จุฬาราชมนตรีแจงอิสลามไม่ห้ามทำงานวันศุกร์ ผบ.ทบ.ปลุกชาวบ้านเลิกกลัว
จุฬาราชมนตรีร่อนเอกสารแจงอิสลามไม่ได้ห้ามทำงานวันศุกร์ ชี้พวกที่ข่มขู่เข้าข่ายละเมิดสิทธิสุจริตชน แอบอ้างศาสนาเพื่อประโยชน์ส่วนตน ศอ.บต.รับลูกเตรียมพิมพ์แจกจ่ายชาวบ้าน 5 จังหวัดชายแดน ด้านกระแสหยุดวันศุกร์ลามถึงขั้นขู่ปิดโรงเรียน ไม่รับรองความปลอดภัยครูที่ไปสอน ผบ.ทบ.ล่องใต้ปลุกชาวบ้านเลิกกลัว ซัดอย่าไปหวังพึ่ง เหตุห้ามคนทำมาหากิน
นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี ได้ส่งหนังสือตอบเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ชี้แจงกรณีการทำงานในวันศุกร์ของมุสลิม เพื่อให้เกิดความกระจ่างและความเข้าใจที่ถูกต้องต่อมุสลิมและประชาชนทั่วไป ภายหลังจากที่ ศอ.บต.ได้ทำหนังสือด่วนสอบถามกรณีเกิดกระแสข่มขู่ที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ห้ามประชาชนทำงานหรือเปิดร้านขายของในวันศุกร์ จนทำให้วันศุกร์ที่ผ่านมา (28 ก.ย.2555) ในพื้นที่แทบกลายเป็นเมืองร้าง
หนังสือของจุฬาราชมนตรีมีความยาว 3 หน้ากระดาษ (ไม่รวมใบปะหน้า) สรุปว่า การทำงานในวันศุกร์มิได้ขัดแย้งกับหลักศาสนาอิสลาม เพราะการทำงานเพื่อให้ได้มาซึ่งปัจจัยยังชีพเป็นสิ่งที่อิสลามให้ความสำคัญเป็นอย่างสูง เนื่องจากการดำรงชีพโดยมุ่งสู่เป้าหมายที่องค์อัลลอฮ์พระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดนั้น เพื่อให้สามารถดำรงชีพได้โดยไม่เป็นภาระต่อผู้อื่น และสามารถทำหน้าที่เพื่ออัลลอฮ์ได้โดยไม่ตกอยู่ใต้อิทธิพลของผู้ใด ผู้ทำงานด้วยน้ำพักน้ำแรงเพื่อเลี้ยงชีพตนเองและครอบครัวด้วยอาชีพสุจริตจึงเป็นผู้ประเสริฐ
"เมื่อคนเราต้องบริโภคทุกวัน อิสลามจึงไม่ห้ามที่จะทำงานทุกวัน แม้วันนั้นจะเป็นวันศุกร์ ซึ่งถือเป็นวันสำคัญประจำสัปดาห์ก็ตาม สิ่งที่อิสลามบัญญัติก็คือบุคคลต้องไม่ให้ความสำคัญแก่การทำงานหารายได้มากกว่าการประกอบพิธีละหมาดญุมอะฮ์ (ละหมาดวันศุกร์) ถวายเป็นอิบาดะห์ต่ออัลลอฮ์พระผู้เป็นเจ้า" หนังสือของนายอาศิสระบุตอนหนึ่ง
จุฬาราชมนตรียังได้ยกพระดำรัสแห่งอัลลอฮ์ ซูรอฮ์ (โองการ) อัลญุมุอะฮ์ อายะฮ์ที่ 9-10 ความว่า "ดูกรผู้มีศรัทธาทั้งหลาย เมื่อเสียงเรียกร้องสู่การละหมาดดังขึ้นในวันศุกร์ พวกเจ้าก็จงรีบเร่งไปสู่การรำลึกถึงอัลลอฮ์เถิด และจงยุติการซื้อขายเสีย นั่นเป็นสิ่งที่ดีสำหรับพวกเจ้า หากพวกเจ้ารู้"
"ครั้นเมื่อการประกอบพิธีละหมาดเสร็จสิ้นลง พวกเจ้าก็จงกระจายไปในแผ่นดินเถิด จงแสวงหาคุณูปการแห่งอัลลอฮ์ (ทำงานหารายได้) และจงรำลึกถึงพระองค์ให้มาก เพื่อพวกเจ้าจะได้พบกับความสำเร็จ"
หนังสือของจุฬาราชมนตรี ยังระบุอีกว่า ฉะนั้นแม้จะเป็นวันศุกร์ แต่อัลลอฮ์ก็ยังส่งเสริมให้ทำงานเพื่อแสวงหาคุณูปการที่พระองค์ทรงสร้างไว้ให้ สิ่งที่ผู้ทำงานทุกคนต้องรำลึกอยู่เสมอก็คือ เมื่อได้ยินเสียงอะซานเรียกร้องสู่การละหมาด งานทุกอย่างต้องยุติลง และบุคคลต้องเตรียมตัวไปละหมาดอย่างรีบเร่ง ครั้นเมื่อละหมาดเสร็จสิ้นแล้วก็รีบไปทำงานต่อ โดยมีจิตรำลึกอยู่เสมอว่าโภคปัจจัยที่ได้มาล้วนเป็นคุณูปการแห่งอัลลอฮ์ทั้งสิ้น
"ดังนั้นการข่มขู่ให้สุจริตชนหยุดทำงานในวันศุกร์ นับเป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น เป็นการแอบอ้างศาสนาอิสลามเพื่อผลประโยชน์ของตนอย่างมิชอบ และเป็นการกระทำที่อยู่นอกกรอบแนวทางของอัลลอฮ์อย่างสิ้นเชิง" หนังสือสรุปในตอนท้าย
