเกิดเหตุเป็นทางออกสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 (ปัตตานี-นราธิวาส) ห่างจากถนนใหญ่เพียง 60 เมตร
ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ นายเสน่ห์ ขุนเณร อายุ 28 ปี และ นายเอกรินทร์ หอมเชย อายุ 26 ปี ทั้งคู่เป็น ชาว จ.สิงห์บุรี นอกจากนั้นยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 11 ราย ประกอบด้วย
1) นายสุริยา ปลีแย้ม อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23 หมู่ 8 ต.โพทะเล อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี อาการสาหัส ส่งต่อโรงพยาบาลปัตตานี
2) นายณรงค์ ปลีแย้ม อายุ 26 ปี อยู่บ้านเดียวกับนายสุริยา อาการสาหัส ส่งต่อโรงพยาบาลปัตตานี
3) นายจรัล กันภัย อายุ 27 ปี อาการสาหัสส่งต่อโรงพยาบาลปัตตานี
4) นายจักรกฤษ อ่ำจีน อายุ 23 ปี อาการสาหัส ส่งต่อโรงพยาบาลปัตตานี
5) นายประเสริฐ วงษ์สนอง อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61 หมู่ 2 ต.วังลึก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี อาการสาหัส ส่งต่อโรงพยาบาลปัตตานี
6) นายถนอม ขำเครือ อายุ 27 ปี อาการสาหัส ส่งต่อโรงพยาบาลปัตตานี
7) นายศุภการ ไชยจุมภา อายุ 15 ปี อาการสาหัส ส่งต่อโรงพยาบาลปัตตานี
8) นางยุพิน คงเดิม อายุ 30 ปี บาดเจ็บเล็กน้อย แพทย์ให้กลับบ้านได้
9) นายนิรุต กันภัย อายุ 26 ปี บาดเจ็บเล็กน้อย แพทย์ให้กลับบ้านได้
10) นางยุพา กันภัย อายุ 30 ปี บาดเจ็บเล็กน้อย แพทย์ให้กลับบ้านได้
11) นายกำพล ขุนเณร อายุ 32 ปี บาดเจ็บเล็กน้อย แพทย์ให้กลับบ้านได้
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองได้นำกำลังรุดไปตรวจจุดเกิดเหตุ พบปลอกกระสุนปืนเกลื่อนถนน มีทั้งเอ็ม 16 และ 9 มม.รวม 32 ปลอก เมื่อตามไปที่โรงพยาบาลยะหริ่ง พบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า สีขาว รุ่นไมตี้เอ็กซ์ แบบตอนเดียว หมายเลขทะเบียน ป 0515 ปัตตานี ของสำนักงานเกษตรจังหวัดปัตตานี มีร่องรอยถูกยิงด้วยอาวุธปืนบริเวณกระจกรถจนกระจกแตกทุกด้าน
สอบสวนทราบว่า เกษตรกรกลุ่มนี้เดินทางเข้าพื้นที่ จ.ปัตตานี ได้หลายวันแล้ว เพื่อช่วยเป็นพี่เลี้ยงทำนาให้กับเกษตรกรในพื้นที่ปัตตานีตามโครงการของ ศอ.บต. ที่ต้องการฟื้นฟูนาร้างให้เป็นพื้นที่นาที่สามารถประกอบอาชีพได้ เพื่อเป็นการสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยเกษตรกรกลุ่มดังกล่าวพักที่วัดปิยามุมัง อ.ยะหริ่ง ขณะเกิดเหตุกำลังเดินทางจากผืนนาที่ไปช่วยปรับพื้นที่และปักดำเพื่อกลับที่พัก โดยใช้รถกระบะของสำนักงานเกษตรจังหวัดปัตตานี และรถกระบะส่วนตัวยี่ห้ออีซูซุอีก 1 คัน แต่ระหว่างทางถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนชนิดต่างๆ กราดยิงใส่จนนายเสน่ห์ตกรถเสียชีวิต นายเอกรินทร์ได้รับบาดเจ็บสาหัส และยังมีเกษตรกรได้รับบาดเจ็บอีกหลายคน แต่คนขับรถยังคงขับต่อไปเพื่อไปที่โรงพยาบาลยะหริ่ง ระหว่างทางนายเอกรินทร์สิ้นใจไปอีกคน ส่วนที่เหลือได้รับบาดเจ็บสาหัสบ้างเล็กน้อยบ้างดังกล่าว ขณะที่คนร้ายได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป
เผยชาวนาสามจังหวัดเพิ่งไป "หมู่บ้านควาย"
