แม่ทัพภาค 4 ลงพื้นที่เกิดเหตุยิงเด็ก 3 ศพ ทีมสปต.สรุปเบื้องต้นปมส่วนตัว
แม่ทัพภาค 4 ลงพื้นที่เกิดเหตุยิงสามเด็กชายครอบครัว "มะมัน" ลั่นต้องการสร้างความมั่นใจไม่ใช่การกระทำเจ้าหน้าที่ ชี้คนร้ายขยายผลฆ่าต่อเนื่องสร้างความขัดแย้งพุทธ-มุสลิม คณะทำงานของสภาที่ปรึกษาฯ แย้มผลสอบเบื้องต้นเป็นเหตุล้างแค้นส่วนตัว คนร้ายมีความเชื่อมโยงทหารพราน แต่ไม่เกี่ยวหน่วยงานรัฐ ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ยังระอุ ดักบึ้ม อส.บันนังสตานั่งรถมากับเพื่อน-น้องเจ็บ 3 แฉรถที่ใช้เป็นของพี่เขยที่เป็นตำรวจ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 ก.พ.2557 พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วย พล.ต.ท.ยงยุทธ เจริญวานิช ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผบช.ศชต.) นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พล.ต.สิงหศักดิ์ อุทัยมงคล ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส และ นายเซ็ง ใบหมัด กรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี ได้เดินทางไปยังบ้านของ นายเจ๊ะมุ มะมัน เลขที่ 143/4 บ้านปะลุกาแปเราะ หมู่ 7 ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ซึ่งเกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงคนในครอบครัว ทำให้บุตรชาย 3 คนเสียชีวิต และนางพาดีละห์ แมยู ภรรยาของนายเจะมุ มารดาของเด็กๆ ได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งๆ ที่กำลังตั้งครรภ์ 4 เดือน เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เมื่อคณะของ พล.ท.สกล เดินทางไปถึง นายต่วนซาการียา รายอราเด็ง ผู้ใหญ่บ้านปะลุกาแปเราะ ได้นำคณะไปดูจุดเกิดเหตุจำนวน 5 จุด ทั้งจุดที่คนร้ายใช้ซุ่มยิง จุดที่ตามไปยิงซ้ำภายในบ้าน จุดที่ ด.ช.บาฮารี หนึ่งในลูกชาย 3 คนของนายเจะมุหนีไปซ่อนอยู่ข้างห้องครัวและได้ร้องขอชีวิต แต่คนร้ายไม่ฟัง และจุดที่นายเจะมุกระโดดหนีออกจากบ้าน ทำให้รอดชีวิตได้อย่างหวุดหวิด โดยนายต่วนซาการียาได้อธิบายความโหดเหี้ยมของกลุ่มคนร้ายอย่างละเอียด และยังบอกว่าต้องการให้เจ้าหน้าที่จับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว เนื่องจากชาวบ้านส่วนใหญ่คิดว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่
ด้าน พล.ท.สกล กล่าวว่า การลงพื้นที่ดูจุดเกิดเหตุครั้งนี้ ต้องการทำความเข้าใจกับชาวบ้านถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อให้หายกังวลใจว่าคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นใคร เป็นเจ้าหน้าที่หรือไม่ จึงขอให้ประชาชนที่รู้เบาะแสให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เพื่อจะได้ติดตามคนร้ายมาลงโทษโดยเร็ว เนื่องจากผลพวงของคดีนี้ กลุ่มคนร้ายได้นำไปขยายผลก่อเหตุยิงชาวบ้านและพระสงฆ์ในอีกหลายพื้นที่ และได้ทิ้งจดหมายไว้เพื่อให้ไทยพุทธและมุสลิมเกิดความขัดแย้งซึ่งกันและกัน
ตร.เชื่อ"ฆ่าเผา-ฆ่าพระ"กลุ่มเดียวกัน
พล.ต.ท.ยงยุทธ กล่าวเสริมว่า คดีนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งรัดการสืบสวนสอบสวน และได้ตรวจสอบหลักฐานในที่เกิดเหตุ ซึ่งต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ว่าคดีมีความเป็นมาอย่างไร เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับพยานบุคคลที่สอบปากคำไปแล้ว เราต้องทำคดีนี้ออกมาให้กระจ่างว่าคนร้ายเป็นใคร และจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะเป็นคดีที่สะเทือนขวัญและอุกอาจ โหดเหี้ยม กระทำได้แม้กระทั่งเด็กที่ไร้เดียงสา
"เหตุที่เกิดขึ้นมีผลกระทบตามหมายหลายเหตุการณ์ จะด้วยความเข้าใจผิดหรืออะไรก็ตาม ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้น เหตุการณ์หลังจากนั้นไม่ว่าจะเป็นการลอบยิงชาวบ้านแล้วเผา (ภรรยาตำรวจ สภ.ราตาปันยัง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี และสาวพนักงานธนาคาร เหตุเกิดที่ อ.ยะหริ่งเช่นกัน) หรือเหตุการณ์กราดยิงชาวบ้านขณะใส่บาตร (อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี) เหตุการณ์เหล่านั้นก็อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อหาความเชื่อมโยง เชื่อว่าเป็นกลุ่มผู้ก่อเหตุเดียวกัน เป็นเรื่องของกลุ่มคนที่คิดว่าอีกฝ่ายหนึ่งทำ อีกฝ่ายก็จะตอบโต้ นั่นคือผลที่เกิดขึ้นจากความรุนแรง อยากให้ทุกฝ่ายออกมาค้นหาความจริง เอาคนทำผิดมาลงโทษ ดีกว่าไปกระทำกับผู้บริสุทธิ์"
ผู้นำศาสนาวอนชาวบ้านเข้าใจ จนท.