มีรายงานด้วยว่า ทาง ศอ.บต.ได้เตรียมนำเนื้อความในหนังสือของจุฬาราชมนตรีจัดทำเป็นโบรชัวร์พิมพ์ 3 ภาษา คือ ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และภาษามลายู แจกจ่ายพี่น้องประชาชนใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยเร็วที่สุด
ขู่หยุดวันศุกร์ลามปิดโรงเรียน
ด้านสถานการณ์ในพื้นที่วันพุธที่ 3 ต.ค.2555 กระแสข่มขู่ให้หยุดทำงานวันศุกร์ยังคงลุกลามไปถึงการข่มขู่ให้หยุดโรงเรียนด้วย โดยกระแสดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากคนร้ายลอบยิง นายคมสันติ์ โฉมยงค์ ครูโรงเรียนบ้านบองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา นับเป็นครูและบุคลากรทางการศึกษารายที่ 152 ที่ต้องสังเวยชีวิตจากความรุนแรง
นายประสิทธิ์ เมฆสุวรรณ อดีตประธานสมาพันธ์ครูจังหวัดยะลา กล่าวว่า กระแสข่าวห้ามทำกิจกรรมในวันศุกร์ไม่ได้มีเพียงแค่การห้ามเปิดร้านค้าขายเท่านั้น แต่ในบางพื้นที่ยังพบว่าขบวนการก่อความไม่สงบมีความพยายามปล่อยข่าวลุกลามเพื่อสร้างความหวาดกลัวให้กับกลุ่มข้าราชการครูในพื้นที่ด้วย โดยเฉพาะการไม่รับรองความปลอดภัยครูหากมีการเดินทางไปสอนหนังสือในวันศุกร์ ข่าวลือนี้เริ่มแพร่สะพัดมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ช่วงนี้เริ่มมีการพูดถึงถี่ขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นรัฐควรมีแนวทางในการแก้ปัญหาเป็นการด่วน
นายสงวน อินทรักษ์ ประธานสมาพันธ์ครูจังหวัดนราธิวาส กล่าวเช่นกันว่า กระแสข่าวลือเกี่ยวกับการข่มขู่ครูให้หยุดสอนหนังสือในวันศุกร์เริ่มแพร่สะพัดมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว จึงอยากวิงวอนเจ้าหน้าที่ให้ช่วยกันหาทางสยบข่าวลือนี้ และเพิ่มความเชื่อมั่นให้ครูและโรงเรียนในพื้นที่ได้ทำการเรียนการสอนก่อนปิดภาคการศึกษาด้วย
ขณะที่ นายบุญสม ทองศรีพลาย ประธานสมาพันธ์ครูสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า จากการประชุมแกนนำครู ทุกคนเห็นตรงกันว่าคนร้ายกำลังพุ่งเป้าสังหารเป้าหมายอ่อนแอ จึงมีความเป็นไปได้สูงที่บุคลากรทางการศึกษาอาจตกเป็นเหยื่อซ้ำอีก ฉะนั้นสถานศึกษาทุกแห่งจึงจะเร่งดำเนินการปิดภาคเรียนภายในไม่เกินวันที่ 11 ต.ค.นี้
ยิงผู้ใหญ่บ้านรือเสาะดับต่อหน้าภรรยา
ที่ จ.นราธิวาส คนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ไปจอดหน้าบ้านเลขที่ 15/1 บ้านตะโหนด หมู่ 2 ต.สุวารี อ.รือเสาะ ซึ่งเปิดเป็นร้านขายข้าวแกงและน้ำชา จากนั้นใช้อาวุธปืนพกขนาด 11 มม.ยิง นายอนันต์ อาหะแม อายุ 45 ปี เจ้าของบ้าน และเป็นผู้ใหญ่บ้านตาเปาะ หมู่ 7 ต.สุวารี เสียชีวิตคาที่ โดยคนร้ายรัวกระสุนใส่ถึง 6 นัดต่อหน้า นางซีตีตีเมาะ อาหะแม อายุ 43 ปีซึ่งเป็นภรรยา และลูกค้ากว่า 10 คนที่กำลังนั่งรับประทานอาหาร เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ด้านผลการปฏิบัติของฝ่ายความมั่นคง เวลา 08.00 น.วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 21 สนธิกำลังกับตำรวจ สภ.ยะรัง จ.ปัตตานี และฝ่ายปกครอง เข้าปิดล้อมจับกุมผู้ต้องหาตามหมาย ป.วิอาญา (ออกโดยอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา) ในท้องที่บ้านบือแนกือบง หมู่ 3 ต.ประจัน อ.ยะรัง และสามารถจับกุมบุคคลเป้าหมายได้ 2 รายที่คาดว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์โจรกรรมและทำลายกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในพื้นที่