อนึ่ง ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. เพิ่งพาชาวนาจาก อ.ปะนาเระ ยะหริ่ง และอีกหลายอำเภอใน จ.ปัตตานี ไปเรียนรู้และอบรมเรื่องการทำนาที่ "หมู่บ้านควาย" จ.สุพรรณบุรี โดยเพิ่งมีพิธีปิดโครงการและมอบประกาศนียบัตรกันไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมานี้เอง ซึ่งการส่งเกษตรกรจากภาคกลางลงพื้นที่เพื่อช่วยชาวนาในสามจังหวัดพลิกฟื้นผืนนาร้างก็เป็นโครงการต่อเนื่องกัน
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า โครงการฟื้นฟูนาร้างเป็นโครงการที่ดีและมีกระแสตอบรับจากคนในพื้นที่อย่างมาก โดยชาวนาจาก จ.สิงห์บุรี และสุพรรณบุรี กลุ่มนี้ลงพื้นที่เพื่อช่วยเป็นพี้เลี้ยงการทำนาให้กับชาวบ้านสามจังหวัด เนื่องจากชาวบ้านปล่อยนาร้างมานานหลายปี บางรายเกือบ 10 ปี การพลิกฟื้นขึ้นมาอีกครั้งจึงเป็นเรื่องยาก และต้องมีความเชี่ยวชาญในการปรับพื้นที่
"ชาวนาที่ได้รับการอบรมก็ดีใจมากที่มีชาวนาจาก จ.สุพรรณบุรี และสิงห์บุรี มาช่วย ถึงขนาดจัดเวรเฝ้ารถให้กับชาวนากลุ่มนี้่ เพราะกลัวถูกลอบเผา แต่ไม่มีใครคาดคิดว่ารถของพี่น้องเกษตรกรจะมาถูกยิงระหว่างเดินทางกลับ จึงถือเป็นเรื่องเสียโอกาสอย่างมาก" เลขาธิการ ศอ.บต.ระบุ
4 รายยังสาหัส - ญาติบินเยี่ยมร้องไห้ระงม
ต่อมา วันเสาร์ที่ 2 ก.พ. นายประมุข ลมุล ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต.ได้เดินทางไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลปัตตานี โดยจนถึงขณะนี้ยังมีผู้บาดเจ็บรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู 3 คน คือ นายณรงค์ ปลีแย้ม อายุ 26 ปี นายสุริยา ปลีแย้ม อายุ 25 ปี และ นายศุภการ ไชยจุมภา อายุ 15 ปี ทั้งสามคนเป็นชาว อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี ส่วน นายถนอม ขำเครือ อายุ 27 ปี ชาวสิงห์บุรี อาการสาหัสมาก แพทย์ต้องส่งต่อโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (มอ.หาดใหญ่) อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
ขณะเดียวกัน ได้มีญาติของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนกว่า 10 คนเดินทางโดยเครื่องบินจากภูมิลำเนา ลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ และทางราชการได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ไปรับเพื่อเดินทางต่อไปเยี่ยมคนป่วยที่โรงพยาบาลปัตตานี เมื่อไปถึงต่างพากันสวมกอดร่ำไห้เสียงดังระงมไปทั้งโรงพยาบาล หลายคนได้บอกให้ญาติที่มาช่วยทำนาเดินทางกลับบ้านทันทีเพื่้อความปลอดภัย ขณะที่เลขาธิการ ศอ.บต.ได้มอบกระเช้าและเงินช่วยเหลือเบื้องต้น
ยิง อส.ปัตตานีดับขณะนั่งร้านอาหาร
สำหรับเหตุรุนแรงอื่นๆ ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมายังมีอีกหลายเหตุการณ์ โดยเมื่อเวลา 20.50 น.วันศุกร์ที่ 1 ก.พ. คนร้ายประมาณ 5-6 คนมีรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์-ทอง ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนสงครามยิง นายอับดุลมาซิ สะ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 133/2 บ้านภูมีน้ำพุ่ง หมู่ 2 ต.ยามู อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ได้รับบาดเจ็บสาหัส และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล เหตุเกิดขณะที่นายอับดุลมาซิช่วยภรรยาขายของอยู่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 55/4 บ้านต้นทุเรียน หมู่ 6 ต.ยะรัง อ.ยะรัง เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
