"ยิง-บึ้มซ้ำ" ทำนราฯป่วนต่อ ผบ.ทบ.บี้ 17 กระทรวงช่วยดับไฟใต้
ใต้ระอุทำ"ประยุทธ์"เดือด จี้ 17 กระทรวง 66 หน่วยงานช่วยทหารดับไฟใต้ ไล่บี้ประเมินผลงานทุก 3 เดือนจะได้เห็นทำอะไรกันบ้าง เหตุทุกหน่วยล้วนมีงบประมาณเหมือนทหาร ฉุนสื่อ-นักวิชาการวิจารณ์กองทัพรับงบแสนล้านแก้ใต้ ฉะพูดส่งเดช ไม่เคยทำอย่ามาวิพากษ์ เก่งทุกเรื่องให้มาเป็น ผบ.ทบ.เอง ด้านนายกฯห่วงปลายขวานวุ่นไม่หยุด ส่งรองนายกฯลงพื้นที่ดูแลตามสูตร นราธิวาสยังวิกฤติ ยิงคนแก่เจ้าของร้านชำกดระเบิดซ้ำหวังสังหารเจ้าหน้าที่ ส่วนพนักงานรถไฟสังเวยอีกศพ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันจันทร์ที่ 22 ต.ค.2555 เรียกร้องให้ทั้ง 17 กระทรวง 66 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้เร่งรัดการทำงาน เพราะได้รับงบประมาณไปเหมือนกัน ทั้งยังตำหนิการวิพากษ์วิจารณ์ของสื่อมวลชนกับนักวิชาการเกี่ยวกับปัญหาภาคใต้ที่ทำให้กองทัพได้รับความเสียหายด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงสถานการณ์ในพื้นที่ซึ่งเริ่มปะทุรุนแรงขึ้นอีกระลอกว่า เป็นความพยายามของฝ่ายตรงข้ามเพื่อสร้างน้ำหนักให้เห็นว่ายังมีขีดความสามารถอยู่ แต่ถ้าเปรียบเทียบกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ก็ถือว่าฝ่ายรัฐทำได้ดีพอสมควร แม้จะยังไม่น่าพอใจก็ตาม
"ทุกวันเราจะวิเคราะห์สถานการณ์ว่าจะเกิดเหตุที่ไหน พร้อมทั้งย้อนไปถึงอดีตว่า 7 อำเภอที่เกิดเหตุการณ์อยู่สม่ำเสมอและมีความรุนแรงมาโดยตลอด เช่น อ.รือเสาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส มีสาเหตุมาจากอะไร และเราก็พยายามแก้ไข ส่วนการก่อเหตุที่มีการเจาะถนนแล้ววางระเบิดนั้น การขุดถนนทำไม่ได้ภายใน 5-10 นาที ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง ถามว่าชาวบ้านไม่รู้เลยหรือ แล้วถ้ารู้ทำไมถึงไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ ซึ่งตรงนี้การมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ยังค่อนข้างน้อย จึงต้องไปดูว่ามีความขัดแย้งกันเรื่องใด"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาทหารได้ทำความเข้าใจกับประชาชน แต่ทุกส่วนราชการต้องลงไปช่วยทำด้วย
“วันนี้ผมได้แต่ร้องขอให้ทุกส่วนราชการทั้ง 17 กระทรวง 66 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันลงไปในพื้นที่ จากนี้ไปผมจะสรุปผลงานความก้าวหน้าการทำงานของทุกกระทรวงในทุกๆ 3 เดือน ซึ่งจะต้องมีผลงานปรากฏออกมา เพราะมีงบประมาณด้วยกันทั้งสิ้น ถ้าใช้กำลังแต่เจ้าหน้าที่ทหารกับตำรวจก็ทำได้เพียงแค่การบังคับใช้กฎหมาย แต่ความเข้าใจไม่เกิด หรือเกิดก็ไม่ครบ 100%"
ฉุนถูกวิจารณ์ละลายงบแสนล้าน
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่า 17 กระทรวง 66 หน่วยงาน ยังไม่ได้ลงไปทำงานอย่างจริงจัง จึงทำให้การแก้ไขปัญหายังไม่ดีเท่าที่ควรใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ได้ว่าหน่วยอื่น และไม่ได้บอกว่าทุกคนจะต้องลงไปช่วยกันทำงาน ไม่ได้หมายความว่าทำหรือไม่ได้ทำ แต่บอกว่าที่ทำอยู่แล้วบางจุดอาจจะน้อยเกินไป หรือบางจุดจะต้องเพิ่มการทำงาน
