ดีเดย์จ่ายเยียวยาล็อตแรก 430 ล้าน 17 สิงหาฯ อนุมัติเพิ่ม "ฆ่าพระ-ไอร์ปาแย"
ครม.อนุมัติเกณฑ์เยียวยาเหยื่อไฟใต้ใหม่ในกลุ่มประชาชนทั่วไป พระสงฆ์ และนักบวชทุกศาสนา "ตาย-ทุพพลภาพ" รายละ 5 แสน ศอ.บต.รับลูกดีเดย์จ่ายล็อตแรก 17 ส.ค.นี้ทันที มีผู้ที่อยู่ในข่ายรับเงิน 6,868 ราย ติดต่อที่ว่าการอำเภอทุกแห่งได้เลย ส่วนกรณี "กรือเซะ-ตากใบ-สะบ้าย้อย-คนหาย" ได้เฮ ทยอยจ่าย 17 ส.ค.นี้เช่นกัน หลายเสียงยังห่วงความชัดเจนเรื่อง "ทายาท" หวั่นจ่ายแล้ววุ่นต่อ ขณะที่คณะกรรมการเยียวยาชุดใหญ่อนุมัติ "วัดพรหมประสิทธิ์-ไอร์ปาแย" ได้เยียวยารายละ 4 ล้าน อดีตรองผู้ว่าฯปัตตานีที่โดนกระสุนปริศนาเสียชีวิตได้ 7.5 ล้าน ด้านศูนย์ปฏิบัติการดับไฟใต้ยังไม่ทันเริ่มงาน นายกฯสั่งเปลี่ยนชื่อแล้ว
วันอังคารที่ 14 ส.ค.2555 มีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้หลายเรื่องด้วยกัน เริ่มจากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ให้ความเห็นชอบในหลักการปรับปรุงหลักเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่เสียชีวิตและทุพพลภาพจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เสนอ
ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ดังกล่าวเป็นหลักเกณฑ์ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการเยียวยาฯ และเคยนำเสนอรายละเอียดในเว็บไซต์ศูนย์ข่าวอิศรามาแล้ว กล่าวคือ กรณีประชาชนเสียชีวิต เดิมได้รับการช่วยเหลือ 100,000 บาท เพิ่มเป็น 500,000 บาท กรณีประชาชนทุพพลภาพ จากเดิมได้รับการช่วยเหลือ 80,000 บาท เพิ่มเป็น 500,000 บาท โดย ครม.ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค.2555 เป็นต้นไป และให้ย้อนหลังครอบคลุมถึงผู้เสียชีวิตและทุพพลภาพจากสถานการณ์ความไม่สงบตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2547 ด้วย และจะทยอยจ่ายเยียวยาตั้งแต่ปีงบประมาณนี้ (พ.ศ.2555) ถึงปีงบประมาณ พ.ศ.2558 เพื่อไม่ให้เป็นภาระงบประมาณมากเกินไป
การปรับหลักเกณฑ์ดังกล่าวทำให้มีผู้เข้าข่ายได้รับเงินเยียวยาเพิ่มเติมทั้งสิ้น 3,042 ราย แยกเป็นกรณีเสียชีวิต 2,739 ราย และทุพพลภาพ 303 ราย
ดีเดย์จ่ายชาวบ้านล็อตแรกศุกร์นี้ 430 ล้าน
ด้าน พล.ต.อ.ประชา ในฐานะประธานคณะกรรมการเยียวยาฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ครม.ได้มอบหมายให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ร่วมกับคณะอนุกรรมการเยียวยาฯ และผู้ว่าราชการจังหวัด 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มอบเงินช่วยเหลือเยียวยาให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบล็อตแรก 6,868 ราย จำนวนเงิน 430 ล้านบาทเศษ (430,210,000 บาท) โดยให้เริ่มจ่ายตั้งแต่วันศุกร์ที่ 17 ส.ค.นี้เป็นต้นไป ณ ที่ว่าการอำเภอทุกแห่งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจำนวน 6,868 รายนั้น เป็นไปตามฐานข้อมูลที่ ศอ.บต.และคณะอนุกรรมการเยียวยาฯจัดทำมาก่อนหน้านี้ เฉพาะกลุ่มที่เป็นประชาชนเหยื่อสถานการณ์ มีทั้งที่เสียชีวิต ทุพพลภาพ บาดเจ็บสาหัส บาดเจ็บปานกลาง และบาดเจ็บเล็กน้อย โดยจะจ่ายตามเกณฑ์ใหม่ที่ ครม.เพิ่งมีมติ แต่จะทยอยจ่ายปีแรก 1 แสนบาทก่อนสำหรับกรณีเสียชีวิตและทุพพลภาพ
สำหรับกรอบการจ่ายเยียวยาดังกล่าวนั้น แยกเป็นจังหวัดและกลุ่มผู้สูญเสียได้ดังนี้