ขณะที่ นายเซ็ง ใบหมัด กรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นขอวิงวอนให้ชาวบ้านเข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ เพราะไม่มีอะไรเป็นสิ่งจูงใจว่าเหตุที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เป็นผู้กระทำ เนื่องจากไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย แถมภาพลักษณ์ยังเสียหาย เราจะจับกุมคนร้ายมาลงโทษได้ โดยชาวบ้านทุกคนต้องให้ความร่วมมือแจ้งเบาะแส เพื่อคนดีๆ จะได้อยู่ร่วมกันในสังคมและสร้างความเจริญให้กับหมู่บ้าน ส่วนคนเลวๆ จะได้ไม่สามารถแฝงตัวอยู่ในสังคมได้อีกต่อไป
คณะทำงาน สปต.สรุปเบื้องต้นปมส่วนตัว
ก่อนหน้านั้น นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สปต.) ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้เปิดเผยผลสรุปเบื้องต้นของคณะกรรมการพิจารณาตรวจสอบแสวงหาข้อเท็จจริงกรณีคนร้ายใช้อาวุธสงครามกราดยิงครอบครัวนายเจะมุ ในพื้นที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ที่มีนายวิสุทธิ์ สิงห์ขจรวรกุล อดีตข้าราชการระดับสูงกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน
ทั้งนี้ ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นพบว่า เหตุการณ์สังหารครอบครัวนายเจะมุ เป็นการล้างแค้นส่วนตัว เนื่องจากที่ผ่านมานายเจะมุตกเป็นผู้ต้องหาในคดีความมั่นคงหลายคดี แต่ได้ต่อสู้คดีจนศาลยกฟ้อง สร้างความเจ็บแค้นให้กับญาติๆ ของผู้เสียชีวิต จึงได้รวบรวมสมัครพรรคพวกไปทำการล้างแค้น
คนร้ายโยงทหารพราน-แต่ไม่เกี่ยวหน่วยงาน
ส่วนกลุ่มคนร้ายที่กระทำการในครั้งนี้ จากการแสวงหาข้อเท็จจริงเบื้องต้นพบว่า มีส่วนเชื่อมโยงกับทหารพรานที่เกี่ยวข้องเป็นญาติกับผู้เสียชีวิตในคดีที่นายเจะมุตกเป็นผู้ต้องหา แต่ผู้ที่กระทำการในครั้งนี้เป็นการกระทำโดยส่วนตัว ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับหน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่รัฐแต่อย่างใด
นายไชยยงค์ กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 17 ก.พ. คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯจะประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายปกครอง ทหาร และตำรวจใน อ.บาเจาะ เพื่อตรวจสอบข้อมูล วัตถุพยาน และการทำคดีของพนักงานสอบสวน รวมทั้งการสืบสวนในเชิงลึก เพื่อสรุปข้อเท็จจริงทั้งหมดอีกครั้ง
เตือนชาวบ้านไทยพุทธระวังตัว
ด้าน พล.ต.ต.พัฒนวุธ อังคนาวิน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า คดียิงคนในครอบครัวของนายเจะมุมีความคืบหน้าไปพอสมควร เจ้าหน้าที่รู้กลุ่มที่ก่อเหตุแล้ว อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับ เพราะฉะนั้นในทางคดีถือว่ามีความก้าวหน้า แต่เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีอ่อนไหว ต้องรอการออกหมายจับและแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเพื่อให้ทุกอย่างชัดเจน
พล.ต.ต.พัฒนวุธ ยังกล่าวเตือนไปยังพี่น้องชาวไทยพุทธในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เพิ่มความระมัดวังเป็นพิเศษ เพราะมีการปล่อยข่าวโยงไปยังเจ้าหน้าที่และโยงไปถึงคนใกล้ชิดพี่น้องชาวไทยพุทธบางกลุ่ม ฉะนั้นพี่น้องชาวไทยพุทธอาจตกเป็นเป้าหมายของการถูกทำร้ายได้ โดยเฉพาะเด็กและผู้หญิงถือว่าน่าเป็นห่วงที่สุด
