ยิงสามีภรรยาหลังกรีดยางที่รามัน ทหารแย้ม 50 แนวร่วมยะลาจ่อแสดงตัวเพิ่ม
ใต้ยังป่วนรายวัน จ่อยิงสามีภรรยาที่รามันดับหลังกลับจากกรีดยาง เผยฝ่ายชายเป็น "คอเต็บ" ประจำมัสยิดในหมู่บ้าน ด้านการแสดงตัวของ "กลุ่มผู้เห็นต่าง" เริ่มฮิต ฝ่ายปกครองแย้มมีแน่ก่อนสิ้นเดือน ส่วนทหารบอกทีมป่วนยะลาอีกครึ่งร้อย ทั้ง "บันนังสตา-ธารโต" จ่อวางปืนพบแม่ทัพอีก
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นประปรายแทบทุกวัน โดยล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ 17 ก.ย.2555 เวลา 08.45 น.ขณะที่ พ.ต.ต.ประเทือง สุวรรณชาตรี สารวัตรปราบปราม (สวป.) สภ.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา กำลังปฏิบัติหน้าที่ออกสืบสวนหาข่าวอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ ได้รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิต ที่บ้านกูแบโกร๊ะ หมู่ 6 ต.จะกว๊ะ จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ภูชัยวัฒน์ นทีรัตน์ สารวัตรใหญ่ สภ.จะกว๊ะ พ.ท.ชนาธิป ทองเชี่ยว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา 12 และ นายอวยชัย จุฬาศิริวงศ์ ปลัดป้องกัน อ.รามัน
ในที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ สีชมพูสลับขาว หมายเลขทะเบียน ขขก 490 ยะลา ล้มคว่ำอยู่ริมถนน มีคราบเลือดกระจายไปทั่ว โดยผู้ที่ถูกยิงทราบชื่อคือ นายสาการียา สาโต อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49/1 หมู่ 3 ต.จะกว๊ะ กับ นางซีแม๊ะ สาโต อยู่ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่เดียวกัน โดยทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ชาวบ้านในละแวกที่เกิดเหตุช่วยกันนำส่งโรงพยาบาล แต่ทั้งคู่ทนพิษบาดแผลไม่ไหว สิ้นใจระหว่างทาง
สอบสวนทราบว่า นายสาการียา เป็นคอเต็บประจำมัสยิดในหมู่บ้าน ส่วน นางซีแม๊ะ เป็นภรรยา ทั้งสองเป็นชาวสวนยางพารา ก่อนเกิดเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากสวนยางเพื่อกลับบ้าน แต่ถูกคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ แล้วใช้อาวุธปืนลูกซองยิงใส่ เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปว่าเป็นการล้างแค้นส่วนตัวหรือสร้างสถานการณ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 01.20 น.วันเดียวกัน คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง นายมะซู ยะกี อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 71 บ้านปูโง๊ะ หมู่ 1 ต.กาลิซา อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ได้รับบาดเจ็บสาหัส และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลระแงะ เหตุเกิดขณะนายมะซูกำลังเดินไปดูการถ่ายทอดสดฟุตบอลที่ร้านค้าในหมู่บ้าน เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหารเช่นกัน
ฝ่ายปกครองแย้ม "แนวร่วม" แสดงตัวเพิ่ม
ด้านความเคลื่อนไหวของฝ่ายการเมืองในส่วนกลาง ยังคงให้ความสำคัญกับการหาช่องทางช่วยเหลือเรื่องหมายจับและคดีความของกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ ซึ่งอ้างว่าเป็นสมาชิกขบวนการแบ่งแยกดินแดนจำนวน 93 คนที่ได้เข้าแสดงตัวต่อแม่ทัพภาคที่ 4 เมื่อวันอังคารที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ขณะนี้กำลังหารือกันอยู่ เพราะยังมีอีกบางส่วนที่ไม่กล้าออกมาแสดงตัว โดยเป็นบุคคลที่ยังมีหมายจับ ป.วิอาญา (ออกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา) ซึ่งจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนเป็นรายๆ ไป และต้องยอมรับโทษในเรื่องที่ได้กระทำผิดไปแล้วด้วย