จ.ยะลา เสียชีวิต 771 ราย งบ 77,100,000 บาท / ทุพพลภาพ 107 ราย งบ 12,840,000 บาท / บาดเจ็บสาหัส 291 ราย งบ 14,550,000 บาท / บาดเจ็บปานกลาง 366 ราย งบ 10,980,000 บาท / บาดเจ็บเล็กน้อย 575 ราย งบ 17,150,000 บาท / รวม 2,110 ราย งบ 132,720,000 บาท
จ.นราธิวาส เสียชีวิต 868 ราย งบ 86,800,000 บาท / ทุพพลภาพ 86 ราย งบ 10,320,000 บาท / บาดเจ็บสาหัส 405 ราย งบ 20,250,000 บาท / บาดเจ็บปานกลาง 557 ราย งบ 16,710,000 บาท / บาดเจ็บเล็กน้อย 604 ราย งบ 18,120,000 บาท / รวม 2,520 ราย งบ 152,200,000 บาท
จ.ปัตตานี เสียชีวิต 888 ราย งบ 88,800,000 บาท / ทุพพลภาพ 24 ราย งบ 2,880,000 บาท / บาดเจ็บสาหัส 419 ราย งบ 20,950,000 บาท / บาดเจ็บปานกลาง 267 ราย งบ 8,010,000 บาท / บาดเจ็บเล็กน้อย 333 ราย งบ 9,990,000 บาท / รวม 1,931 ราย งบ 130,630,000 บาท
จ.สงขลา เสียชีวิต 57 ราย งบ 5,700,000 บาท / ทุพพลภาพ 2 ราย งบ 240,000 บาท / บาดเจ็บสาหัส 64 ราย งบ 3,200,000 บาท / บาดเจ็บปานกลาง 89 ราย งบ 2,670,000 บาท / บาดเจ็บเล็กน้อย 95 ราย งบ 2,850,000 บาท / รวม 307 ราย งบ 14,660,000 บาท
รวมทุกจังหวัด เสียชีวิต 2,584 ราย งบ 258,400,000 บาท / ทุพพลภาพ 219 ราย งบ 26,280,000 บาท / บาดเจ็บสาหัส 1,179 ราย งบ 58,950,000 บาท บาดเจ็บปานกลาง 1,279 ราย งบ 38,370,000 บาท / บาดเจ็บเล็กน้อย 1,607 รายงบ 48,210,000 บาท
รวมทุกกลุ่ม 6,868 ราย งบประมาณ 430,210,000 บาท
"วัดพรหมประสิทธิ์-ไอร์ปาแย"ได้ 4 ล้าน
ส่วนการจ่ายเยียวยาให้ผู้ได้รับผลกระทบในกลุ่ม "เฉพาะกรณี" ที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือก่อความสูญเสียอย่างร้ายแรง ได้แก่ เหตุการณ์ตากใบ (25 ต.ค.2547) กรือเซะ, สะบ้าย้อย (28 เม.ย.2547) และบังคับบุคคลสูญหาย (ทนายสมชาย นีละไพจิตร) ซึ่งผ่านมติคณะกรรมการเยียวยาฯไปก่อนหน้านี้ รายละ 4-7.5 ล้านบาทนั้น จะเริ่มจ่ายวันที่ 17 ส.ค.นี้เช่นกัน โดยจะจ่ายให้ในปีแรกก่อน 3.5 ล้านบาท และปีต่อไปปีละ 1 ล้านบาทจนครบจำนวน
นอกจากนั้น ยังมีมติที่ประชุมคณะกรรมการเยียวยาฯ เมื่อวันอังคารที่ 14 ส.ค.2555 ซึ่งประชุมกันที่ทำเนียบรัฐบาล อนุมัติให้จ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบกรณีสังหารพระและเผากุฏิวัดพรหมประสิทธิ์ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 16 ต.ค.2548 ทำให้พระมรณภาพ 1 รูป เด็กวัดเสียชีวิต 2 ราย และเหตุการณ์กราดยิงในมัสยิดไอร์ปาแย ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2552 มีผู้เสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บอีก 12 ราย ทั้งสองกรณีนี้ทายาทผู้เสียชีวิตจะได้รับเงินเยียวยา 4 ล้านบาท
ขณะที่กรณี นายสุนทร ฤทธิภักดี อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ที่เสียชีวิตจากกระสุนปืนปริศนาขณะปฏิบัติราชการในท้องที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เมื่อ 23 พ.ย.2547 (เสียชีวิตเดือน ธ.ค.2547) ทายาทจะได้รับเงินเยียวยา 7.5 ล้านบาท เนื่องจากมีข้อมูลเชิงลึกยืนยันได้ว่าเสียชีวิตจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ
เปิดผลประชุมคณะกรรมการเยียวยาฯสรุป 4 ประเด็น
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. เปิดเผย "ทีมข่าวอิศรา" ว่า การประชุมคณะกรรมการเยียวยาฯ เมื่อวันอังคารที่ 14 ส.ค.2555 ที่ทำเนียบรัฐบาล มีวาระสำคัญคือติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานของอนุกรรมการชุดต่างๆ นอกจากนั้นยังได้มีมติใน 4 ประเด็น คือ