ดักบึ้มรถ อส.บันนังสตาเจ็บ 3
ด้านสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดวันอาทิตย์ที่ 16 ก.พ. ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 13.45 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนจุดชนวนระเบิดที่วางไว้บริเวณสะพานบ้านบันนังกูแว หมู่ 4 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา ทำให้ นายอับดุลฮากีม ดาราเซะ อายุ 25 ปี อาสารักษาดินแดน (อส.) อ.บันนังสตา นายอับดุลฮาซัน ดาราเซะ น้องชาย อายุ 21 ปี และ นายอาสือดี แมเราะ อายุ 26 ปี เพื่อนของนายอับดุลฮากิมที่นั่งมาด้วยกันในรถยนต์เก๋งยี่ห้อมาสด้า 2 สีเทาดำ หมายเลขทะเบียน ญล 4491 กรุงเทพมหานคร ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด เหตุเกิดขณะที่ทั้ง 3 คนเดินทางกลับจากเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กำลังมุ่งหน้ากลับบ้านในหมู่บ้านบันนังกูแว
อย่างไรก็ดี ข่าวบางกระแสระบุว่าทั้งสามคนกลับจากช่วยงานที่มัสยิด
สำหรับรถยนต์เก๋งคันที่ทั้งสามคนโดยสารมา เป็นรถของ ร.ต.ต.โชติวุธ หนูลาย รองสารวัตร กองกำกับการสืบสวนสอบสวน 1 ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่เขยของ นายอับดุลฮากีม ส่วนระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นชนิดแสวงเครื่อง น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 20 กิโลกรัม ประกอบใส่ถังแก๊ส ฝังไว้ใต้ผิวถนน เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
เวลา 21.40 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนยิง นายอาซัน บือแน อายุ 44 ปี อดีตสมาชิก อบต.ปะโด อยู่บ้านเลขที่ 12/1 บ้านควนหยี หมู่ 3 ต.ปะโด อ.มายอ จ.ปัตตานี ได้รับบาดเจ็บสาหัส และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลมายอ เหตุเกิดขณะที่นายอาซันกำลังยืนอยู่หน้านบ้านของตนเอง
ก่อนหน้านั้น เวลา 00.30 น.วันเดียวกัน คนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิง นายบอรอเฮง มะโระ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31 หมู่ 5 ต.บ้านกลาง อ.ปานาเระ จ.ปัตตานี ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เหตุเกิดบนถนนสายชนบท เขตรอยต่อระหว่าง หมู่ 3 ต.บ้านนอก กับ หมู่ 5 ต.บ้านกลาง อ.ปานาเระ จ.ปัตตานี เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง
ส่วนที่ อ.ธารโต จ.ยะลา เมื่อค่ำวันที่ 15 ก.พ. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง นายแวหะมะ อุมา อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93/7 หมู่ 7 ต.กรงปินัง อ.กรงปินัง จ.ยะลา กับ น.ส.ดวงพร ทองไชย อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 533 หมู่ 1 ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เสียชีวิตทั้งคู่ เหตุเกิดขณะที่ทั้งสองคนกำลังนั่งรถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายกันมาบนถนนสายบ่อหิน-บากง บ้านบ่อหินนอก หมู่ 11 ต.บ้านแหร อ.ธารโต
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : สภาพรถยนต์ที่ อส.บันนังสตา นั่งมาพร้อมกับน้องชายและเพื่อนพังยับ หลังโดนลอบวางระเบิดที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา (ภาพโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)
ขอบคุณ : ข้อมูลบางส่วนจากสำนักข่าวเนชั่น