แด่ตำรวจชายแดนใต้ผู้จากไป...ด้วยรักและหยดน้ำตา
เหตุลอบวางระเบิดและยิงซ้ำเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กรงปินัง จ.ยะลา เสียชีวิต 3 นาย บาดเจ็บสาหัสอีก 2 นาย ขณะออกปฏิบัติหน้าที่เมื่อวันศุกร์ที่ 23 ก.ย.59 เป็นความสูญเสียครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งของวงการสีกากีที่ชายแดนใต้
แต่ความสูญเสียครั้งนี้ยังมีประเด็นน่าเศร้ายิ่งกว่านั้น เมื่อพบว่าตำรวจที่พลีชีพ 1 ใน 3 นาย กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์ในเดือน พ.ย.
ภาพการ์ดแต่งงานของ ส.ต.ต.สุริยา หนูนิ่ม หนึ่งในสามตำรวจที่เสียชีวิตจากเหตุรุนแรงที่กรงปินัง ถูกแชร์อย่างกว้างขวางในสื่อสังคมออนไลน์ ท่ามกลางความรู้สึกเศร้าเสียใจ และทอดถอนใจของผู้พบเห็น
ส.ต.ต.สุริยา ชื่อเล่นชื่อหนึ่ง กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์กับว่าที่เจ้าสาวในวันที่ 12 พ.ย.นี้ โดยงานจะจัดที่ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ความสูญเสียของ ส.ต.ต.สุริยา สร้างความเสียใจให้กับแฟนสาวและครอบครัวของทั้งสองฝ่ายอย่างมาก
ขณะที่ว่าที่เจ้าสาวของ ส.ต.ต.สุริยา ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยติดแฮชแท็กว่า #รักและคิดถึงสุดขั้วหัวใจ พร้อมบรรยายความรู้สึกตอนหนึ่งว่า...เจ็บมากที่ต้องสูญเสียคนที่รักมากที่สุดโดยไม่ทันตั้งตัว ไม่คิดไม่ฝันจะได้ยินข่าวร้ายกับแฟนตัวเอง อีกไม่กี่วันก็จะมีข่าวดีกับเราสองคนแล้ว ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว เหลือแค่รอเวลาที่จะสร้างครอบครัวด้วยกัน แต่กลับมาต้องจากไปเสียก่อน หลับให้สบายนะที่รัก ถึงวันนี้ยังต้องอ่อนแอเหลือเกิน ไม่รู้อีกสักกี่วันกี่คืน หรือนานแค่ไหนที่ทำใจได้ ภาพที่รักยังวนเวียนอยู่ในหัวตลอด เสียงยังก้องอยู่ในหูทุกครั้งที่นึกถึง...
ช่วง 2-3 เดือนมานี้ มีความสูญเสียเกิดขึ้นกับตำรวจหลายนาย ย้อนกลับไปห้วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนรอมฎอน ระยะเวลาเพียงไม่ถึง 24 ชั่วโมง มีเหตุรุนแรงที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตตำรวจถึง 5 นาย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 1 นาย ได้รับบาดเจ็บอีก 4 นาย
เที่ยงวันที่ 4 ก.ค. คนร้ายบุกยิงในร้านขายของชำ พื้นที่หมู่ 5 ต.ไพรวัน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ทำให้ นางฉวี แก้วมัง อายุ 53 ปี เสียชีวิต โดยนางฉวี เป็นมารดาของ ส.ต.อ.ธีรงค์ แก้วมัง เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด หรือ อีโอดี ของตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังเข้าไปตรวจสอบ และถูกคนร้ายจุดระเบิดที่วางซ่อนไว้ในถังน้ำแข็งหน้าร้านขายของชำ แรงระเบิดทำให้ พ.ต.ท.วีระยุทธ ตาสีพันธ์ รองผู้กำกับการฝ่ายป้องกันและปราบปราม สภ.ตากใบ และ ร.ต.ท.การียา ตีมง รองสารวัตรปราบปราม ได้รับบาดเจ็บ