1.อนุมัติเงินช่วยเหลือเยียวยาทายาทผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์รุนแรงที่วัดพรหมประสิทธิ์ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เมื่อปี 2548 และเหตุรุนแรงในมัสยิดไอร์ปาแย ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อปี 2552 โดยทายาทผู้สูญเสียจะได้รับเงินเยียวยา 4 ล้านบาท
2.อนุมัติเงินช่วยเหลือเยียวยาทายาทของ นายสุนทร ฤทธิภักดี อดีตรองผู้ว่าฯปัตตานี จำนวน 7.5 ล้านบาท
3.ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบ กลุ่มที่เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย คือ ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ไม่ได้ลงนามรับรอง แต่ผ่านการตรวจสอบจาก ศอ.บต.และอนุกรรมการฯที่เกี่ยวข้องแล้ว ให้เริ่มจ่ายเงินเยียวยาได้ตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค.เป็นต้นไป
4.กรณีผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ "เฉพาะกรณี" ที่ได้อนุมัติหลักการไปแล้ว เช่น กรณี กรือเซะ ตากใบ สะบ้าย้อย บังคับบุคคลให้สูญหาย (อุ้มหาย อุ้มฆ่า) ให้อนุกรรมการฯ ที่รับผิดชอบเร่งตรวจสอบหลักฐานเพิ่มเติม โดยเฉพาะเรื่อง "ทายาท" ที่มีสิทธิได้รับเงินเยียวยา เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วให้ทยอยจ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค.เป็นต้นไป
สำหรับผลการประชุมคณะกรรมการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 7/2555 เมื่อวันอังคารที่ 14 ส.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล ทาง ศอ.บต.ได้สรุปเป็นเอกสารทางการ ดังนี้
1.คณะรัฐมนตรีได้มีมติในวันที่ 14 ส.ค.2555 เห็นชอบปรับปรุงหลักเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่เสียชีวิต ทุพพลภาพ บาดเจ็บ และครอบคลุมทั้งประชาชนทั่วไป รวมถึงพระสงฆ์ นักบวชในศาสนาอื่น นักท่องเที่ยวต่างชาติ จากเดิมรายละ 100,000 บาท ประชาชนที่ช่วยเหลือทางราชการ จากเดิมรายละ 200,000 บาท ให้เท่าเทียมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐย้อนหลังไปตั้งแต่เดือน ม.ค.2547 เป็น 500,000 บาท โดยจะทยอยจ่ายปีละ 100,000 บาท ให้เสร็จสิ้นภายในปีงบประมาณ 2558
2.กรณีผู้สูญเสียและผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 25 ต.ค.2547 ที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส, เหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 เม.ย.2547 ที่ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา และที่มัสยิดกรือเซะ อ.เมือง จ.ปัตตานี และกรณีละเมิดสิทธิมนุษยชนซึ่งเป็นการเยียวยากรณีที่เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งจะต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 ในอัตรามากกว่าการเยียวยากลุ่มอื่นๆ นั้น สรุปว่า
กรณีตากใบ, สะบ้าย้อย, สูญหายและละเมิดสิทธิมนุษยชน ช่วยเหลือเยียวยารายละ 7.5 ล้านบาท กรณีมัสยิดกรือเซะ รายละ 4 ล้านบาท ทั้งนี้ ประธานคณะกรรมการเยียวยาฯ ได้มอบหมายให้ ศอ.บต.ร่วมกับคณะอนุกรรมการฯ มอบเงินช่วยเหลือเยียวยาดังกล่าวในปีงบประมาณ 2555 รายละ 3.5 ล้านบาท และในปีถัดไป ปีละ 1 ล้านบาท เป็นเวลา 4 ปี แยกเป็น
- กรณีตากใบ 85 ราย เป็นเงิน 297.5 ล้านบาท
- กรณีสะบ้าย้อย 19 ราย เป็นเงิน 66.5 ล้านบาท
- กรณีสูญหายและละเมิดสิทธิมนุษยชน 5 ราย เป็นเงิน 17.5 ล้านบาท
รวม 381.5 ล้านบาท
สำหรับกรณีมัสยิดกรือเซะ 34 ราย เป็นประชาชน 32 ราย เจ้าหน้าที่รัฐ 2 ราย ให้จ่ายรายละ 4 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 136 ล้านบาท
