รัฐเปิดสายด่วน"อุ่นใจ"ให้ชาวบ้านโทร.ระบายแก้หยุดวันศุกร์
นายกฯปิ๊งไอเดียแก้หยุดวันศุกร์ เปิดโทรศัพท์สายด่วน "อุ่นใจ 1890" ให้คนชายแดนใต้โทรระบายทุกข์ พร้อมประสานภาคเอกชนจ้างทำงานที่บ้าน จะได้ไม่ต้องเดินทางเสี่ยงตาย ขณะที่ผู้ว่าฯสามจังหวัดรณรงค์หนักให้เปิดร้านวันศุกร์ แต่ชาวบ้านยังแห่กักตุนอาหารหวั่นเมืองร้างอีกรอบ ใต้ยังป่วนไม่หยุด คนร้ายควบมอเตอร์ไซค์ประกบยิงตำรวจ สภ.เจาะไอร้อง ดับอีก 1 นาย ก่อนหน้านั้น 1 วันเพิ่งใช้ "โชเล่ย์บอมบ์" ดักระเบิดทหารพรานเจ็บ 9 ที่ยะหา ตามรวบ 3 ผู้ต้องสงสัยทันควัน
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงตึงเครียดจากเหตุรุนแรงรายวัน และผลต่อเนื่องจากคำขู่ให้หยุดทำงานและค้าขายวันศุกร์ โดยล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 ต.ค.2555 นางสาวศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมทางไกลผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ โดยมี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ว่า กระทรวงมหาดไทยได้รายงานนายกฯเกี่ยวกับปัญหาความไม่สงบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีผู้ค้าขายไม่กล้าเปิดร้านในวันศุกร์ เพราะกังวลว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัย
ทั้งนี้ นายกฯได้ให้ความสำคัญกับความรู้สึกและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน จึงได้สั่งการให้เปิดโทรศัพท์สายด่วน "อุ่นใจ 1890" หากประชาชนในพื้นที่มีความไม่สบายใจเรื่องความไม่ปลอดภัย ขอให้โทร.ไปที่สายด่วนเบอร์นี้ ซึ่งสายด่วนดังกล่าวจะทำงานร่วมกับสายด่วนของกระทรวงมหาดไทย หมายเลข 1567 ด้วย
นอกจากนั้น กระทรวงมหาดไทยยังได้ชี้แจงนายกฯถึงปัญหาเรื่องการขายสินค้าในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ โดยเฉพาะเรื่องการจำหน่ายสินค้าราคาถูก โดยนายกฯได้สั่งการเพิ่มเติมว่า อาจให้มีการสอนอาชีพประชาชนในพื้นที่ที่ไม่สะดวกในการเดินทาง และให้มีช่องทางไปรับสินค้าจากประชาชนมาขายต่อเพื่อเป็นการแก้ปัญหา ขณะเดียวกันอาจประสานบริษัทเอกชนให้จ้างงานประชาชนทำที่บ้าน แทนการเดินทางออกไปทำงานนอกบ้านเพื่อความปลอดภัยด้วย
ผบ.ทบ.ปลุกประณามกลุ่มป่วนใต้-อัดสื่อโฆษณาให้โจร
ที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ. ) กล่าวถึงกรณีข่มขู่ให้หยุดงานวันศุกร์ว่า ถ้าประชาชนเสียขวัญมากๆ เจ้าหน้าที่ต้องทำงานทุ่มเทให้เป็น 2-3 เท่าจนกว่าจะได้ความเชื่อมั่นกลับมา ซึ่งยอมรับว่าเป็นงานที่ยากพอสมควรด้วยปัจจัยหลายอย่าง แต่อยู่ที่ว่าคนไทยทุกคนจะลุกขึ้นมาต่อสู้กันหรือไม่ ไม่ใช่ให้ความร่วมมือกับผู้ก่อเหตุรุนแรง
"เขาไม่สามารถฆ่าเราได้ทั้งหมด เพราะถ้าเขาฆ่าเราทั้งหมดเขาก็เสียเปรียบ ผมไม่อยากให้ถูกฆ่าแม้แต่คนเดียว ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านหรือทหาร แต่ฝ่ายนั้นไม่ยอมหยุด ตอนนี้มีแต่ตำหนิว่าทหารลงไปใช้กฎหมายพิเศษ ใช้ความรุนแรง แต่ไม่ได้บอกว่าคนไทยที่เป็นผู้บริสุทธิ์มีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตอยู่ในแผ่นดินไทยตามกฎหมาย ทำไมถึงไม่คุ้มครองเขา อยากให้สื่อช่วยเขียนรณรงค์ให้ทุกคนช่วยกันปกป้องคุ้มครองประชาชนและเจ้าหน้าที่ เพราะเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ และดิสเครดิตโจรให้มาก ให้เขารู้สึกอาย และละอายต่อบาปกรรม" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว และย้ำว่าสื่ออย่าทำให้ ผบ.ทบ.และทหารหมดกำลังใจ
