นายกฯจ่อถกผู้นำมาเลย์ร่วมมือดับไฟใต้ - ปปง.ลุยสอบโรงเรียนหนุนก่อการร้าย
นายกฯเล็งใช้เวทีเอเปคถกผู้นำมาเลย์กระชับความร่วมมือดับไฟใต้ ขณะที่เลขาฯสมช.แย้มกำลังเร่งเจรจาแก้ปัญหาคนสองสัญชาติ เผยรัฐมนตรีกลาโหมมาเลเซียแถลงยืนยันไม่เกี่ยวธงชาติพรึ่บสามจังหวัดชายแดนเมื่อ 31 ส.ค. พร้อมชง ครม.ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อีก 3 เดือน นราฯป่วนอีกวางบึ้มสะพานรถไฟโชคดีกู้ทัน ส่วนที่ตากใบบึ้มสนั่นทหารชุดลาดตระเวนเจ็บระนาว ปปง.รุกอายัดทรัพย์โรงเรียนต้องสงสัยสนับสนุนก่อการร้าย ขณะที่ยะลาจัดแข่งนกกรงหัวจุกสุดคึก
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ 3 ก.ย.2555 ถึงสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีการนำธงชาติมาเลเซียมาติดทั่วพื้นที่เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา จนหลายฝ่ายเกรงจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศว่า ช่วงที่จะเดินทางไปร่วมประชุมเอเปค (ความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก) ระหว่างวันที่ 7-9 ก.ย. คงจะมีโอกาสได้พบกับผู้นำมาเลเซีย ซึ่งจะได้ใช้โอกาสนี้พูดคุยกันเพื่อรักษาความสัมพันธ์
"เหตุการณ์บางครั้งอาจจะเป็นลักษณะของการทำให้เรามีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กับมาเลเซีย แต่ยืนยันว่ารัฐบาลไทยได้สื่อสารกับทางมาเลเซียตลอด และดิฉันก็ยินดีที่จะเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านเข้ามาร่วมทำงานเพื่อแก้ปัญหาภาคใต้ด้วย ไม่มีการแบ่งขั้วการเมืองอย่างแน่นอน" นางสาวยิ่งลักษณ์ ระบุ
ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.จชต.) โดยภายหลังการประชุม พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เลขาธิการ สมช. กล่าวว่า รัฐมนตรีกลาโหมมาเลเซียได้แถลงการณ์แล้วว่าไม่ได้อยู่เบื้องหลังเรื่องธงชาติมาเลเซีย อีกทั้งไทยกับมาเลเซียได้ร่วมมือกันแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่างดี เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา นายกฯยิ่งลักษณ์ ก็ได้ไปเยือนมาเลเซีย ซึ่งผู้นำมาเลเซียก็ประกาศชัดเจนว่ายินดีสนับสนุนแนวทางการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยสันติวิธี
"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ตรงกับวันชาติมาเลเซีย เขามีการแจกธงเพื่อประดับตามบ้านเรือนอยู่แล้ว จึงเป็นการง่ายที่จะนำเข้ามา และการนำธงผ่านด่านก็ไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย ยืนยันว่าระดับปฏิบัติได้มีการประสานงานพูดคุยกันอยู่แล้ว ไม่มีปัญหา และได้ประสานงานกันเพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุด้วย" พล.ต.อ.วิเชียร ระบุ
แย้มเจรจา "คนสองสัญชาติ"
ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงหนีข้ามไปฝั่งมาเลย์ แล้วมักติดตามจับกุมไม่ได้ เสมือนหนึ่งทางการมาเลย์ให้ความช่วยเหลือนั้น เลขาฯสมช. กล่าวว่า ไม่ใช่ไม่ให้ความร่วมมือ แต่เพราะเศรษฐกิจฝึ่งมาเลย์ดีกว่าสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ คนจึงข้ามไปหางานทำ แล้วก็มีการสนับสนุนดูแลกัน อย่างไรก็ดี กำลังมีการพูดคุยกันเรื่องการยกเลิกการให้สัญชาติมาเลย์แก่คนไทยที่ถือสองสัญชาติ เพื่อป้องกันไม่ให้ข้ามไปข้ามมาได้
"ในทางปฏิบัติ เรื่องนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือหากมีสองสัญชาติ พี่น้องในสามจังหวัดชายแดน หรือพี่น้องมลายูก็สามารถข้ามไปประกอบอาชีพในมาเลเซียได้ง่ายขึ้น ส่วนข้อเสียถ้ามีสัญชาติไทยสัญชาติเดียวก็จะลำบาก" พล.ต.อ.วิเชียร ระบุ
ต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯชายแดนใต้อีก3เดือน
พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวอีกว่า ที่ประชุม ศปก.จชต.เห็นชอบให้เสนอเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 11 ก.ย.นี้ เพื่อขอขยายเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยกเว้น อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี ออกไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย.-19 ธ.ค.2555
ส่วนความเป็นไปได้ของการประกาศเคอร์ฟิว (มาตรการห้ามออกนอกเคหะสถานในเวลาที่กำหนด) นั้น พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า การประกาศเคอร์ฟิวมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ในพื้นที่ไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะจะเพิ่มความไม่สะดวกในการดำเนินชีวิต ดังนั้นในชั้นนี้จึงยังไม่ถึงกับต้องประกาศเคอร์ฟิว
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ เมื่อวันเสาร์ที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.วิเชียร ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตามบัญชาของนายกรัฐมนตรี ภายหลังเกิดเหตุก่อกวนด้วยการวางวัตถุต้องสงสัยและติดธงชาติมาเลเซียหลายร้อยจุดเมื่อวันที่ 31 ส.ค.ซึ่งตรงกับวันชาติมาเลย์ โดยในวันนั้น พล.ต.อ.วิเชียร ได้เน้นย้ำถึงสัมพันธภาพระหว่างไทยกับมาเลเซียว่าไม่มีปัญหา พร้อมหารือกับฝ่ายต่างๆ เพื่อร่วมกันสร้าง "เซฟตี้โซน" ให้เห็นผลเป็นรูปธรรมในพื้นที่
มีรายงานว่า ที่จุดตรวจร่วมไทย-มาเลเซีย หลักเขตแดนที่ 45 บ้านดีดะ ต.ถ้ำทะลุ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ได้มีการพบปะกันระหว่างทหารไทยกับทหารมาเลเซีย และได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมาด้วย โดยทางทหารมาเลย์ยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือสนับสนุนกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในประเทศไทย
วางบึ้มสะพานรถไฟกู้ได้หวุดหวิด
ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 10.00 น.วันจันทร์ที่ 3 ก.ย. พ.ต.อ.พีระพล ณ พัทลุง ผู้กำกับการ สภ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายวางวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดเอาไว้ 2 จุด คือบริเวณคอสะพานบ้านเจาะวา หมู่ 6 ต.สุไหงปาดี ห่างจากกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 447 (ตชด.447) เพียง 500 เมตร และบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 1125 ช่วงคอสะพานทางรถไฟบ้านโต๊ะเด็ง หมู่ 1 ต.โต๊ะเด็ง ห่างจากสถานีรถไฟโต๊ะเด็ง 300 เมตร หลังรับแจ้งจึงประสานชุดเก็บกู้ทำลายวัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบ พร้อมประสานไปยังหัวหน้าสถานีรถไฟบูกิต ให้ระงับการเดินรถไฟขบวนที่ 453 ยะลา-สุไหงโกลก เอาไว้ที่สถานีเจาะไอร้องก่อน
จากการตรวจสอบพบว่า วัตถุต้องสงสัยจุดแรกเป็นระเบิดปลอม ส่วนจุดที่ 2 เป็นระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในกระป๋องนม หนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม เป็นกับระเบิดแบบเหยียบ เจ้าหน้าที่จึงใช้ปืนแรงดันน้ำยิงทำลาย เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
บึ้มถังดับเพลิงตากใบทหารเจ็บ 5
ส่วนที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส คนร้ายไม่ทราบจำนวนจุดชนวนระเบิดดักสังหารทหารชุดปฏิบัติการป้องกันชายแดน ขณะลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยในท้องที่หมู่ 3 ต.นานาค แรงระเบิดทำให้ทหารได้รับบาดเจ็บ 5 นาย ประกอบด้วย จ.ส.ต.นิรันดร์ ใจแป้น อายุ 30 ปี หัวหน้าชุด ส.อ.ประจักษ์ ประพันธ์มิตร อายุ 26 ปี ส.อ.พีระพล จีนะ อายุ 27 ปี พลทหารพงศ์ศิริ จันทราย อายุ 22 ปี และ พลทหาร ดำรงฤทธิ์ เหมภูมิเขียว อายุ 22 ปี โดย พลทหารพงศ์ศิริอาการสาหัส