3.กรณีเจ้าหน้าที่รัฐที่ได้รับการช่วยเหลืออยู่แล้วตั้งแต่ปี 2547 ถึงปี 2555 ซึ่งได้รับเงินเยียวยากรณีเสียชีวิตและทุพพลภาพจำนวน 500,000 บาท และข้าราชการยังมีสิทธิสวัสดิการที่กระทรวง ทบวง กรมต้นสังกัดนั้น ในปีงบประมาณ 2555 เจ้าหน้าที่รัฐทุกหน่วยงานจะได้รับการช่วยเหลือเพิ่มเติม ดังนี้
- กรณีเสียชีวิต จำนวน 100,000 บาท
- กรณีทุพพลภาพ จำนวน 100,000 บาท
- กรณีจำเป็นต้องใช้ขาเทียมหรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ รายละไม่เกิน 250,000 บาท (ตามความเห็นของแพทย์)
นอกจากนั้นยังให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการช่วยเหลือเยียวยาและจัดสวัสดิการเป็นพิเศษโดยกระทรวง ทบวง กรมต้นสังกัดแก่ข้าราชการที่เป็นเป้าหมายอ่อนแอ ได้แก่ ข้าราชการครู บุคลากรทางการศึกษา โดยได้ให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาให้ความช่วยเหลือเยียวยาและจัดสวัสดิการเพิ่มเติมให้เสมอภาคและเป็นธรรมต่อไป
4.กรณีอื่นๆ จะได้เร่งรัดจ่ายเงินเยียวยาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 ก.ย.2555
กรรมการเยียวยาฯเตือนหลักเกณฑ์ยังไม่ชัด-หวั่นจ่ายแล้ววุ่น
มีรายงานจากที่ประชุมคณะกรรมการเยียวยาฯ ว่า กรรมการหลายรายได้แสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับแผนการจ่ายเงินเยียวยาที่จะเริ่มในวันที่ 17 ส.ค.นี้ ว่ามีความพร้อมสมบูรณ์ 100% หรือไม่ เพราะจนถึงขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนเรื่อง "ทายาท" ที่จะได้รับเงินเยียวยาแทนผู้เสียหายหรือผู้ที่ได้รับผลกระทบว่าเป็นใครกันแน่ และใครสมควรเป็นผู้ได้รับสิทธิ โดยยังไม่มีบัญชีรายชื่อที่ชัดเจน
แหล่งข่าวซึ่งเป็นหนึ่งในกรรมการเยียวยาฯ กล่าวว่า คำว่า "ทายาท" ยังมีข้อถกเถียงและความเห็นที่แตกต่างกันในหมู่กรรมการฯ เพราะคณะกรรมการเยียวยาฯ ได้กำหนดหลักเกณฑ์ว่าเงินเยียวยาไม่ใช่ "มรดก" จึงมีปัญหาว่าทายาทลำดับเท่าใดของผู้สูญเสียที่มีสิทธิได้รับเงินเยียวยา เพราะเมื่อตีความว่าไม่ใช่มรดก ผู้มีสิทธิก็น่าจะเป็นทายาทลำดับที่ 1 เท่านั้น อันได้แก่ บิดามารดา สามีหรือภรรยา และบุตรของผู้สูญเสีย ไม่ควรนับรวมถึงพี่น้อง ลุงป้าน้าอา ซึ่งเป็นทายาทลำดับ 2-3
นอกจากนั้น ยังมีประเด็นที่ยังไม่มีข้อสรุป คือ เจ้าหนี้ของผู้สูญเสียสามารถหักหนี้จากเงินเยียวยาได้หรือไม่ โดยความเห็นของกรรมการฯหลายท่านยืนยันว่าไม่น่าจะนำไปหักหนี้ได้ เนื่องจากไม่ใช่เงินมรดก แต่ก็มีกรรมการฯบางรายตีความว่าหักหนี้ได้ จึงอยากให้สร้างความชัดเจนก่อนจ่ายเงินเยียวยาด้วย มิฉะนั้นอาจมีการฟ้องร้องกันตามมาได้
อนึ่ง เมื่อวันศุกร์ที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มชาวบ้านสามจังหวัดชายแดนภาคใต้กว่า 200 คนซึ่งเคยออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมเรื่องเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบ รวมตัวกันเดินทางไปยื่นหนังสือถึง พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ขณะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เพื่อสอบถามความคืบหน้าของข้อเรียกร้องที่เคยยื่นผ่าน ศอ.บต.ไปแล้วเมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยข้อเรียกร้องของชาวบ้านกลุ่มนี้ คือ ให้รัฐจ่ายเงินเยียวยาผู้สูญเสียจากทุกเหตุการณ์อย่างเท่าเทียม
นายกฯตีกลับแผน17กระทรวง - เปลี่ยนชื่อ ศปก.จชต.เป็น ศปก.กปต.