เมื่อข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้ครอบครัว ญาติมิตร ชาวบ้านในพื้นที่ และผู้คนทั่วไปที่สนใจติดตามข่าวสารจากชายแดนใต้พากันแสดงความเป็นห่วง แม้อาการบาดเจ็บจะไม่สาหัส โดยเฉพาะ พ.ต.ท.วีระยุทธ ถือว่าเป็นนายตำรวจที่เป็นที่รู้จัก เพราะเคยได้รับประกาศชื่นชมจาก พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ขณะดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถึงวีรกรรมความกล้าหาญและการปฏิบัติการตามแผนยุทธการอย่างเคร่งครัด
เหตุการณ์ที่ พ.ต.ท.วีระยุทธ ได้รับการกล่าวขวัญถึง ก็คือสมัยดำรงตำแหน่งสารวัตรสืบสวน สภ.ตากใบ เมื่อปี 2555 เคยยิงปะทะกับคนร้ายที่เข้าโจมตีฐานปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่หลายจุดพร้อมกัน จนสามารถสกัดกั้นการโจมตีของคนร้ายได้ และวิสามัญฆาตกรรมผู้ก่อความไม่สงบคนสำคัญได้ 1 ราย
ก่อนหน้าเหตุระเบิดที่ทำให้ พ.ต.ท.วีระยุทธ์ และลูกน้อง ได้รับบาดเจ็บเพียงไม่กี่ชั่วโมง คือช่วงค่ำวันที่ 3 ก.ค. คนร้ายลอบวางระเบิดใกล้กับมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี แรงระเบิดทำให้ตำรวจเสียชีวิต 1 นาย และได้รับบาดเจ็บอีก 3 นาย ตำรวจที่เสียชีวิต คือ จ.ส.ต.อนุรักษ์ รักบุตร เป็นตำรวจจราจรที่ประชาชนในพื้นที่รู้จักกันดี
การเสียชีวิตของ จ.ส.ต.อนุรักษ์ กลายเป็นกระแสขึ้นในพื้นที่ เนื่องจากเขาและเพื่อนๆ ถูกลอบวางระเบิดขณะปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องมุสลิมที่กำลังเดินทางไปประกอบศาสนกิจช่วงเดือนรอมฎอนที่มัสยิดกลางปัตตานี
คนในพื้นที่ เล่าว่า จ.ส.ต.อนุรักษ์ มีชื่อเล่นว่า “นุ” เป็นคนดี ขยันทำงาน ปฏิบัติหน้าที่เข้าเวรรักษาความปลอดภัยไม่เคยขาด
“จ่านุเป็นคนรักครอบครัว มีลูกเล็กๆ 2 คน และลูกคนที่ 3 ยังอยู่ในท้องของภรรยาซึ่งตั้งครรภ์ได้ 7 เดือน” คนในพื้นที่ให้ข้อมูล
ภรรยาของจ่านุเป็นแม่บ้าน ไม่ได้ทำงาน การสูญเสียจ่านุทำให้ครอบครัวประสบกับความยากลำบาก ภาคประชาชนในพื้นที่จึงตั้งโต๊ะรับบริจาคเพื่อช่วยเหลือครอบครัวจ่านุ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนักในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
“คิดว่าเขายังไม่ตาย เขาไปทำงาน ไม่อยากคิดมาก” เป็นเสียงของ “อร” หรือ รัชนู รักบุตร วัย 32 ปี ชาว อ.ระโนด จ.สงขลา ภรรยาของจ่านุ แม้เหตุการณ์ร้ายจะผ่านไประยะหนึ่งแล้ว แต่เสียงของเธอยังสั่นเครือและน้ำตาคลอเมื่อพูดถึงการที่ต้องสูญเสียสามี
วันที่พบกับ “ทีมข่าวอิศรา” อรอุ้มท้องใกล้คลอดไปตรวจครรภ์เพียงลำพังที่โรงพยาบาลปัตตานี รอยยิ้มปนเหนื่อยของเธอบ่งบอกถึงความเข้มแข็งที่ต้องสร้างพลังและกำลังใจอย่างมหาศาล ชีวิตที่เหลือจากนี้ไปต้องต่อสู้เพียงลำพัง และรับผิดชอบลูกน้อย 2 ชีวิต พร้อมกับอีก 1 ชีวิตที่กำลังจะลืมตาดูโลกโดยไม่มีพ่อคอยเคียงข้าง
เธอนั่งรอตรวจครรภ์ เจาะเลือด พร้อมเดินเรื่องเอกสารเปลี่ยนแปลงการใช้สิทธิ์การรักษาพยาบาลมาเป็น 30 บาทรักษาทุกโรค
วินาทีที่ได้รับรู้เรื่องราวของสามี อรบอกว่า เหมือนโลกทลาย เพราะสามีเป็นทุกอย่างของเธอและลูกๆ
“อรเป็นแม่บ้าน ดูแลลูกและบ้าน ไม่ได้ทำงานนอกบ้าน พี่นุเขาทำงาน ดูแลทุกอย่าง สิบปีที่อยู่ด้วยกันมา เขาเป็นสามีที่ดีมากๆ รักครอบครัว ทำงานได้ทุกอย่าง ช่วยดูแลลูกด้วย”