เวลา 00.35 น.วันเสาร์ที่ 2 ก.พ. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนพกไม่ทราบขนาดยิง อาสารักษาดินแดน (อส.) บุญเลิศ สุทธิโพธิ์ อายุ 35 ปี เป็น อส.ประจำอำเภอเมืองปัตตานี อยู่บ้านเลขที่ 5/7 ถนนมะกรูด ต.สะบารัง อ.เมือง จ.ปัตตานี ได้รับบาดเจ็บสาหัส และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลปัตตานี เหตุเกิดขณะที่ อส.บุญเลิศ นั่งรับประทานอาหารอยู่ในร้านอาหารลูกเนียง ถนนเจริญประดิษฐ์ ต.สะบารัง อ.เมืองปัตตานี เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหารเช่นกัน
รัวกระสุนถล่มสองสามีภรรยาที่สะบ้าย้อย
วันพฤหัสบดีที่ 31 ม.ค.เวลา 04.30 น. คนร้าย 6 คนมีรถจักรยานยนต์ 3 คันเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกไม่ทราบขนาดยิง นายประเสริฐ ทองอ่อน อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 98/3 บ้านปุหรน หมู่ 4 ต.ช้างให้ตก อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เสียชีวิต และ นางละมัย ทองอ่อน ภรรยาวัย 40 ปีได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบนถนนในท้องที่บ้านกะเซะ หมู่ 1 ต.บ้านโหนด อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ขณะที่นายประเสริฐกำลังขี่รถจักรยานยนต์ไปกรีดยางพาราในพื้นที่ ต.บ้านโหนด โดยมีนางละมัยนั่งซ้อนท้ายไปด้วย เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
ที่ อ.รามัน จ.ยะลา เวลา 11.30 น.คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนพกขนาด 11 มม.ประกบยิง นายมือลี มะสาแม อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46/1 หมู่ 5 ต.สุวารี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดในท้องที่บ้านจะกว๊ะ หมู่ 1 ต.จะกว๊ะ อ.รามัน ขณะที่ นายมือลี กำลังขี่รถจักรยานยนต์มุ่งหน้ากลับบ้านที่บ้านกูโบร์ หมู่ 5 ต.สุวารี อ.รือเสาะ เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร แต่ให้น้ำหนักไปที่ความขัดแย้งส่วนตัว
ซุ่มโจมตีทหารชุด รปภ.ครู เจ็บ 4 ที่ศรีสาคร
เวลา 15.30 น.วันเดียวกัน คนร้ายคาดว่ามี 4 คนใช้อาวุธสงครามซุ่มยิงชุดปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยครู (รปภ.ครู) สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 3112 (ร้อย ร.3112) หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 37 ขณะนั่งรถฮัมวี่ปิดท้ายขบวน รปภ.ครู ที่บ้านคอลอกาเว หมู่ 1 ต.ศรีสาคร ฮ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส เป็นเหตุให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 4 นาย คือ ส.ท.ครองทรัพย์ อุปชัย อายุ 26 ปี พลทหารเทวิน อุปภักดี อายุ 22 ปี พลทหารทวีชัย ผิวทอง อายุ 22 ปี และ พลทหารเมชิน ประชากูล อายุ 23 ปี ส่วนครูปลอดภัย
ต่อมา เจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ รปภ.เทศบาลตำบลศรีสาคร สังกัดหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 37 เช่นกัน ได้เข้าช่วยเหลือ ทำให้คนร้ายจุดชนวนระเบิดที่วางดักเอาไว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยอีก 4 นาย คือ ส.อ.ณรงศักดิ์ สุขเกษม ส.ท.วุฒิพงศ์ ชาญวรกุล ส.ท.จตุพล ดวงจิตร และ ส.อ.เบญจพล วงศ์ใหญ่ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ค้นสวนยางเจอ "เอชเค-อาก้า"ที่คนร้ายปล้นชิงจาก จนท.