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันอังคารที่ 9 ต.ค.2555 พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเรื่องการข่มขู่ให้หยุดทำงานและค้าขายวันศุกร์ว่า สถานการณ์ก็เป็นอย่างนี้มาตลอด ขึ้นลงตามกระแสของสื่อด้วย สื่อจึงควรบอกกล่าวให้กับประชาชนในพื้นที่ออกมาใช้ชีวิตตามปกติและให้เกิดความมั่นใจ โดยสื่อต้องเป็นตัวช่วยให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นและเจ้าหน้าที่จะเป็นคนดูแลให้ประชาชนออกมา รวมพลังคนจำนวนมาก โจรจำนวนน้อย ทำไมเราไม่ออกมาสู้ เราคอยจะให้พวกโจรมาชี้นำเราได้อย่างไร
"เมื่อท่านจน ไม่มีอาชีพ แล้วจะเอารายได้ที่ไหนไปเลี้ยงลูกเมีย สื่อจะไปโฆษณาให้กับโจรทำไมผมไม่เข้าใจ แล้วสื่อก็หันกลับมาเล่นงานเจ้าหน้าที่" ผบ.ทบ.ระบุ
"ยุทธศักดิ์"ปัดข้อเสนอให้รัฐไฟเขียว"หยุดวันศุกร์"
ขณะที่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันอังคารที่ 9 ต.ค.ถึงข้อเสนอของบางฝ่ายให้รัฐบาลพิจารณาให้วันศุกร์เป็นวันหยุดราชการที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า เป็นไปไม่ได้ ประเทศมุสลิมประเทศอื่นก็หยุดขายของในวันเสาร์อาทิตย์ ไม่ได้หยุดวันศุกร์ ตามมาตรฐานสากลจะบังคับให้หยุดพิเศษไม่ได้ เพราะคนที่มาบังคับก็ยังไม่ปรากฏตัวเลย แต่เท่าที่ทราบคำขู่ให้หยุดขายของเป็นบางพื้นที่เท่านั้น อย่างเช่นที่ อ.เบตง จ.ยะลา ยังค้าขายได้ตามปกติ ไม่มีร้านไหนปิด แต่เชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่อาสารักษาดินแดน (อส.) อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ถูกกลุ่มคนร้ายยิงเสียชีวิต 3 นายเมื่อวันจันทร์ที่ 8 ต.ค.ว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่ระมัดระวัง สถานการณ์อย่างนี้ประมาทไม่ได้ ซึ่งได้เตือนไปแล้วว่ากลุ่มผู้ก่อการยังคงหาเหยื่อที่อ่อนแอเพื่อก่อเหตุ แต่ยังเชื่อว่าสถานการณ์นับจากนี้จะไม่รุนแรง รัฐบาลกำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาอยู่ โดยจะสร้างความมั่นใจควบคู่ไปกับสร้างความปลอดภัย ให้ประชาชนในพื้นที่
ส่วนกรณีที่มีผู้ต้องหาลอบวางระเบิดปลอมในเขต อ.เมือง จ.ยะลา อ้างว่ารับจ้างมาก่อเหตุ โดยได้ค่าจ้าง 500 บาทนั้น พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า "เอ็งก็โผล่หน้ามาบอกสิ มีแต่ออกใบปลิวและสร้างสถานการณ์ข่าวลือ พอเราจับวัยรุ่นได้ก็มาพูดบอกว่าเขาจ้างมาก่อเหตุ 500 บาท แล้วจะไปฟังทำไมกับคนที่ถูกจ้างมา 500 บาท มันเป็นไปไม่ได้หรอก อย่าไปให้ความสำคัญกับบางคนที่ไม่กล้าโผล่หน้าออกมา แล้วมาบังคับคนให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นประเทศไทย คนที่นั่นก็เป็นคนไทย ใช้กฎหมายไทย จะมาพูดอะไรกับกฎหมายพิเศษ"
ผู้ว่าฯชายแดนใต้ลุยสร้างความมั่นใจ-ชาวบ้านแห่กักตุนอาหาร
