รัฐเมินข้อเสนอฝ่ายค้านยุบ "ศปก.จชต." – สภานำร่องแก้มาตรา 21
วงหารือร่วม "ฝ่ายค้าน-รัฐบาล" หน้าฉากชื่นมื่น หลังฉากนายกฯ เมินรับข้อเสนอยุบ ศปก.จชต. แต่ทุกฝ่ายหนุนเดินหน้าใช้กระบวนการตามมาตรา 21 พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ อ้าแขนรับผู้เห็นต่างจากรัฐ กมธ.ความมั่นคงนำร่องแก้กฎหมายให้กระชับ-ลดขั้นตอนทางศาล ใต้ยังระอุดักบึ้มทั้งที่ "ยะลา-นราธิวาส" โชคดีกู้ทัน-รอดหวุดหวิด ยิงลูกจ้าง 4,500 ดับ
การหารือร่วมกันระหว่างรัฐบาลกับ ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์เพื่อรับฟังและแลกเปลี่ยนแนวคิดแนวทางในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ผ่านไปแล้วด้วยบรรยากาศแห่งมิตรไมตรี แม้ผลของการหารือยังคงเป็นคำถามว่าแต่ละฝ่ายยอมรับฟังกันจริงหรือไม่ และจะปรับแนวคิดแนวทางให้เห็นผลเป็นรูปธรรมอย่างไร
การหารือมีขึ้นเมื่อเวลา 14.00 น.วันอังคารที่ 18 ก.ย.2555 ที่ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล โดยผู้เข้าร่วมประชุมฝั่งรัฐบาลและข้าราชการประจำ ประกอบด้วย นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ว่าที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ว่าที่ ผบ.ตร.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงศ์เจริญ รองผบ.ตร. พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และ พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4
ส่วนฝั่งพรรคประชาธิปัตย์ นำทีมโดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นายถาวร เสนเนียม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้รับการวางตัวให้เป็น "รัฐมนตรีดับไฟใต้" สมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล นอกจากนั้นยังมี ส.ส.ในพื้นที่ชายแดนใต้บางส่วนด้วย
รัฐบาล : ชื่นมื่น
ภายหลังการประชุมซึ่งใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง ท่าทีของฝ่ายรัฐบาลพยายามชี้ว่า บรรยากาศการหารือเป็นบวก
นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า โดยรวมทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลเห็นเหมือนกัน เป็นการทำความเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย บางอย่างก็เป็นข้อห่วงใยที่ทางฝ่ายค้านกังวล แต่ก็เป็นขั้นตอนที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ ก็ได้ชี้แจงในขั้นตอนรายละเอียดที่ทำงาน ส่วน ส.ส.ประชาธิปัตย์ได้สะท้อนความต้องการในพื้นที่เรื่องงานพัฒนา ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็รับเรื่องไป
"เรื่องแนวทางจริงๆ แล้วไม่ได้แตกต่าง เพียงแต่อาจจะเป็นเรื่องการสื่อสาร เช่น อยากเห็นความสงบ วิธีการดูแลประชาชน การพัฒนา ซึ่งศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นหน่วยงานหลักในการพัฒนาอยู่แล้ว ส่วนเรื่องความมั่นคงก็อยากให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมดูแลกันเอง เราก็มีแนวคิดเหมือนๆ กัน แต่ขั้นตอนในรายละเอียดบางอย่างก็อยู่ในขั้นตอนการดำเนินงาน ฝ่ายรัฐบาลก็ได้ชี้แจงว่าขณะนี้เรากำลังทำงานกันอยู่ ถือว่าเป็นการพูดคุยในบรรยากาศที่ดี"