"ผมขอร้องกันแค่นั้นด้วยกลไกของ กอ.รมน. (กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร) และรัฐบาล อย่าไปตำหนิคนนั้นคนนี้ เพราะไม่ได้อะไรขึ้นมา เขาจะมาเกลียดขี้หน้าผมว่าผมเอาความดีความชอบอยู่คนเดียวแล้วด่าเขา ที่ผ่านมาหน่วยงานได้มีการประเมินผลการทำงานของ 17 กระทรวง 66 หน่วยงาน โดยกองทัพบกได้งบประมาณเบี้ยเลี้ยงกำลังพล และงบประมาณจัดซื้อเครื่องมือเสี้ยวหนึ่ง ฉะนั้นอย่ามาบอกว่าทหารนำหน้าแล้วได้งบประมาณ รัฐบาลเกรงใจให้งบประมาณเยอะ อย่ามาพูดส่งเดชไปตรวจสอบดูได้"
"พูดได้อย่างไรว่าทหารใช้งบประมาณเป็นแสนล้าน ไม่รู้อย่ามาพูด เดี๋ยวผมจะเชิญคอลัมนิสต์ สื่อมวลชน นักวิชาการที่แสดงความเห็นในหนังสือพิมพ์มาพูดคุย เก่งนักก็ต้องมาก็แล้วกัน พวกนี้เก่งกันทุกเรื่อง ภาคใต้ก็เก่ง กัมพูชาก็เก่ง ก็มาเป็น ผบ.ทบ.ก็แล้วกัน หรือเป็นนายกรัฐมนตรี อย่าดีแต่เขียนหนังสือ เคยทำอะไรบ้างหรือไม่ เขียนแล้วไม่เคยทำอย่ามาวิเคราะห์ ผมให้เกียรติท่านเสมอ แต่ถ้าเขียนและทำลายกันผมก็รับท่านไม่ได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผบ.ทบ.กล่าวด้วยว่า ทุกวันนี้ต่างประเทศมองปัญหาภาคใต้ในแง่มุมที่ดีขึ้น มีแต่สื่อมวลชนในประเทศที่ยังไม่เข้าใจ เช่น การวิจารณ์เรื่องประสิทธิภาพของรถเกราะล้อยาง (บีทีอาร์) ซึ่งถูกลอบวางระเบิดและกำลังพลเสียชีวิตในรถ แล้วก็บอกว่ารถเกราะไม่ดี เป็นรถเก่า เรื่องแบบนี้ถือว่าเขียนไปเรื่อย เพราะยุทโธปกรณ์ทุกชนิดมีการป้องกันเป็นระดับ หากโดนระเบิด 50 กิโลกรัม หรือโดนจรวดอาร์พีจีก็ทะลุได้เหมือนกัน จึงอยากให้สำนักพิมพ์ของคนที่วิจารณ์ออกเงินส่งคนไปดูโรงงานผลิตรถบีทีอาร์ จะได้ทราบข้อเท็จจริง
นายกฯสั่ง"ยุทธศักดิ์"ลงใต้
วันเดียวกัน ที่วิทยาลัยนานาชาติการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี นางสาวศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรครั้งที่ 7 ว่า ก่อนการประชุม นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวให้ที่ประชุมทราบใน 2 เรื่องคือ หนึ่งในนั้นคือได้แสดงความเป็นห่วงถึงสถานการณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยังคงมีเหตุปะทะกัน โดยนายกฯได้มอบหมายให้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่เพื่อรวบรวมข้อมูลและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในวันที่ 23 ต.ค.นี้
สำหรับการลงพื้นที่ของ พล.อ.ยุทธศักดิ์ จะเป็นการลงพื้นที่เพิ่มเติมจากที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ลงพื้นที่และสร้างขวัญกำลังใจแก่ญาติผู้เสียชีวิตรวมทั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่ในเช้าวันที่ 22 ต.ค.แล้ว
"ยุทธศักดิ์”ชี้บึ้มถี่ใกล้ครบ8ปีตากใบ
ด้าน พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวถึงสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดถี่มากขึ้นในช่วงนี้ว่า เป็นเรื่องที่ผู้ก่อความรุนแรงต้องการให้ประชาชนในพื้นที่ร่วมมือ และรำลึกถึงวาระครบรอบ 8 ปีของเหตุการณ์ตากใบ ในวันที่ 25 ต.ค. (สลายการชุมนุมที่หน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส มีผู้เสียชีวิต 85 คน) อย่างไรก็ตาม การก่อความไม่สงบส่วนใหญ่เกิดในพื้นที่รอบนอก ดังนั้นสิ่งที่ต้องระวังอย่างมากในหลายวันจากนี้ไปคือการเฝ้าระวังพื้นที่เขตเมืองของ จ.ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