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานได้นำกำลังรุดไปตรวจจุดเกิดเหตุ และตรวจสอบจนทราบว่าระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นชนิดแสวงเครื่อง ประกอบใส่ในถังดับเพลิง ฝังไว้บริเวณคอสะพาน จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบเช่นกัน
ปปง.ลุยอายัดทรัพย์โรงเรียนหนุนก่อการร้าย
พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เปิดเผย "ทีมข่าวอิศรา" ว่า ปปง.กำลังดำเนินการเพื่ออายัดทรัพย์ของโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามบางแห่งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากมีหลักฐานเชื่อได้ว่าอาจร่วมกระทำความผิดฐานให้การสนับสนุนการก่อการร้าย
ทั้งนี้ คณะกรรมการธุรกรรมได้ประชุมพิจารณาเรื่องดังกล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา และคาดว่าจะมีการแถลงรายละเอียดในวันอังคารที่ 4 ก.ย. โดยก่อนหน้านี้ ปปง.ได้อายัดทรัพย์ร้านทองและร้านรับแลกเปลี่ยนเงินหลายแห่งที่อาจเกี่ยวข้องกับขบวนการก่อความไม่สงบไปแล้ว
เทศบาลยะลาจัดแข่งนกกรงหัวจุกสุดคึก
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 ก.ย.2555 ที่สนามฟุตบอลศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา ได้มีการเปิดงานมหกรรมการแข่งขันนกกรงหัวจุกอาเซียน ครั้งที่ 27 โดยมีนกกรงหัวจุกจากจากทั่วประเทศ และประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงค์โปร์ เข้าร่วมแข่งขันกว่า 3,000 นก
ทั้งนี้ นกกรงหัวจุกมีถิ่นอาศัยอยู่ในแถบประเทศที่มีอากาศร้อนชื้น ขยายพันธุ์อยู่ทางตอนใต้ของทวีปเอเชีย พบได้ตั้งแต่ประเทศอินเดีย บังกลาเทศ พม่า อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย นกชนิดนี้เป็นนกที่มีสีสันสวยงามและเสียงไพเราะ แก้มและคอจนถึงหน้าอกมีสีขาว โดยมีสีแดงเป็นเส้นตั้งแต่ข้างหูลงมาถึงหน้าอก เหมือนเป็นเส้นแบ่งขนสีขาวกับสีดำที่มีอยู่ทั่วทั้งตัว ขนส่วนหัวจะรวมกันเป็นเหมือนหน่อเหมือนหัวโขน ใต้ท้องมีขนสีขาว ได้รับความนิยมเลี้ยงจากผู้ที่ชื่นชอบนกและเสียงร้องของมัน กระทั่งมีการจัดการแข่งขันความสามารถต่างๆ ของนก
สำหรับการแข่งขันครั้งนี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ประเภทจ้าวเสียงทอง ค่าสมัคร เสารอกละ 1,000 บาท และประเภท 4 ยก 2 ดอก ค่าสมัคร เสารอกละ 200 บาท โดยมีการชิงรางวัลตู้เย็น พร้อมถ้วยเกียรติยศ และรางวัลอื่นๆ อีกกว่า 180 รางวัล รวมทั้งมีการจับสลากรางวัลสมนาคุณเป็นเงินสด 50,000 บาท 1 รางวัล รถจักรยานยนต์ป้ายแดง 2 รางวัล เงินสดรางวัลละ 15,000 บาท 2 รางวัล เงินสด 10,000 บาทอีก 5 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 200,000 บาท
นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครยะลา กล่าวว่า ผู้ที่เดินทางมาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเห็นมีนกกรงหัวจุกแขวนตามบ้านเรือนประชาชนแทบทุกบ้าน บ้างก็หิ้วขึ้นมอเตอร์ไซค์หรือรถยนต์ไปด้วย บางคนก็หิ้วไปร้านกาแฟ หรือหิ้วไปที่ทำงาน รวมทั้งจะมีสนามแข่งขันนกกรงหัวจุกที่มีเสารอกแขวนคล้ายกับราวตากผ้าเพื่อจัดการแข่งขันทั้งระดับเล็กและระดับใหญ่กระจายอยู่ทั่วไป ถือเป็นวิถีชีวิตอย่างหนึ่งของคนที่นี่ ทางเทศบาลจึงจัดการแข่งขันขึ้นเพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีในพื้นที่ และส่งเสริมวิถีชีวิตท้องถิ่นให้ยั่งยืนสืบไป
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : 1-2 การแข่งขันนกกรงหัวจุกที่สนามฟุตบอลศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลา (ภาพโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)
ขอบคุณ : สำนักข่าวเนชั่น เอื้อเฟื้อข่าวความเคลื่อนไหวของรัฐบาลในส่วนกลาง
* หมายเหตุ : ไพศาล เสาเกลียว เป็นผู้สื่อข่าวสายความมั่นคง หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