เตือนไปฮัจญ์ระวัง"ไวรัสโคโรน่า" มุสลิมไทยกลับบ้านต้องติดตามอาการ 10 วัน
เว็บไซต์องค์การอนามัยโลก หรือดับบลิวเอชโอ (World Health Organization: WHO) ได้ออกประกาศเตือนเพิ่มเติมล่าสุดเมื่อวันที่ 25 ก.ย.2555 เกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หลังจากพบผู้ติดเชื้อ 2 รายที่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ โดยรายหนึ่งเป็นชาวซาอุดิอาระเบีย ขณะที่อีกรายเป็นชายชาวกาตาร์ที่เคยเดินทางไปซาอุดิอาระเบียก่อนแสดงอาการป่วยไม่นาน
ขณะที่ดับบลิวเอชโอได้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับทางการซาอุดิอาระเบียเพื่อเพิ่มมาตรการทางสาธารณสุขป้องกันการระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งกำลังมีผู้แสวงบุญจำนวนมากเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ที่นครมักกะฮ์ (อ่านประกาศจากเว็บไซต์ดับบลิวเอชโอ http://www.who.int/csr/don/2012_09_25/en/index.html )
กรมควบคุมโรคประชุมคณะทำงานรับมือ
ต่อมาในวันพุธที่ 26 ก.ย.ที่สำนักโรคอุบัติใหม่ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ ที่ปรึกษากรมควบคุมโรค ได้เปิดแถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะทำงานวิชาการเพื่อปรึกษาหารือเบื้องต้นเรื่องการพบเชื้อโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ในต่างประเทศ โดยมีผู้แทนจากดับบลิวเอชโอประจำประเทศไทย ศูนย์ความร่วมมือไทย-สหรัฐฯด้านสาธารณสุข (ซีดีซี) ผู้ทรงคุณวุฒิ และนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยต่างๆ เข้าร่วม
ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการเตรียมความพร้อมของกระทรวงสาธารณสุขทั้งทางด้านเทคนิคและวิชาการหากเกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ถือว่าเป็นโรคระบาด เนื่องจากทั่วโลกยังพบผู้ป่วยเพียง 2 ราย คือ ชายชาวซาอุดิอาระเบีย อายุ 60 ปี ไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศ เสียชีวิตแล้ว และชายชาวกาตาร์ อายุ 49 ปี เคยเดินทางไปประเทศซาอุดิอาระเบีย ขณะนี้พักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
"ไวรัสตัวนี้เป็นเชื้อตัวใหม่ จัดอยู่กลุ่มโคโรน่าไวรัสเช่นเดียวกับไข้หวัดซาร์ส แต่ไม่ใช่ตัวเดียวกับซาร์ส ซึ่งโดยปกติไวรัสกลุ่มนี้จะก่อให้เกิดอาการในระบบทางเดินอาหารและระบบทางเดินหายใจ มีอาการตั้งแต่ระดับอ่อนๆ เป็นไข้หวัดธรรมดา และรุนแรงถึงขั้นหายใจติดขัด ระบบการหายใจล้มเหลว และเสียชีวิต เช่นเดียวกับโรคไข้หวัดซาร์ส"
"สำหรับโรคใหม่นี้ หากพิจารณาจากผู้ป่วย 2 ราย ก็ถือว่าโรคมีความรุนแรง แต่ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าแท้จริงโรคมีความรุนแรงหรือไม่ เพราะผู้ป่วยมีจำนวนน้อย ส่วนการติดต่อของโรค จากการติดตามผู้ใกล้ชิดผู้ป่วยทั้ง 2 ราย พบว่ายังไม่มีการป่วยเป็นโรคนี้ แสดงว่าโรคยังไม่ระบาดจากต้นตอของโรคไปยังคนอื่น ณ ขณะนี้ความเสี่ยงยังต่ำอยู่" ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าว
ออก 6 มาตรการตามประกาศดับบลิวเอชโอ
ด้าน นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า สำหรับการเตรียมการป้องกันและควบคุมโรคของประเทศไทย จะเน้นใน 6 ประเด็นสำคัญ ประกอบด้วย
1.เฝ้าระวังทางระบาดวิทยา ซึ่งจะดำเนินการตามนิยามของดับบลิวเอชโอ โดยผู้ที่เดินทางจากประเทศซาอุดิอาระเบียและกาตาร์เข้ามาในประเทศไทย ถ้ามีอาการป่วยรุนแรง เช่น ปอดบวม เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ต้องสอบสวนโรคทุกราย ซึ่งกรมฯจะทำหนังสือแจ้งเวียนไปยังโรงพยาบาลทุกแห่งทั้งของรัฐและเอกชนเพื่อให้ดำเนินการตามมาตรการนี้