ที่ จ.ยะลา พ.ท.ชลัช ศรีวิเชียร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา 11 พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา (รอง ผบก.ภ.จว.ยะลา) สนธิกำลังทหารตำรวจกว่า 60 นายเข้าตรวจค้นสวนยางพาราและสวนผลไม้ในพื้นที่หมู่ 4 บ้านสาคอ ต.ยุโป อ.เมืองยะลา หลังได้รับแจ้งข่าวสารจากแหล่งข่าวในพื้นที่ว่า มีกลุ่มก่อความไม่สงบนำอาวุธปืนมาซุกซ่อนไว้เพื่อเตรียมก่อเหตุในเขตเทศบาลนครยะลา
จากการตรวจค้นโดยใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่พบถุงพลาสติกสีดำ 1 ถุงถูกฝังไว้ใต้ดิน เมื่อขุดออกมาพบว่าภายในถุงมีอาวุธปืนสงคราม 2 กระบอก เป็นอาวุธปืนเอชเคแบบพับฐาน และอาวุธปืนอาก้า นอกจากนั้นยังมีแมกกาซีนอีก 3 อัน พร้อมเครื่องกระสุนอีก 50 นัด ใกล้กันยังพบแกลลอนน้ำมันสีแดงและสีขาว ขนาด 5 ลิตรอย่างละ 1 แกลลอน ภายในบรรจุปุ๋ยยูเรียน้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม และอุปกรณ์ขุดดินเพื่อฝังระเบิดใต้ผิวถนน สายไฟฟ้า สวิตช์ไฟ และเหล็กตัดท่อน จึงยึดของกลางทั้งหมดไปตรวจสอบ พร้อมควบคุมตัววัยรุ่นต้องสงสัยจำนวน 8 คนไปสอบสวนขยายผล
พ.ท.ชลัช กล่าวว่า อาวุธปืนเอชเคที่พบเป็นของ อส.อำเภอเมืองยะลา ซึ่งเป็นชุดคุ้มครองพระที่ได้ถูกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบประกบยิงจนเสียชีวิต 2 นายในท้องที่หมู่ 1 ต.สะเตง อ.เมืองยะลา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 ก.พ.2550 ส่วนปืนอาก้าเป็นของทหารพรานสังกัดหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 47 ซึ่งถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต 5 นายบริเวณหน้าสถานีอนามัยบ้านตาเซะ ต.ตาเซะ อ.เมืองยะลา เมื่อวันที่ 13 ก.ย.2552
ดักสังหารชาวบ้านหาของป่า-ชิงปืน
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันพุธที่ 30 ม.ค. เวลา 17.10 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนอาก้ายิง นายปราโมทย์ แท่นมุกข์ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 52 บ้านปลายนา หมู่ 2 ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดบนถนนสายรือเสาะ-สามัคคี ท้องที่บ้านกาโดะ หมู่ 4 ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ ขณะที่ นายปราโมทย์ กำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับจากหาของป่า มุ่งหน้ากลับบ้าน พร้อมกับเพื่อนรวม 6 คน โดยหลังก่อเหตุคนร้ายได้ชิงอาวุธปืนลูกซองยาว 5 นัดของผู้ตายไปด้วย ส่วนเพื่อนของนายปราโมทย์ได้พยายามใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้คนร้ายจนล่าถอยไป เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
รัฐเพิ่งตื่นสั่งบูรณาการติดตั้งกล้องซีซีทีวี
ด้านความเคลื่อนไหวของฝ่ายการเมือง วันศุกร์ที่ 1 ก.พ. นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เชิญ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) นายอัชพร จารุจินดา เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าหารือที่ทำเนียบรัฐบาล เกี่ยวกับการบูรณาการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) เพราะที่ผ่านมาต่างหน่วยต่างดำเนินการ และมีถึง 40 หน่วยงานที่จัดซื้อ จึงน่าจะบูรณาการกันเพื่อเชื่อมต่อสัญญาณภาพ ทั้งกล้องของหน่วยราชการและประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยให้กระทรวงไอซีทีเป็นเจ้าภาพ และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาเรื่่องข้อกฎหมาย
ที่กระทรวงมหาดไทย นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายประชา ประสพดี รัฐมนตรีช่วยฯ ได้เข้าพิธีรับพระราชทานยศสัญญาบัตรกองอาสารักษาดินแดน (อส.) แต่งตั้งเป็นนายกองใหญ่ และนายกองเอก โดย นายจารุพงศ์ กล่าวว่า กองกำลัง อส.เป็นกองกำลังที่ก่อตั้งมานาน 53 ปี โดยเป้าหมายคือให้ประชาชนมีส่วนร่วมเข้ามาทำงานดูแลความสงบเรียบร้อยในท้องถิ่นของตนเอง
ทั้งนี้ ในปัจจุบันมีปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ อส.จึงมีบทบาทมากขึ้น จากการที่ได้หารือกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) มีความเห็นว่าควรแบ่งพื้นที่ในสามจังหวัดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยแบ่งเป็นพื้นที่สีแดง สีเหลือง และสีเขียว แล้วแบ่งหน่วยงานเข้าไปรับผิดชอบพื้นที่ กล่าวคือ พื้นที่สีแดงที่มีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ก็จะให้ทหารใช้กฎหมายพิเศษเข้าไปดูแล ส่วนพื้นที่สีเหลืองมี ศอ.บต.ร่วมกับฝ่ายทหารประสานทุกส่วนราชการเข้าไปร่วมกันทำงาน ส่วนพื้นที่สีเขียวก็ใช้กำนันผู้ใหญ่บ้านดูแลตามปกติ โดยบทบาท อส.จะเป็นกำลังของฝ่ายปกครอง ข้อดีคือเป็นคนในท้องถิ่น และเป็นกำลังเสริมคอยช่วยเหลือกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
“ผมได้เรียกนายอำเภอมาหารือและขอให้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดใต้ พบว่ามีประเด็นหนึ่งที่นายอำเภอส่วนใหญ่พูดตรงกันคือ การจะทำให้เกิดความสงบน่าจะโฟกัสที่หมู่บ้าน ทำให้หมู่บ้านมีความสงบเรียบร้อย และเพิ่มพื้นที่สีเขียว สอดคล้องกับ นายภาณุ อุทัยรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ได้ให้ข้อมูลว่าพื้นที่ที่มีความรุนแรงมีอยู่ 6% ของพื้นที่ทั้งหมด และมี 14-16% เป็นพื้นที่เคลื่อนไหว นอกนั้นกว่า 70% ยังเป็นพื้นที่สีเขียว เพราะฉะนั้นการเสริมสร้างสันติสุขคือการทำให้หมู่บ้านปลอดภัย" นายจารุพงศ์ กล่าว
คณะทูตสมาชิกโอไอซี 15 ชาติเยือนชายแดนใต้
วันพฤหัสบดีที่ 31 ม.ค. ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 2 อาคารกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะเอกอัครราชทูตและผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตกลุ่มประเทศสมาชิกองค์การความร่วมมืออิสลาม (โอไอซี) ประจำประเทศไทย รวม 15 คน เดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ แนวทางแก้ไขปัญหา ตลอดจนติดตามการจัดการปัญหาชาวโรฮิงญาที่หลบหนีเข้าเมือง โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ให้การต้อนรับ
ในที่ประชุม พล.ท.สกล ชื่นสกุล ผู้อำนวยการสำนักข่าว กอ.รมน.ภาค 4 สน. ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการด้านความมั่นคง ได้แก่ การบังคับใช้กฎหมายพิเศษ และแนวโน้มการลดกำลังทหาร จากนั้นผู้แทนจาก ศอ.บต.ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายด้านการพัฒนาที่สอดคล้องกับอัตลักษณ์และวิถีชีวิตของประชาชน ยุทธศาสตร์การพัฒนา การเยียวยาฟื้นฟู การส่งเสริมการศึกษา ศาสนา วัฒนธรรม และภาษามลายู
หลังเสร็จสิ้นการประชุม นายสุรพงษ์ ได้นำคณะทูตจากชาติสมาชิกโอไอซี ไปเยี่ยมชมโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามที่มีจำนวนนักเรียนมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเยี่ยมชมการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียน จากนั้นเดินทางต่อไปยัง ศอ.บต. และอุทยานการเรียนรู้ ทีเค พาร์ค ยะลา ด้วย
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า คณะทูตจากชาติสมาชิกโอไอซี 15 ประเทศ มีความเข้าใจในแนวทางการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยเป็นอย่างดี และน่าจะมีผลต่อข้อมติของโอไอซีเกี่ยวกับประเทศไทยที่จะออกมาเร็วๆ นี้ โดยน่าจะเป็นทิศทางบวกมากขึ้น ทั้งยังคาดหวังว่าการพูดคุยเจรจาระหว่างหลายๆ กลุ่มกับภาครัฐน่าจะดำเนินการไปได้ด้วยดี
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 คณะทูตจากชาติสมาชิกโอไอซี ขณะเดินทางเยือนชายแดนใต้และรับฟังบรรยายสรุปจาก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า
2 อาวุธปืนและเครื่องกระสุนที่เจ้าหน้าที่ตามยึดได้หลังจากบุกค้นสวนยางพาราในเขต ต.ยุโป อ.เมืองยะลา
3 นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ขณะพาคณะทูตจากชาติสมาชิกโอไอซีล่องใต้ และไปเยี่ยมชมการเรียนการสอนของโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ อ.เมืองยะลา (ภาพทั้งหมดโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)