ส่วนที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 44/1 บ้านบาเจาะ หมู่ 2 ต.บาเจาะ พร้อมเชิญตัวบุคคลต้องสงสัยซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเจาะกาแต หมู่ 7 ต.ท่าธง อ.รามัน จ.ยะลา ไปซักถาม เนื่องจากสงสัยว่าอาจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ลอบยิงเจ้าหน้าที่ทหารพราน สังกัดกรมทหารพรานที่ 41 บริเวณสามแยกทางเข้าโรงเรียนธารน้้าผึ้ง บ้านปรามะ หมู่ 13 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา (ฆ่าเผา 4 ศพ ทหารพรานและแม่ครัวประจำฐาน)
ผบ.ทบ.ปลุกชาวบ้านเลิกกลัว
วันเดียวกัน พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้เดินทางลงพื้นจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาความไม่สงบ รวมทั้งสถานการณ์ตึงเครียดล่าสุดคือการข่มขู่ให้ประชาชนหยุดทำงานและค้าขายในวันศุกร์
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวที่กรุงเทพฯ ก่อนออกเดินทางว่า ได้สั่งการให้ พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 เข้าไปดูแลเรื่องการห้ามขายของวันศุกร์แล้ว โดยต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจากครั้งนี้ฝ่ายผู้ก่อการใช้ความรุนแรง โดยนำเหตุการณ์คาร์บอมบ์ที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี (21 ก.ย.) มาข่มขู่ ขณะเดียวกันก็ต้องลงโทษและประณามผู้ก่อเหตุให้มาก เพราะไม่ได้หวังดีต่อประเทศชาติ ทำร้ายคนทุกประเภท
“ประชาชนจะฝากชีวิตกับพวกนี้ได้อย่างไร ทำมาหากินยังห้าม ไปไหนมาไหนก็ไม่ปลอดภัย ดังนั้นอย่าไปร่วมมือกับโจร และแจ้งเจ้าหน้าที่ หากแจ้งเจ้าหน้าที่ ต่อไปสถานการณ์คงจะดีขึ้น ถ้าทุกคนมัวแต่กลัวและไม่บอกเจ้าหน้าที่ แต่เมื่อถึงเวลาสูญเสียเสียหายก็โทษเจ้าหน้าที่อีก ผมว่ามันไม่ถูกต้อง ถ้าทุกคนร่วมมือกับเจ้าหน้าที่และบอกว่าโจรพวกนี้อยู่ที่ไหน ผมว่าเดี๋ยวก็หมด และขอร้ององค์กรสิทธิมนุษยชนต่างๆ ที่ได้รับเงินสนับสนุนภายนอกจะต้องระมัดระวัง เพราะบางทีขัดแย้งกับฝ่ายความมั่นคงทำให้เสียโอกาสในการแก้ไขปัญหา"
ส่วนการรักษาความปลอดภัยครูนั้น ผบ.ทบ.บอกว่า ไม่จำเป็นต้องปรับแผน เพราะปัญหาอยู่ที่ว่าครูอยู่ในกรอบของแผนการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่หรือไม่ จากการสำรวจพบว่าปัญหาเกิดขึ้นระหว่างที่ครูออกนอกเส้นทาง ดังนั้นขอทำความเข้าใจกับครูว่าทุกอย่างยังดูแลได้ ขอร้องให้อยู่ในกติกาในห้วงเวลาที่กำหนดไว้
สำหรับภารกิจที่ชายแดนใต้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ และ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินทางไปร่วมประชุมกับผู้แทนหน่วยทหาร ตำรวจ และ ศอ.บต.ที่ค่ายจุฬาภรณ์ อ.เมือง จ.นราธิวาส โดยได้มีการบรรยายสรุปสถานการณ์ และหารือถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาการข่มขู่ให้หยุดทำงานวันศุกร์ด้วย
ส่วนที่ จ.ปัตตานี ทางจังหวัดได้เชิญผู้ประกอบการร้านค้า หัวหน้าส่วนราชการ ร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เพื่อหารือแนวทางการเสริมสร้างความมั่นใจในการเปิดค้าขายวันศุกร์ตามปกติ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ :
1 ภาพจุฬาราชมนตรี จากเว็บไซต์สำนักจุฬาราชมนตรี http://www.skthai.org/index.php
2 เนื้อหาข่าวเฉพาะส่วนสัมภาษณ์แกนนำครู และ ผบ.ทบ. จากสำนักข่าวเนชั่น