วันอังคารที่ 14 ส.ค.2555 ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) สวนรื่นฤดี กรุงเทพฯ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปดูห้องทำงานและตรวจความพร้อมของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.จชต.) ที่จะใช้สถานที่ภายใน กอ.รมน. พร้อมประชุมร่วมกับ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองผู้บัญชาการทหารบก (รองผบ.ทบ.) และ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล เสนาธิการทหารบก (เสธ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการ รมน.
ทั้งนี้ หัวข้อที่หารือกันคือการปรับโครงสร้างในรายละเอียดของศูนย์ปฏิบัติการที่ตั้งขึ้นใหม่ โดยใช้ชื่อว่า "ศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้" หรือ ศปก.กปต. แทนชื่อเดิมคือ ศปก.จชต.
พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.รมน.ได้สั่งการหลายเรื่องเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยนายกฯ ได้พูดถึงการจัดทำแผนปฏิบัติของ 17 กระทรวงที่เสนอให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และส่งมาครั้งแรกเป็นแผนแบบธรรมดา ซึ่งนายกฯไม่ต้องการและให้นำกลับไปทบทวนใหม่ เพื่อให้แผนของกระทรวงสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ร่วมที่ กอ.รมน.กับ ศอ.บต.ทำไว้ 29 ข้อ
"ท่านนายกฯขอให้แผนงานที่ดำเนินการสั้นและกะทัดรัด จะได้ทำงานได้รวดเร็ว โครงการใดที่ซ้ำซ้อนให้ตัดออก ส่วนชื่อ ศปก.จชต.นั้น ให้เปลี่ยนเป็น ศปก.กปต. จะได้ไม่ซ้ำซ้อนกับคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ กปต.เดิมที่มีอยู่ โดยให้ ศปก.กปต.เป็นแขนขาในการทำงานของ กปต." รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนผู้ที่จะมาเป็นเลขานุการ ศปก.กปต.นั้น พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า นายกฯ ขอให้มีเลขาฯ 1 คน และรองเลขาฯ 3 คนที่มาจาก สมช. กอ.รมน.และ ศอ.บต. ที่มีข่าวว่า พล.อ.ดาว์พงษ์ จะมาเป็นเลขาฯ ยังไม่ได้กำหนดตอนนี้ ต้องรอนายกรัฐมนตรีอนุมัติก่อน เพราะอยู่ที่การตัดสินใจของนายกฯ สำหรับแผนงานทั้งหมดน่าจะเสร็จสิ้นและ ศปก.กปต.เริ่มปฏิบัติงานได้หลังวันที่ 24 ส.ค.เป็นต้นไป
------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : ชาวบ้านที่เป็นทายาทและครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวนกว่า 200 คน รวมตัวเรียกร้องให้รัฐบาลจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาด้วยหลักเกณฑ์ที่เป็นธรรมและเท่าเทียม เพราะมีบางกลุ่มได้หลายล้านบาท แต่กลุ่มชาวบ้านทั่วไปได้เพียงหลักแสน เมื่อวันศุกร์ที่ 10 ส.ค.2555 (ภาพโดย อับดุลเลาะ หวังหนิ)
อ่านประกอบ :
1 เปิดมติเยียวยา "สะบ้าย้อย-ตากใบ" 7.5 ล้าน กรือเซะ 4 ล้าน ตายรายวัน 5 แสน
http://www.isranews.org/south-news/scoop/38-2009-11-15-11-15-01/7115--q-q-75-4-5-.html
2 เสียงดังแต่ฟังไม่ชัด..."ธงทอง"แจงมติเยียวยา กับ 5 คำถามค้างคาที่ยังพลิ้ว
http://www.isranews.org/south-news/special-talk/53-2009-11-15-11-15-38/7172-qq-5.html