"ในจำนวน 93 คนที่ออกมาแสดงตัว มีเพียง 3 คนเท่านั้นที่ติดหมาย ป.วิอาญา นอกนั้นเป็นหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ (ออกตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548) ขณะเดียวกันผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่แจ้งกับผมว่าไม่เกินสิ้นเดือน ก.ย.อาจจะมีอีกกลุ่มหนึ่งขอเข้ามอบตัวโดยไม่ผ่านขั้นตอนของทหาร แต่อาจจะผ่านมาทางจังหวัด ซึ่งหากเสร็จเรียบร้อยก็ต้องนำมารวมกับผู้ที่แสดงตัวก่อนหน้านี้" รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
ทหารเดินหน้าพา "ทีมป่วนยะลา" เปิดตัวอีกครึ่งร้อย
ด้านแหล่งข่าวทางทหาร เปิดเผยว่า หากที่ประชุมระหว่างรัฐบาลกับ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ 18 ก.ย.2555 ดำเนินไปด้วยดี และทุกฝ่ายเห็นตรงกันที่จะเดินหน้าการสร้างกระบวนการให้กลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ หรือแนวร่วมก่อความไม่สงบที่กลับใจยุติการใช้ความรุนแรงได้มีช่องทางในการกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติสุข โดยเฉพาะกระบวนการตามมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 (พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ) ก็คาดว่าจะมีกลุ่มแนวร่วมกลับใจเข้าแสดงตัวต่อแม่ทัพภาคที่ 4 อีกเป็นจำนวนมาก
"เร็วๆ นี้จะมีสมาชิกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงใน จ.ยะลา เตรียมจะเข้าแสดงตัวอีก 50 คน โดยกลุ่มนี้เป็นสมาชิกระดับปฏิบัติการที่มีความสำคัญมากกว่ากลุ่มแรกที่เข้าแสดงตัวกับแม่ทัพเมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมาเสียอีก โดยจะมีทั้งสมาชิกขบวนการที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ อ.บันนังสตา และ อ.ธารโต ซึ่งมีหมายจับในคดีความมั่นคงหลายหมายรวมอยู่ด้วย" แหล่งข่าว ระบุ
ผบ.ทบ.ปรามอย่าด่วนสรุปไฟใต้ดีขึ้นหรือล้มเหลว
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปบอกว่าสถานการณ์ภาคใต้ดีขึ้นเพราะการมอบตัว (การแสดงตัวของกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ) เพราะยังไม่ใช่ เพียงแต่คิดว่าเป็นนิมิตหมายอันดีที่กลุ่มคนเหล่านี้ออกมาหารัฐ ซึ่งย่อมดีกว่าการไม่ยอมออกมา
ส่วนกระบวนการตามมาตรา 21 พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ นั้น มีคณะทำงาน 2 คณะเพื่อกลั่นกรองบุคคลที่ออกมาแสดงตัวหรือกลับใจว่าจะเข้ากระบวนการได้หรือไม่ ถ้าไม่เข้าก็นำตัวไปดำเนินคดีตามปกติ อย่างไรก็ดี กระบวนการตามมาตรา 21 ยังมีปัญหาเรื่องความล่าช้า แต่มันต้องช้า เพราะเป็นเรื่อง ป.วิอาญา (เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน หลายฐานความผิดยอมความไม่ได้) ซึ่งต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ขณะนี้รัฐบาลสั่งการให้กระทรวงยุติธรรมไปพิจารณาว่าในเรื่องคดีอาญาจะทำอย่างไร จะลดโทษได้ตรงไหน
"อยากขอให้สื่อช่วยกัน บางทีอาจไม่เจตนา แต่ถ้าเขียนแล้วทำให้เกิดการกระทบกระทั่งก็ต้องระวัง อย่างวันก่อนบอกมอบตัว เจรจาแล้วดีขึ้น พออีกวันมีทหารพรานถูกยิงกลับบอกว่าล้มเหลว ผมว่าคนละเรื่อง ถ้าตราบใดยังมีคนพวกนี้อยู่ (หมายถึงกลุ่มที่ใช้ความรุนแรง) ก็ต้องมีเหตุการณ์ เพราะไม่ได้มีพวกเดียว แต่มีหลายพวก ดังนั้นมันต้องมาทีละพวก ก็ดีกว่าไม่มีใครมา ไม่ใช่เกิดเหตุการณ์แล้วล้มเหลวหมด ถ้าทหารลงไปแล้วบอกว่าไม่มีประโยชน์ เราพร้อมจะกลับ วันนี้ต้องให้กำลังใจกัน" ผบ.ทบ.ระบุ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : รถจักรยานยนต์ของสองสามีภรรยาที่ล้มคว่ำอยู่ริมถนนหลังถูกคนร้ายประกบยิงที่ อ.รามัน จ.ยะลา (ภาพโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)
ขอบคุณ : ข่าวความเคลื่อนไหวในส่วนกลางโดยสำนักข่าวเนชั่น