แอมเนสตี้-ผู้นำศาสนา ทวงถามความคืบหน้า 85ศพตากใบ
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือองค์การนิรโทษกรรมสากล ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 25 ต.ค.2555 เรียกร้องให้รัฐบาลไทยเร่งหาตัวและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดในเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่หน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อ 8 ปีก่อน ซึ่งมีผู้ชุมนุมเสียชีวิตถึง 85 ราย โดยท่าทีขององค์กรพิทักษ์สิทธิมนุษยชนระดับโลกแห่งนี้ สอดคล้องกับความเห็นของผู้นำศาสนาในพื้นที่ชายแดนใต้
แถลงการณ์ของแอมเนสตี้ฯ เรื่อง "ประเทศไทย: ความตายของผู้ประท้วง 85 คนต้องมีผู้รับผิดชอบและถูกลงโทษ" ระบุว่า เจ้าหน้าที่กองกำลังความมั่นคงของไทยผู้ซึ่งรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของผู้ประท้วง 85 คนเมื่อ 8 ปีที่แล้วที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ต้องถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 25 ต.ค.2547 กองกำลังฝ่ายความมั่นคงยิงปืนใส่ผู้ประท้วงด้านนอก สภ.ตากใบ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 7 คนในที่เกิดเหตุ และอีก 78 คนถูกทับหรือขาดอากาศหายใจจนเสียชีวิตในระหว่างการใช้รถทหารขนส่งพวกเขาไปควบคุมตัวที่ค่ายทหาร (ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี)
"เป็นเรื่องน่าละอายที่ไม่มีผู้ใดถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจากกรณีความตายนี้ และที่ผ่านมามีการปล่อยให้ผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรงกรณีอื่นๆ ลอยนวลไม่ต้องรับโทษในระหว่างการขัดแย้งกันด้วยอาวุธในภาคใต้ของไทย” อิสเบล อาร์ราดอน (Isabelle Arradon) ผู้อำนวยการแผนกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าว และว่า "โชคร้ายที่กรณีนี้สะท้อนปัญหาการลอยนวลพ้นผิดของเจ้าหน้าที่รัฐที่ร้ายแรง ซึ่งมักเกิดขึ้นในภาคใต้และตลอดทั่วประเทศ"
แถลงการณ์ของแอมเนสตี้ฯ ยังระบุอีกว่า พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) ซึ่งมีผลบังคับใช้ในจังหวัดชายแดนใต้ตั้งแต่เดือน ก.ค.2548 และมีลักษณะที่ลิดรอนสิทธิและเสรีภาพ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ความมั่นคงไม่ต้องรับผิดทางอาญา กฎหมายฉบับนี้ต้องถูกยกเลิกโดยทันที หรือให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อให้ประเทศไทยปฏิบัติตามพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนได้
ในปี 2555 ทางการได้ดำเนินการที่น่ายินดีในการให้ค่าชดเชยกับครอบครัวของผู้เสียหายจากการประท้วงที่ตากใบ รวมทั้งผู้ได้รับผลกระทบจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนในภาคใต้ อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ยังไม่เพียงพอ
"การให้เงินกับผู้เสียหายจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนไม่ได้หมายความว่าทางการหลุดพ้นจากหน้าที่ที่จะต้องนำตัวผู้รับผิดชอบมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และการให้การเยียวยาอย่างเต็มที่ต่อผู้ได้รับผลกระทบ การให้ค่าชดเชยนี้ยังไม่อาจประกันว่าการละเมิดเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต" อาร์ราดอนกล่าว
ในเดือน มิ.ย.2555 ศาลอุทธรณ์ปฏิเสธโอกาสของผู้เสียหายจากกรณีตากใบอีกครั้งหนึ่งในการเรียกร้องความยุติธรรม โดยมีคำสั่งยกคำร้องต่อการอุทธรณ์คำสั่งไต่สวนการตายเมื่อปี 2552 เนื่องจากคำสั่งศาลจากการไต่สวนการตายเมื่อเดือน ต.ค.2547 ระบุเพียงว่าเจ้าหน้าที่ความมั่นคงปฏิบัติหน้าที่ทางราชการ
นับแต่ปี 2547 มีผู้เสียชีวิตประมาณ 5,000 คนจากการขัดแย้งกันด้วยอาวุธระหว่างรัฐกับผู้ก่อความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนใต้ของไทย ทั้งสองฝ่ายต่างมีส่วนรับผิดชอบต่อการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ผู้ต้องสงสัยว่าก่อความไม่สงบเลือกสังหารเป้าหมายที่เป็นพลเรือน และยังโจมตีพลเรือนจนเสียชีวิตอย่างไม่เลือกหน้า