ตลอดสัปดาห์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้พยายามรณรงค์ทุกวิถีทางเพื่อให้ประชาชนออกมาทำงานและค้าขายในวันศุกร์ตามปกติ โดยที่ จ.นราธิวาส นายอภินันท์ ซื่อธานุวงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้เป็นประธานในงานจิบน้ำชายามเช้า ซึ่งได้เชิญหัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าฝ่ายกองกำลังทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง รวมทั้งผู้ประกอบการร้านค้าในพื้นที่มาพูดคุยเพื่อสร้างความมั่นใจ พร้อมสั่งการให้พาณิชย์จังหวัดเปิดร้านธงฟ้าราคาประหยัด เพื่อนำสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีคุณภาพแต่ราคาถูกไปจำหน่ายเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนด้วย
นายประมุข ลมุล ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ได้ระดมกำลังทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชน และผู้นำท้องถิ่น ไปเคาะประตูบ้านเพื่อทำความเข้าใจ และจะร่วมกันเดินตลาดสร้างความเชื่อมั่นในวันศุกร์
อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบที่ตลาดสดหลายแห่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในวันพฤหัสบดีที่ 11 ต.ค. พบว่ามีพ่อค้าแม่ค้านำผักผลไม้และอาหารสดมาวางจำหน่ายอย่างคึกคัก เนื่องจากผู้ค้าหลายรายแจ้งกับลูกค้าประจำว่าอาจหยุดขายในวันศุกร์ ทำให้มีประชาชนเดินทางไปซื้ออาหารกักตุนเป็นจำนวนมาก โดยจากการสอบถามพ่อค้าแม่ค้า ปรากฏว่ามีทั้งกลุ่มที่ยังคงปิดร้านในวันศุกร์ต่อไป และกลุ่มที่ตั้งใจจะเปิดร้านในวันศุกร์นี้
ยิงตำรวจเจาะไอร้องดับอีก 1
ด้านสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ยังคงมีเหตุร้ายเกิดขึ้นรายวัน ล่าสุดเมื่อเวลา 12.45 น.วันพฤหัสบดีที่ 11 ต.ค.2555 คนร้ายจำนวน 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม.ประกบยิง ส.ต.อ.ธรรมรงค์ กองรัมย์ อายุ 33 ปี ผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปราม (ผบ.หมู่ ป.) สภ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส อยู่บ้านเลขที่ 345/59 หมู่ 1 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง เสียชีวิตคาที่
ทั้งนี้ เหตุเกิดบนถนนสายชนบทระหว่างบ้านฮูลูปาระ หมู่ 1 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ กับบ้านตันหยงลิมอ หมู่ 7 ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ขณะที่ ส.ต.อ.ธรรมรงค์ กำลังขี่รถจักรยานยนต์โดยแต่งกายนอกเครื่องแบบมุ่งหน้า อ.เจาะไอร้อง โดยหลังก่อเหตุคนร้ายได้ชิงอาวุธปืนพกขนาด 9 มม.ของ ส.ต.อ.ธรรมรงค์ หลบหนีไปด้วย เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ดักยิง ชรบ.สุวารีสาหัส – ถล่มฐานทหารที่ธารโต
เวลา 20.20 น.คนร้ายไม่ทราบจำนวนซุ่มอยู่ข้างทาง ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง นายอาดุสามะ สามะ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21/3 บ้านตะโหนด หมู่ 2 ต.สุวารี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดขณะที่นายอาดุสามะ ซึ่งเป็นชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) หมู่ 2 ต.สุวารี กำลังขับรถกระบะออกจากป้อม ชรบ.ข้างบ้านผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.สุวารี เพื่อไปเติมน้ำมันรถ โดยใช้ถนนสายยือลาแป-ตะโล๊ะหะลอ ท้องที่บ้านตะโหนด หมู่ 2 ต.สุวารี เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