"การก่อความไม่สงบจะไม่เกิดถี่ขึ้นมากกว่านี้ เพราะเรามีการกดดันเชิงรุกต่อกลุ่มคนร้ายอยู่ตลอด ซึ่งผู้ก่อเหตุก็พยายามอย่างยิ่งที่จะสร้างสถานการณ์จนกว่าจะถึงวันสำคัญของเขา" พล.อ.ยุทธศักดิ์ ระบุ และว่ามีความเกี่ยวพันระหว่างการก่อเหตุรุนแรงกับขบวนการลักลอบค้าน้ำมันเถื่อน ยาเสพติด และธุรกิจผิดกฎหมายในพื้นที่ด้วย
ผบ.ตร.ตรวจจุดเกิดเหตุป่วนตากใบ
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้เดินทางลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และนั่งเฮลิคอปเตอร์ไปยัง อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีกลุ่มคนร้ายก่อเหตุรุนแรงทั้งคาร์บอมบ์ มอเตอร์ไซค์บอมบ์ กราดยิง และโจมตีจุดตรวจของตำรวจน้ำ รวมทั้งสิ้น 7 จุดเมื่อค่ำวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา พร้อมเข้าเยี่ยมอาการบาดเจ็บของ ด.ต.ธรนินทร์ ผ่อนผาสุข ที่ได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์ดังกล่าว และรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตากใบด้วย
จากนั้น พล.ต.อ.อดุลย์ ได้เดินทางไปประชุมร่วมกับนายตำรวจระดับสูงที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) อ.เมือง จ.ยะลา โดยในที่ประชุมได้มีการวิเคราะห์ว่า ผู้สั่งการให้กลุ่มแนวร่วมก่อความไม่สงบออกก่อเหตุรุนแรงในครั้งนี้ คือ นายมาหามะมิง มามะ ซึ่งเป็นแกนนำกองกำลังติดอาวุธที่รับผิดชอบเคลื่อนไหวในพื้นที่ อ.ตากใบ และมีหมายจับคดีความมั่นคงหลายหมาย โดยหนึ่งในแกนนำที่พาพวกกว่า 20 คนเข้าโจมตีจุดตรวจของตำรวจน้ำ คือ นายอับดุลรอฮิม มามะ น้องชายของนายมาหามะมิง และได้ถูกวิสามัญฆาตกรรมในที่เกิดเหตุ
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการเชื่อมโยงของกองกำลังติดอาวุธอาร์เคเค ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่มีแผนรองรับเป็นมาตรการระยะยาวไว้แล้ว และไม่หนักใจในวันที่ 25 ต.ค.ซึ่งเป็นวันครบรอบ 8 ปีเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่หน้า สภ.ตากใบ เพราะเชื่อว่าเจ้าหน้าที่สามารถรับมือและดูแลพื้นที่ได้
พิธีรดน้ำศพ "ครู ตชด.-2 ลูกประดู่" สุดเศร้า
ในวันเดียวกัน พล.ต.อ.อดุลย์ ยังได้เดินทางไปเป็นประธานในพิธีรดน้ำศพ ส.ต.อ.ปรีชา สมัยใหม่ ครูโรงเรียน ตชด.บ้านละโอ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ที่ถูกคนร้ายลอบยิงเสียชีวิตในท้องที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมาด้วย โดยพิธีจัดขึ้่นที่วัดเมืองยะลา อ.เมือง จ.ยะลา โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เพื่อนข้าราชการ ตลอดจนพี่น้องประชาชนเข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก บรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าสลด โอกาสนี้ทั้ง พล.ต.อ.อดุลย์ และ พ.ต.อ.ทวี ได้มอบเงินช่วยเหลือแก่ครอบครัวของ ส.ต.อ.ปรีชา ด้วย และหลังจากนี้จะมีการเคลื่อนศพ ส.ต.อ.ปรีชา ไปบำเพ็ญกุศลต่อยังบ้านเกิดที่ จ.บึงกาฬ