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า หลังจากนี้จะมีการเชิญ ส.ส.ภาคใต้จากทุกพรรคไปพูดคุยกันที่ชั้น 20 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จะได้วีดีโอคอนเฟอเรนซ์ (ระบบประชุมทางไกล) คุยกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ด้วย แต่จะเชิญอย่างไม่เป็นทางการ หากส.ส.ภาคใต้จากทุกพรรค และนายอภิสิทธิ์อยากแลกเปลี่ยนข้อมูล ก็ยินดีรับฟังเพื่อที่จะได้คุยกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่โดยตรงว่าประชาชนต้องการอะไร ทุกฝ่ายยินดีร่วมมือ และเจ้าหน้าที่จะได้รับรู้
ฝ่ายค้าน : ท้วงติง
ด้าน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่ได้นำเสนอไปก็มีจุดที่เห็นตรงและไม่ตรงกัน แต่สิ่งที่ทำความเข้าใจกับรัฐบาลคือต้องคลายปัญหาของนโยบายกำปั้นเหล็ก (ใช้ความรุนแรง) ซึ่งทำให้เกิดความโกรธแค้น เพราะการแก้ปัญหาต้องมีความต่อเนื่องด้านการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลประกาศต่อรัฐสภาเป็นเรื่องที่ฝ่ายค้านสนับสนุนอยู่แล้ว แต่การจะทำให้เป็นจริงได้ต้องมีหลายปัจจัยประกอบกัน เช่น การบูรณาการด้านการทหารต้องมีเงื่อนไขอะไรบ้าง การเลือกใช้บุคลากรที่ทำให้เกิดความไว้วางใจต้องเป็นลักษณะไหน
"เราได้มีการท้วงติงไปหลายเรื่อง ซึ่งที่ผ่านมาสิ่งที่รัฐบาลแสดงออกน่าจะเป็นการสร้างปัญหามากกว่า รวมไปถึงกระบวนการความจริงจังที่ทำให้เกิดการพูดคุย ซึ่งตรงนี้เราก็บอกว่าหากมีการจะปรับปรุงกฎหมายเราก็ยินดีสนับสนุน แต่ขณะนี้ต้องดำเนินการตามโครงสร้างกฎหมายให้มากที่สุด"
"นอกจากนั้นเราได้ท้วงติงในเรื่องการจัดตั้ง ศปก.จชต. (ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้) ซึ่งเป็นมุมมองที่ต่างกัน รัฐบาลมองเป็นกลไกหนึ่งในการขับเคลื่อน แต่เราคิดว่าเป็นการไปลดทอนกลไกที่ประชาชนมีส่วนร่วมตามกฎหมาย (หมายถึงพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 หรือ พ.ร.บ.ศอ.บต.)"
"ผมเข้าใจดีว่าการตั้ง ศปก.จชต.ขึ้นมาไม่ได้ไปกระทบต่อโครงสร้างของกฎหมาย แต่เป็นการลดทอนการทำงาน เพราะมีหลายช่องทางที่ทำให้เข้าถึงฝ่ายนโยบายอันจะทำให้เกิดความยุ่งยากในการประสานงาน นอกจากนี้ยังมีประเด็นอื่น เช่น การเมืองนำการทหาร ที่ให้ภาคการเมืองมีทิศทางที่ชัดเจน กรณีกฎหมายพิเศษที่มีการใช้บุคลากรในพื้นที่ ซึ่งเรื่องที่เราได้เสนอไป ต้องถามกลับไปยังรัฐบาลว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ" นายอภิสิทธิ์ ระบุ
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า ได้เสนอให้นายกรัฐมนตรีรับผิดชอบปัญหาด้วยตัวเอง ซึ่งนายกฯก็บอกว่าคนที่รับผิดชอบคือ พล.อ.ยุทธศักดิ์ แต่เขาได้บอกไปว่าบางเรื่องที่มีการแสดงทัศนะไปก็มีความแตกต่างกันเองในส่วนของรัฐบาล เช่น การเสนอให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงได้เสนอไปว่าเรื่องประเภทนี้อยากให้ฝ่ายนโยบายระมัดระวังการให้สัมภาษณ์ เพราะอาจเป็นการสร้างปัญหามากกว่าแก้ปัญหา ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม ที่เสนอเรื่องนี้ก็บอกว่าเป็นความเห็นส่วนตัว ไม่ใช่นโยบายของพรรคเพื่อไทยหรือรัฐบาล