เวลา 22.40 น.คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิงถล่มฐานปฏิบัติการของทหารที่บ้านบัวทอง หมู่ 1 ต.บ้านแหร อ.ธารโต จ.ยะลา จำนวน 15-20 นัด หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้หลบเข้าที่กำบัง พร้อมใช้อาวุธปืนประจำกายยิงตอบโต้ ทำให้คนร้ายล่าถอยไป ฝ่ายเจ้าหน้าที่ไม่มีความสูญเสีย
โชเล่ย์บอมบ์ที่ยะหาทหารพรานเจ็บ 9
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันพุธที่ 10 ต.ค.2555 เวลา 13.45 น.คนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางระเบิดชุดปฏิบัติการกองร้อยทหารพรานที่ 4714 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 47 ขณะเดินทางโดยรถกระบะกลับฐานที่บ้านสะปอง ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา หลังเสร็จจากปฏิบัติภารกิจ เหตุเกิดบนถนนในท้องที่บ้านเคละ หมู่ 4 ต.บาโร๊ะ อ.ยะหา แรงระเบิดทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บจำนวน 9 นาย ประกอบด้วย
1) ร.อ.โกศล ละอองวิจิตต์ อายุ 52 ปี
2) อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) ไกรรุ่ง ใจมา อายุ 31ปี
3) อส.ทพ.ใหม่ อามาตมนศรี อายุ 26 ปี
4) อส.ทพ.ปฏิพัทธ์ พิณโส อายุ 36 ปี
5) อส.ทพ.จักรพันธ์ เมืองพรม อายุ 28 ปี
6) ส.ท.สมรภูมิ สุขแย้ม อายุ 33 ปี
7) อส.ทพ.นิกร วงศ์ศรี อายุ 42 ปี
8) อส.ทพ.กังวาน ต่อดอก อายุ 31 ปี
9) อส.ทพ.พงษ์พัฒน์ พันธ์ศรี อายุ 27 ปี
หลังเกิดเหตุทั้งหมดถูกนำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชยะหา อ.ยะหา จากนั้นแพทย์ส่งต่อผู้บาดเจ็บรายชื่อที่ 1-4 ไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา โดยทหารพรานที่อาการสาหัสที่สุดคือ อส.ทพ.ใหม่ เนื่องจากถูกสะเก็ดระเบิดที่ดวงตาและสมอง ต้องผ่าตัดใหญ่ และทางโรงพยาบาลต้องเปิดรับบริจาคเลือดเป็นการด่วน
ขณะที่ผลการตรวจจุดเกิดเหตุพบระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นชนิดแสวงเครื่อง บรรจุในถังแก๊สหุงต้มขนาด 5 กิโลกรัมจำนวน 3 ถัง ซุกซ่อนไว้ในรถจักรยานยนต์แบบพ่วงข้าง (รถโชเล่ย์) ที่จอดดักไว้ริมถนน โดยนำกล้วยมาวางอำพราง จุดชนวนระเบิดด้วยวิทยุสื่อสาร นอกจากนั้นในช่วงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดกำลังเดินทางเข้าพื้นที่ ได้ถูกคนร้ายสกัดด้วยการโปรยตะปูเรือใบดักเอาไว้ พร้อมจุดระเบิดดักสังหารบริเวณคอสะพานบ้านซีเซะ หมู่ 5 ต.บาโระ อ.ยะหา โชคดีไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
ส่วนที่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เวลา 16.20 น.คนร้าย 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม.ยิง นายอุเซ็ง เจ๊ะมามะ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19 บ้านน้ำบ่อ หมู่ 2 ต.น้ำบ่อ อ.ปะนาเระ เสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดขณะที่นายอุเซ็งนั่งทำกรงนกอยู่ที่หน้าบ้านของตนเอง เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
รวบ 3 ผู้ต้องสงสัยบึ้มทหารพราน