ส่วนที่วัดโคกเคียน ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส พล.ร.ท.สนธยา น้อยฉายา ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และ พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ร่วมกันเป็นประธานในพิธีรดน้ำศพ จ.อ.อิสราวุธ พละศักดิ์ และ จ.อ.นาดี จำปาวัน สังกัดหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 ซึ่งเสียชีวิตจากการถูกลอบโจมตีด้วยระเบิดโดยกลุ่มก่อความไม่สงบ ขณะปฏิบัติภารกิจที่ ต.บาเร๊ะใต้ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นได้ทำพิธีเคลื่อนศพกลับไปบำเพ็ญกุศลยังภูมิลำเนาอย่างสมเกียรติ
นราฯป่วนต่อ "ยิง-ดักบึ้มซ้ำ" ที่ศรีสาคร
ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่ จ.นราธิวาส ซึ่งเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบต่อเนื่องมาตั้งแต่วันเสาร์ที่ 20 ต.ค. โดยเมื่อเวลา 11.00 น.วันจันทร์ที่ 22 ต.ค.คนร้าย 4 คนมีรถจักรยานยนต์ 2 คันเป็นพาหนะ ขี่ไปจอดที่หน้าร้านขายของชำ เลขที่ 40/1 หมู่ 1 ต.ศรีสาคร อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส จากนั้นหนึ่งในคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม.จ่อยิง นางสุกัลยา ทรัพย์เพิ่ม อายุ 56 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของร้านชำจนเสียชีวิต ต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้นำกำลังรุดไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ และเกิดระเบิดขึ้น 1 ครั้งภายในร้านขายของชำ ทำให้ นายปิยพล ทรัพย์เพิ่ม อายุ 24 ปี บุตรชายของนางสุกัลยา ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่จึงนำส่งโรงพยาบาลศรีสาคร
จากการสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์ทราบว่า คนร้ายกลุ่มนี้มาด้วยกัน 4 คน เมื่อขี่รถจักรยานยนต์ไปจอดที่หน้าร้านชำจุดเกิดเหตุแล้ว คนร้าย 3 ใน 4 คนได้เดินเข้าไปในร้าน อีกคนหนึ่งยืนคุมเชิงอยู่ด้านนอก จากนั้นหนึ่งในคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม.ยิงนางสุกัลยาจนเสียชีวิต ขณะที่คนร้ายอีกคนได้นำวัตถุระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ถังแก๊สซุกอยู่ในกระสอบปุ๋ย ไปวางไว้ในห้องโถงด้านหลังร้านค้า เพื่อดักสังหารเจ้าหน้าที่ชุดตรวจจุดเกิดเหตุ จากนั้นได้พากันขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง เข้าไปยังที่เกิดเหตุ พบศพนางสุกัลยาถูกยิงเสียชีวิต จังหวะนั้นคนร้ายอีกชุดหนึ่งที่แฝงตัวอยู่ในละแวกนั้นได้จุดชนวนระเบิดขึ้น โชคดีที่เจ้าหน้าที่กำลังถอนกำลังออกมา ทำให้ไม่มีกำลังพลได้รับบาดเจ็บ แต่นายปิยพล บุตรชายของผู้ตายซึ่งอยู่บริเวณนั้นถูกสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
รปภ.ศูนย์บำบัดยาเสพติดปัตตานีสังเวยอีกศพ
ก่อนหน้านั้นเมื่อเวลา 07.30 น.วันเดียวกัน คนร้าย 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกแบบลูกโม่ประกบยิง นายสมชาย แอบกลิ่นจันทร์ อายุ 38 ปี พนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ของศูนย์บำบัดยาเสพติดจังหวัดปัตตานี อยู่บ้านเลขที่ 148/60 บ้านสวนสมเด็จ ซอยจตุรมิตร หมู่ 6 ต.รูสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี ได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตขณะนำส่งโรงพยาบาลปัตตานี