นายถาวร กล่าวเรื่องเดียวกันว่า ได้เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยขอให้มีเจ้าภาพหลักในการสั่งการและดำเนินนโยบายเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนซ้ำซ้อน เพื่อความเป็นเอกภาพของการแก้ไขปัญหาทั้งหมด ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้รับฟังข้อเสนอเเนะและสั่งการให้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ เป็นประธานในการดูเเลรับผิดชอบ และให้ พล.อ.อ.สุกำพล กับ ร.ต.อ.เฉลิม เป็นรองประธาน
นอกจากนั้นยังได้เสนอนายกฯว่า รัฐบาลอย่าใช้นโยบายกำปั้นเหล็กเหมือนสมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีใช้ในปี 2544 ซึ่งทำให้เกิดความรุนแรงลุกลามขึ้น โดยขอให้ใช้การเมืองนำการททหาร และอย่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณ แทรกแซงกระบวนการแก้ไขปัญหาอย่างที่ผ่านมา ที่สำคัญได้เสนอให้รัฐบาลใช้ มาตรา 21 ของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 แทนการใช้กฎอัยการศึก และพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) เพื่อลดความขัดแย้งในพื้นที่ รวมถึงการพัฒนาพื้นที่ สร้างงาน สร้างโอกาส สร้างรายได้ให้กับคน รวมถึงการศึกษา
สำหรับงานด้านความมั่นคงก็ขอให้ใช้กำลังทหารจากกองทัพภาคที่ 4 แทนกองทัพภาคที่ 1-3 และส่งเสริมสนับสนุนให้คนในพื้นที่เป็นกองกำลังประจำถิ่น เพราะรู้วัฒนธรรม เเละอัตลักษณ์ด้านศาสนาเป็นอย่างดี
"ท่าทีของนายกฯที่รับฟังนั้นถือว่าไม่ได้ปฏิเสธ แต่ก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์อย่างไรโดยไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เราขอยืนยันว่าข้อมูลทุกอย่างเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาล โดยเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาที่แท้จริง ส่วนรัฐบาลจะทำตามหรือไม่ก็สุดแล้วแต่รัฐบาล" นายถาวร ระบุ
หลังฉาก : เมินยุบ ศปก.จชต.
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ข้อเสนอสำคัญที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เสนอต่อนายกรัฐมนตรี คือให้ยุบ ศปก.จชต.ที่รัฐบาลเพิ่งแถลงจัดตั้งเมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา และขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำโครงสร้าง เพื่อให้เป็นหน่วยงานกลางบูรณาการข้อมูลและทิศทางการแก้ไขปัญหา โดยได้วางตัว พล.อ.ยุทธศักดิ์ เป็นผู้อำนวยการ
ทั้งนี้ ส.ส.ประชาธิปัตย์ให้เหตุผลว่า ศปก.จชต.ทำให้การทำงานซ้ำซ้อน เพราะหน่วยงานเดิม คือ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ก็มีอยู่แล้ว แต่รัฐบาลกลับตั้งหน่วยงานใหม่เพิ่ม ทำให้ประสิทธิภาพของหน่วยงานเดิมที่มีอยู่ลดลง
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีไม่ตอบรับข้อเสนอนี้ ทำให้ ส.ส.ฝ่ายค้านบอกว่าจะติดตามว่าเมื่อตั้งองค์กรขึ้นมาแล้วจะทำให้การแก้ไขปัญหาดีขึ้นหรือแย่ลง
นอกจากนั้น ส.ส.ประชาธิปัตย์ยังขอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ หยุดการแทรกแซงการแก้ปัญหา โดยเฉพาะการเปิดเวทีพูดคุย เช่น ที่ผ่านมาเคยเป็นข่าวเดินทางไปประเทศมาเลเซีย และพยายามเจรจากับกลุ่มแกนนำขบวนการแบ่งแยกดินแดน แต่แล้วกลับทำให้เกิดคาร์บอมบ์ที่ อ.เมือง จ.ยะลา และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา (เมื่อวันที่ 31 มี.ค.2555) ซึ่งเป็นการโต้กลับของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ประเด็นนี้ที่ประชุมฝ่ายรัฐบาลก็รับฟังเฉยๆ ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ
กระนั้นก็ตาม มีประเด็นที่รัฐบาลรับไปปฏิบัติแน่นอน คือ เดินหน้าใช้มาตรา 21 พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ในการเปิดทางให้กลุ่มผู้ที่เห็นต่างจากรัฐวางอาวุธและเข้าสู่กระบวนการเพื่อกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติสุข
สภานำร่องแก้มาตรา 21
กระแสเรียกร้องให้ใช้กระบวนการตามมาตรา 21 พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เพื่อรองรับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐในการเข้าร่วมพัฒนาชาติไทย ยุติการก่อความรุนแรง โดยเปลี่ยนความคิดความเชื่อผ่านการอบรมเป็นเวลาไม่เกิน 6 เดือน และจะไม่ถูกดำเนินคดีในความผิดที่เคยกระทำ อันเป็นกระแสที่เกิดขึ้นหลังจากผู้เห็นต่างจากรัฐ 93 คนออกมาแสดงตัวต่อแม่ทัพภาคที่ 4 เมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมาที่ จ.นราธิวาสนั้น ล่าสุดทำให้กรรมาธิการสามัญของสภาผู้แทนราษฎรเดินหน้าพิจารณาข้อกฎหมายในเรื่องนี้ เพื่อลดอุปสรรคในการใช้มาตรา 21 แล้ว
นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวเมื่อวันพุธที่ 19 ก.ย.2555 ว่า ที่ประชุม กมธ.ได้เชิญตัวแทนจากกองทัพภาคที่ 4 ศอ.บต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมหารือเกี่ยวกับการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เบื้องต้นมีข้อเสนอที่เห็นตรงกันทั้งในส่วนของหน่วยงานความมั่นคง รวมทั้งกรรมาธิการฯจากทั้งพรรครัฐบาลและฝ่ายค้านว่า ควรมีการตั้งอนุกรรมาธิการฯ เพื่อศึกษารายละเอียดของกฎหมายที่บังคับใช้ในพื้นที่ เนื่องจากขณะนี้พบว่ามีการนำกฎหมายหลายฉบับมาบังคับใช้ในพื้นที่เดียว เช่น พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ กฎอัยการศึก และ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เป็นต้น ทำให้การแก้ไขปัญหาไม่มีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีการหารือกันเกี่ยวกับการแก้ไขมาตรา 21 พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ด้วย โดยอยากให้ลดขั้นตอนของศาลที่ต้องพิจารณาว่าบุคคลที่ต้องหาว่าได้กระทำความผิดและกระทบต่อความมั่นคงซึ่งได้กลับใจเข้ามอบตัวต่อเจ้าพนักงาน สมควรที่จะเข้ารับการอบรมหรือไม่
"ทั้งการแก้ไขมาตรา 21 พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ และการพิจารณาการบังคับใช้กฎหมายหลายฉบับซ้ำซ้อนกันในพื้นที่ เป็นประเด็นที่กรรมาธิการฯทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลเห็นตรงกัน และพร้อมสนับสนุน" นายสามารถ ระบุ
ด้าน นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธาน กมธ.ความมั่นคง กล่าวว่า ที่ประชุมมีความเห็นไปในแนวทางเดียวกันว่า ควรมีการแก้ไขมาตรา 21 พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เพื่อรองรับนโยบายการเปิดพื้นที่พูดคุยให้เป็นรูปธรรมและเกิดขึ้นได้จริง รวมถึงเป็นการรับรองการเจรจาเพื่อสันติภาพ