อรย้อนความหลังให้ฟังถึงเมื่อคราวที่เธอและสามีตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน ตอนนั้นปี 2549 สามีบรรจุเข้ารับราชการที่ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ก่อนย้ายมาอยู่ปัตตานีเมื่อต้นเดือน พ.ค.2556 ทั้งคู่มีแผนชีวิตที่วางไว้ด้วยกันว่า ในอนาคตจะไปอยู่กันที่สงขลา
“เขาเป็นคนปัตตานี คนพื้นที่นี้ เขาบอกว่าเราเป็นพี่น้องกัน เรามีเพื่อนมุสลิมเยอะ ก่อนหน้านี้ไม่เคยกลัวอะไร ไปไหนมาไหนก็ได้ จนเริ่มปี 2547 ที่มีเหตุการณ์มากขึ้น เขาเริ่มระวังตัวมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้วิตกเกินเหตุ เขาเป็นคนขยัน รับจ้างเข้าเวรแทนเพื่อนเพื่อให้มีรายได้มากขึ้น จนช่วงหลังเริ่มไม่ไหว เพราะไม่ค่อยได้พักผ่อน บางครั้งเข้าเวรตั้งแต่ 6 โมงเช้า รวมไปถึงรับจ้างด้วยเลิกเอา 4 ทุ่ม ทำงาน 3 วัน พัก 1 วัน”
“วันที่เกิดเหตุเป็นเวรของเขาเอง เขาบอกว่ามุสลิมกำลังจะออกบวช (รายอ) คงจะได้พักยาวหน่อย ก่อนนั้นเขาเข้าเวรที่วงเวียนหอนาฬิกา แล้วย้ายไปที่ข้างมัสยิดกลาง จุดที่เขาไปนั่งกับเพื่อนๆ ที่บอกว่าเช็คดูแล้วไม่เห็นมีของต้องสงสัยอะไร จนเกิดเหตุระเบิดขึ้น”
อรบอกว่าเธอต้องเข้มแข็ง อ่อนแอไม่ได้ หากลูกเห็นว่าแม่อ่อนแอแล้วจะทำอย่างไร ฉะนั้นต้องรับทุกอย่างให้ได้ เพื่อชีวิตที่เหลืออยู่
สามีเธอจากไปพร้อมหนี้สินจากการกู้ยืมเงินมาซื้อรถยนต์ ซึ่งต้องผ่อนชำระอีกเดือนละกว่า 8 พันบาท และหนี้จากการกู้ธนาคารอีกจำนวนหนึ่ง เมื่อได้รับเงินเยียวยาซึ่งต้องแบ่งทั้งพ่อแม่ของสามี ลูกสองคนและตัวเธอ ทำให้มีเงินก้อนเล็กๆ ที่พอจะผ่อนรถยนต์ต่อเพื่อไว้ใช้งานยามจำเป็น ส่วนเรื่องที่อยู่ ยังดีที่ผู้บังคับบัญชามีน้ำใจ ให้เธอและลูกๆ อาศัยที่บ้านพักตำรวจต่อไป ส่วนลูกทั้งสามคนได้รับสิทธิ์เรียนต่อพร้อมค่าครองชีพจนจบปริญญาตรี
ในส่วนของสิทธิ์ทายาทที่เจ้าหน้าที่เสียชีวิต จะมอบให้กับภรรยาหรือบุตรได้รับราชการต่อ อรบอกว่าหากรอให้ลูกโตก็คงอีกนาน ค่าใช้จ่ายมีทุกวัน เธอจึงสมัครเป็นทายาทรับสิทธิ์นั้น เพื่อจะได้มีรายรับที่แน่นอนทุกเดือน
ตอนนี้แม่ของเธอมาอยู่เป็นเพื่อน เพราะเธอต้องจัดการอีกหลายอย่าง เธอวางแผนว่าจะเลี้ยงลูกเองสัก 6 เดือนถึง 1 ปี จากนั้นให้ย่าช่วยเลี้ยง (แม่ของจ่านุ) และเธอจะออกทำงาน โดยตั้งใจจะอยู่ที่ปัตตานีต่อไป
“ตอนคลอดลูกสองคนแรก เขาดูแลลูกและทำให้ทุกอย่าง ตอนนี้ไม่มีเขาแล้ว ต้องพยายามทำเองให้ได้ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร เคยวางแผนด้วยกันแต่ก็ต้องพังทลาย จึงไม่อยากคิดวางแผนอะไรอีก ขอแค่มีเงินมีงานได้ดูแลลูกๆ ต่อก็ไม่อยากได้อะไรอีกแล้ว”
อรบอกว่าลูกในท้องคนนี้เป็นผู้ชาย รวมเป็นลูกชายสามคน ซึ่งสามีเธอชอบเด็กผู้ชาย แต่วันนี้เขากลับจากไป ไม่มีโอกาสได้ชื่นชม
วันนี้ อรคลอดลูกคนเล็กออกมาแล้ว แม้จะต้องผ่าออก แต่ทั้งแม่และลูกก็ปลอดภัย
เธอย้ำคำเดิมว่าตั้งใจจะดูแลสามชีวิตนี้ให้ดีที่สุด...ด้วยระลึกถึงพ่อของพวกเขาสุดหัวใจ...
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 การ์ดแต่งงานของ ส.ต.ต.สุริยา หนูนิ่ม เหยื่อระเบิดที่กรงปินัง
2 รัชนู รักบุตร ภรรยาของ จ.ส.ต.อนุรักษ์ ที่เสียชีวิตจากเหตุระเบิดใกล้มัสยิดกลางปัตตานี