"ความรุนแรงอย่างต่อเนื่องในภาคใต้เป็นเรื่องน่าเศร้า การโจมตีก็มุ่งให้เกิดความหวาดกลัวในบรรดาพลเรือน เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน การละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศเช่นนี้เป็นปัญหาท้าทายร้ายแรงต่อกลไกด้านความมั่นคงของไทย การรักษาความสงบของสาธารณะต้องดำเนินไปพร้อมกับการเคารพสิทธิมนุษยชน และต้องไม่ขัดขวางกระบวนการลงโทษผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่ว่าผู้ละเมิดนั้นจะเป็นหน่วยงานของรัฐหรือผู้ก่อความไม่สงบ" อาร์ราดอน ระบุ
รำลึกตากใบกับสิทธิพลเมืองชายแดนใต้
ขณะเดียวกัน อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บิน ชาฟิอีย์ หรือ อับดุลสุโก ดินอะ ผู้ช่วยผู้จัดการโรงเรียนจริยธรรมศึกษามูลนิธิ อ.จะนะ จ.สงขลา และกรรมการสภาประชาสังคมชายแดนใต้ ได้เขียนบทความเรื่อง "รำลึกตากใบกับ 14 ตุลาฯของคนกรุง เหมือนหรือต่าง?" โดยตั้งคำถามถึงการเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์อย่างสันติเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ตากใบของกลุ่มนิสิตนักศึกษาที่ถูกมองในแง่ลบจากหน่วยงานความมั่นคง ทั้งๆ ที่เป็นการใช้สิทธิพลเมืองในเหตุการณ์ที่ยังไม่มีความชัดเจนทางกระบวนการยุติธรรม
บทความระบุตอนหนึ่งว่า เมื่อวันที่ 21 ต.ค.2555 นักศึกษาชายแดนใต้ส่วนหนึ่งได้ไปได้จัดกิจกรรมเดินขบวนและการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์อย่างสันติบริเวณหน้าสำนักงานสหประชาชาติประจำกรุงเทพมหานคร และในวันที่ 25 ต.ค.2555 สหพันธ์นิสิตนักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สนน.จชต.) ก็ได้ออกประกาศและเชิญชวนให้ประชาชนในพื้นที่ร่วมรำลึก 8 ปีเหตุการณ์ตากใบ ซึ่งตรงวันสำคัญทางศาสนา กล่าวคือวันที่ 9 เดือนซุลฮจญะฮฺ 1433 ซึ่งมุสลิมทุกคนควรถือศีลอด เพราะจะได้รับการอภัยโทษจากพระเจ้าสองปี (ปีที่ผ่านมาและปีต่อไป) รวมทั้งละหมาดฮาญัตในตอนกลางคืน เรียกร้องความเป็นธรรมให้เหยื่อตากใบและเร่งสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นโดยเร็ว
อย่างไรก็ดี กิจกรรมอย่างสันติของน้องนักศึกษาที่เลือกใช้แนวทางสันติวิธี และเป็นนโยบายหลักของแม่ทัพภาค 4 คนปัจจุบัน กลับถูกวิพากษ์วิจารณ์จากบางฝ่ายว่าเป็นการนำเรื่องคนเสียชีวิตมาหากิน ทำเป็นเรื่องการเมือง และทำให้สังคมแตกแยก ทั้งยังมีข่าวว่านักศึกษาที่เข้าร่วมกิจกรรมอาจถูกบันทึกรายชื่อในทางลับจากหน่วยงานความมั่นคง
ความจริงการรำลึกเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ 2516 หรือเหตุการณ์อื่นๆ ของคนส่วนกลางทุกปี น่าจะเป็นคำตอบให้กับคนถามในเรื่อง 8 ปีตากใบ ว่าทำไมเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ 2516 ที่ผ่านมาเกือบ 40 ปีแล้ว ยังจัดรำลึกกันทุกปีได้ และมีคนใหญ่คนโตทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านไปร่วมทุกปี แต่พอเด็กชายแดนใต้จัดบ้างกลับถูกมองในแง่ลบตลอด
ทัศนะในทางบวกดังตัวอย่างการจัดงานการสืบสานเจตนารมณ์ของเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ 2516 ก็คือ เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ไม่ควรเป็นของบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ เหตุเพราะประวัติศาสตร์จะมีความหมายได้ก็ต่อเมื่อคนรุ่นหลังหรือคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจ ควรให้คนรุ่นใหม่เป็นผู้สืบทอดเหตุการณ์ ถ้าให้คนในเหตุการณ์เป็นผู้สืบทอดประวัติศาสตร์เท่านั้น ก็จะเป็นเรื่องราวที่พูดถึงกันในวงเสวนามากกว่า นอกจากนี้ในเวทีรำลึกยังมองว่า ไม่ควรจัดงานรำลึกเหตุการณ์เพียงอย่างเดียว แต่ควรเรียกร้องให้เกิดประชาธิปไตยในสังคมไทยอย่างแท้จริงต่อไปด้วย
และหากเป็นไปได้จะต้องสร้างให้คนชายแดนใต้มีความเข้าใจว่า ประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่มีสิทธิความเป็นพลเมือง (โดยเฉพาะเป็นพลเมืองของอัลลอฮ์สำหรับมุสลิม) เพราะหากประชาชนทราบถึงสิทธิความเป็นพลเมืองแล้ว ประชาชนก็จะไม่เป็นเครื่องมือของใคร ไม่ว่ารัฐ นักการเมือง หรือแม้กระทั่งคนที่แอบอ้างจากขบวนการที่จะทำเพื่อศาสนาและชาติพันธุ์
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 สัญลักษณ์ขององค์การนิรโทษกรรมสากล จากเว็บไซต์ http://www.amnesty.or.th/
2 สัญลักษณ์รณรงค์รำลึก 8 ปีเหตุการณ์ตากใบที่วิพากษ์ถึงการจ่ายเยียวยา 7.5 ล้านบาทของรัฐบาล ไม่อาจลบล้างการกระทำผิดที่ทำให้เกิดการเสียชีวิต 85 รายได้