ต่อมาวันพฤหัสบดีที่ 11 ต.ค. พ.อ.ยุทธนาม เพชรม่วง ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 47 เปิดเผยความคืบหน้าคดีลอบวางระเบิดทหารพรานบาดเจ็บ 9 นายว่า เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปพิสูจน์ทราบในละแวกที่เกิดเหตุ และสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 3 ราย ทราบชื่อคือ นายมูฮัมหมัด ปาแต อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81/2 หมู่ 5 ต.บาโร๊ะ อ.ยะหา ซึ่งเป็นลูกจ้างโครงการจ้างงานเร่งด่วน 4,500 บาทของทางราชการด้วย เนื่องจากใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่ และบันทึกภาพที่เกิดเหตุหลังเกิดเหตุได้ประมาณ 15 นาที
รายที่ 2 คือ นายดอรอฮะ อาแว อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 175/2 หมู่ 8 ต.ปะแต อ.ยะหา มีภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่บ้านเลขที่ 50 หมู่ 5 ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี โดยนายดอรอฮะขี่รถจักรยานยนต์วนเวียนอยู่ในหมู่บ้านซีเซ๊ะในหลายรอบ ชาวบ้านจึงแจ้งให้งเจ้าหน้าที่ทราบและเข้าควบคุมตัว ซึ่งนายดอรอฮะมีท่าทีน่าสงสัย และจากการตรวจสอบในรถจักรยานยนต์ยังพบว่ามีเสื้อผ้าที่ถูกเปลี่ยนแล้ว 1 ชุด พร้อมกระสอบปุ๋ย 1 กระสอบด้วย
รายที่ 3 ยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ โดยทหารพรานควบคุมตัวได้ที่บ้านซีเซะ หมู่ 5 ต.บาโระ เพราะมีลักษณะรูปพรรณคล้ายกับบุคคลที่นำรถจักรยานยนต์แบบพ่วงข้างซุกระเบิดไปดักทำร้ายเจ้าหน้าที่ ตามการแจ้งเบาะแสของแหล่งข่าว
ค้นบ้านต้องสงสัยล่าคนร้ายยิง อส.3 ศพ
ส่วนความคืบหน้าเหตุการณ์คนร้ายลอบยิงเจ้าหน้าที่ อส.อำเภอยะหริ่ง จ.ปัตตานี เสียชีวิต 3 นาย เมื่อวันจันทร์ที่ 8 ต.ค.นั้น ในวันพุธที่ 10 ต.ค.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44 ได้นำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านต้องสงสัยเลขที่ 134 บ้านตันหยงดาลอ หมู่ 1 ต.ตันหยงดาลอ อ.ยะหริ่ง ซึ่งคาดว่าคนร้ายหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ โดยอาศัยหลักฐานจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด
ในการนี้ เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัว นายกามารูซามาน นิเลาะ อายุ 32 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวไปซักถามขยายผลด้วย
ส่วนเหตุการณ์คนร้ายลอบยิง ร.ต.ท.อิงสะรี โดรอนิง อายุ 60 ปี ข้าราชการบำนาญ เสียชีวิตที่บ้านพอแม็ง หมู่ 4 ต.กายูบอเกาะ อ.รามัน จ.ยะลา เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น หลังเกิดเหตุตำรวจ สภ.รามัน ได้สนธิกำลังกับกองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา (กก.สส.บก.ภ.จว.ยะลา) ปิดล้อมตรวจค้นบ้านเป้าหมายในท้องที่หมู่ 4 บ้านพอแม็ง ซึ่งเป็นเครือข่ายของ นายอับดุลรอฮิง ดาอีซอ แกนนำผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ และสามารถควบคุมตัว นายกามัน ชัยชนะ ผู้ต้องหาคดีความมั่นคงคนสำคัญได้ (ตามข่าวที่เสนอไปแล้ว) เชื่อว่านายกามันมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางแผนลอบยิง ร.ต.ท.อิงสะรี ด้วยอย่างแน่นอน และเจ้าหน้าที่ยังสามารถรวบรวมหลักฐานเพื่อออกหมายจับ นายไซดี มะดอ ซึ่งเป็นมือปืนที่ลงมือยิง ร.ต.ท.อิงสะรี ได้แล้วด้วย
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : สภาพรถของทหารพรานหลังถูกระเบิดที่ อ.ยะหา จ.ยะลา