2.เฝ้าระวังทางห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ หรือห้องแล็บ จากการตรวจสอบศักยภาพของห้องแล็บในประเทศไทย พบว่าสามารถตรวจสอบเชื้อตัวนี้ได้ ซึ่งดับบลิวเอชโอและซีดีซีจะให้ความช่วยเหลือในเรื่องรายละเอียดของสารพันธุกรรมของไวรัสในขั้นตอนตรวจสอบ
3.การดูแลรักษาจะใช้แนวทางเดียวกับช่วงที่เกิดการระบาดของโรคซาร์ส เพราะไม่มียารักษา ต้องดูแลแบบประคับประคอง โดยกรมการแพทย์จะจัดทำแนวทางการดูแลรักษา เน้นป้องกันโรคติดเชื้อในโรงพยาบาล
ติดตามอาการมุสลิมไทยไปฮัจญ์10วันหลังกลับบ้าน
4.การดูแลผู้เดินทาง จะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ ชาวตะวันออกกลางที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย มีประมาณ 10,000 คนต่อเดือน เฉพาะจากประเทศซาอุดิอาระเบียและกาตาร์ประมาณ 6,000 คนต่อเดือน จะจัดทำเอกสารให้คำแนะนำโรคเป็น 3 ภาษา ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาอารบิก แจกที่บริเวณช่องทางขาเข้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รวมถึงประสานไปยังโรงพยาบาลเอกชนในเมืองท่องเที่ยว เช่น กรุงเทพฯและภูเก็ตให้เฝ้าระวังอย่างเข้มข้นด้วย แต่ไม่มีความจำเป็นต้องติดตั้งเครื่องตรวจจับความร้อนที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพราะไม่มีประโยชน์
กับอีกกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มชาวไทยมุสลิมที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งปีนี้มีผู้เดินทางไปประมาณ 15,000 คน จะประสานให้คณะแพทย์ที่เดินทางไปด้วยช่วยดูแลรักษาเบื้องต้น และเมื่อเดินทางกลับประเทศไทยจะต้องติดตามการเจ็บป่วยเป็นเวลา 10 วัน
5.การสื่อสารความเสี่ยง คณะทำงานวิชาการมีข้อสรุปให้ใช้ชื่อโรคนี้ว่า "โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2012" เพื่อให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน ไม่สร้างความสับสนให้กับประชาชน
และ 6.การกำหนดยุทธศาสตร์ กำหนดสถานการณ์เพื่อเตรียมความพร้อมเป็น 4 ระดับ ได้แก่ 1) ไม่มีผู้ป่วย ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยจัดอยู่ในสถานการณ์ระดับนี้ 2) พบผู้ป่วยควบคุมไม่ให้เกิดการระบาดเป็นวงกว้าง 3) มีการระบาดเป็นวงกว้างแต่การเจ็บป่วยไม่รุนแรง และ 4) โรคทวีความรุนแรงขึ้น
ประกาศเตือนผู้แสวงบุญระวังโรคระบาด
ที่ศูนย์อำนวยความสะดวกผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ อาคารอเนกประสงค์ ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ จ.สงขลา นางสุกุมล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้กล่าวตอนหนึ่งในพิธีส่งผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์จากจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปี 2555 ว่า ได้ประสานไปยังกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ให้จัดคณะแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจำนวน 42 คนไปประจำที่สำนักงานคณะผู้แทนฮัจญ์ไทย เพื่อดูแลผู้แสวงบุญชาวไทย และเตรียมพร้อมร่างกาย เนื่องจากขณะนี้อุณหภูมิที่ประเทศซาอุดีอาระเบียสูงมาก เสี่ยงต่อการเกิดโรคไวรัสโคโรน่าที่ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ รวมถึงโรคอุจจาระร่วงด้วย
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : ผู้แสวงบุญฮัจญ์จากจังหวัดชายแดนภาคใต้รอการเดินทางที่ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ (ภาพโดย สุเมธ ปานเพชร)
ขอบคุณ : โต๊ะข่าวสังคม การศึกษา สิ่งแวดล้อม หนังสือพิมพ์คมชัดลึก เอื้อเฟื้อข่าวจากกรมควบคุมโรค