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองได้นำกำลังรุดไปตรวจสอบและสอบสวนจนทราบว่า นายสมชายกำลังขี่รถจักรยานยนต์ส่วนตัวออกจากบ้านเพื่อไปทำบุญที่วัดในพื้นที่ อ.เมืองปัตตานี โดยระหว่างทางขณะขี่รถอยู่บนถนนสามัคคีสาย ก ซอย 5 ต.สะบารัง อ.เมืองปัตตานี มีคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ โดยคนขับสวมหมวกนิรภัยสีดำ ส่วนคนนั่งซ้อนท้ายสวมหมวกแก๊ปสีขาว เมื่อสบโอกาสได้ใช้อาวุธปืนพกแบบลูกโม่ยิงใส่นายสมชาย 3 นัดซ้อนจนเสียชีวิตดังกล่าว ขณะที่คนร้ายได้เร่งเครื่องรถจักรยานยนต์หลบหนีไป เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ดับผู้ใหญ่บ้านระแงะ-พนักงานรถไฟนาประดู่
ต่อมา เมื่อเวลา 00.10 น.วันอังคารที่ 23 ต.ค.คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง นายอาแวมิต วาเต๊ะ อายุ 39 ปี ผู้ใหญ่บ้านบ้านกูแบบาเดาะ อยู่บ้านเลขที่ 35/1 บ้านกูแบบาเดาะ หมู่ 7 ต.มะรือโบออก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดขณะนายอาแวมิตยืนอยู่หน้าบ้านของตนเอง เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
เวลา 06.30 น.คนร้าย 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม.ประกบยิง นายลิขิต อินทร์สิงค์ทอง อายุ 41 ปี พนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ประจำสถานีรถไฟนาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี อยู่บ้านเลขที่ 28/7 บ้านพรุ หมู่ 3 ต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา เสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 409 ท้องที่บ้านชมพู่ หมู่ 5 ต.ปากล่อ อ.โคกโพธิ์ ขณะนายลิขิตกำลังขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านเพื่อไปทำงานที่สถานีรถไฟนาประดู่
บุกค้น 2 จุดรวบ 3 ผู้ต้องสงสัย
ด้านปฏิบัติการของฝ่ายความมั่นคง เมื่อวันจันทร์ที่ 22 ต.ค.เจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้น 2 จุด และควบคุมบุคคลต้องสงสัยได้ 3 คน
จุดแรก หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 25 สนธิกำลังกับตำรวจ สภ.กะพ้อ จ.ปัตตานี ปิดล้อมตรวจค้นบ้านเจาะกะพ้อใน หมู่ 7 ต.กะรุบี อ.กะพ้อ ควบคุมตัวบุคคลต้องสงสัย 2 ราย พร้อมอุปกรณ์วิทยุโทรคมนาคม
จุดที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 นำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นที่บ้านซือเลาะ หมู่ 4 ต.เรียง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และควบคุมตัว นายสมัน วาเด็ง อยู่บ้านเลขที่ 72 หมู่ 1 ต.กาลอ อ.รามัน จ.ยะลา และเจ้าหน้าที่ระบุว่า นายสมัน เป็นบุคคลตามหมายจับที่ออกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิอาญา) ในคดียิงทหารที่ตลาดโกตาบารู อ.รามัน เมื่อปี 2550 โดยบ้านที่เข้าไปตรวจค้นเป็นบ้านภรรยาของนายสมัน
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. มอบเงินช่วยเหลือเยียวยาเบื้องต้นให้กับครอบครัว ส.ต.อ.ปรีชา สมัยใหม่ ครู ตชด.ที่ถูกยิงเสียชีวิต
2 พิธีรดน้ำศพครู ตชด.เหยื่อความรุนแรงรายล่าสุด (ภาพทั้งหมดโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)
ขอบคุณ : เนื้อหาข่าวจากส่วนกลางโดยสำนักข่าวเนชั่น