สำหรับประเด็นที่เห็นว่าควรแก้ไขคือ การไม่ดำเนินคดีทางอาญากับผู้ที่ก่อความไม่สงบซึ่งได้กลับใจและขอเข้ามอบตัว รวมถึงการแก้ไขเพื่อลดขั้นตอนการพิจารณาในชั้นศาลเพื่อให้วินิจฉัยบุคคลที่กลับใจเข้ามอบตัวกับเจ้าพนักงานสมควรเข้าสู่การอบรมเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือนหรือไม่ ซึ่งแนวทางการแก้ไขจะพิจารณากันต่อไปในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ รายละเอียดของมาตรา 21 ทั้งเนื้อหาในกฎหมาย แนวปฏิบัติ และโครงการที่ กอ.รมน.ดำเนินการอยู่ ติดตามได้ในสกู๊ปของศูนย์ข่าวภาคใต้ สำนักข่าวอิศรา เรื่อง แง้มหลักสูตรอบรม "มาตรา 21" เปิดประตูรับกลุ่มป่วนใต้กลับใจ? http://www.isranews.org/south-news/scoop/38-2009-11-15-11-15-01/16365--q-21q-.html
ดักบึ้ม "ยะลา-นราฯ" โชคดีกู้ได้-ไร้เจ็บ
ด้านสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นบ้างประปราย โดยเมื่อเวลา 06.15 น.วันพุธที่ 19 ก.ย.2555 ขณะที่ชุดปฏิบัติการกองร้อยทหารพรานที่ 3308 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 33 จัดกำลังจำนวน 8 นายตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อจำกัดเสรีการปฏิบัติของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่บริเวณสี่แยกตือเบาะ บ้านตือเบาะ หมู่ 10 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา อยู่นั้น ปรากฏว่าได้ตรวจพบวัตถุต้องสงสัยซุกอยู่ในถังขยะบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 139/25 จึงได้ประสานชุดเก็บกู้ทำลายวัตถุระเบิดจากกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา (บก.ภ.จว.ยะลสา) เข้าทำการตรวจสอบ พบเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่อง น้ำหนักประมาณ 5-8 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร และมีน้ำมันเชื้อเพลิงใส่ขวดเอาไว้เป็นตัวขยาย จึงเก็บกู้เอาไว้ได้อย่างปลอดภัย
ก่อนหน้านั้นเมื่อวันอังคารที่ 18 ก.ย.หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 ได้สนธิกำลังกับตำรวจและฝ่ายปกครองเข้าตรวจสอบพื้นที่ต้องสงสัย บริเวณบ้านยาแลเบาะ หมู่ 5 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และพบวัตถุต้องสงสัยลักษณะเป็นกล่องเหล็ก มีผ้าขาวปิดเอาไว้ แต่มีสายไฟฟ้าแบบอ่อนสีเขียวโผล่ออกมา วางซุกอยู่ในกองเศษไม้วัสดุก่อสร้างริมทางหลวงหมายเลข 4066 จึงได้ปิดกั้นพื้นที่และประสานชุดเก็บกู้ทำลายล้างวัตถุระเบิด หน่วยเฉพาะกิจอโณทัย เข้าตรวจสอบ แต่ระหว่างนั้นได้เกิดระเบิดขึ้นเสียก่อน เคราะห์ดีที่ไม่มีใครได้รับอันตราย ตรวจสอบเบื้องต้นพบเป็นระเบิดแสวงเครื่อง บรรจุในกล่องเหล็ก จุดชนวนระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือ
วันพุธที่ 19 ก.ย.เวลาประมาณ 17.30 น.ยังเกิดเหตุคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิง นายมะอูเซ็ง บือราเฮง อายุ 44 ปี ลูกจ้างในโครงการจ้างงานเร่งด่วน (ลูกจ้าง 4,500) อยู่บ้านเลขที่ 124 บ้านน้ำบ่อ หมู่ 2 ต.น้ำบ่อ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เสียชีวิตคาที่ขณะขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนถนนสายชนบท บ้านเตราะหัก หมู่ 4 ต.น้ำบ่อ อ.ปะนาเระ ส่วนเพื่อนที่นั่งซ้อนท้ายมาด้วยปลอดภัย เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : บรรยากาศก่อนเริ่มประชุมร่วมกันระหว่าง ส.ส.ฝ่ายค้านกับรัฐบาล เป็นไปอย่างชื่นมื่น
ขอบคุณ : ภาพประกอบจากศูนย์ภาพเนชั่น (ถ่ายโดย วรวิทย์ พุ่มพวง) และเนื้อหาข่าวในส่วนกลางจากสำนักข่าวเนชั่น