นายกฯมาเลย์ยกเลิกกำหนดการเยือนใต้ - สะเดาป่วนโรฮิงญาฮือแหกห้องกัก
ผู้นำมาเลเซียแจ้งยกเลิกกำหนดการเยือนชายแดนใต้ ร่วมละศีลอดกับพี่น้องมุสลิมที่นราธิวาส ทั้งๆ ที่ฝ่ายไทยเตรียมการต้อนรับแถมออกข่าวไปแล้ว อ้างเหตุระยะเวลากระชั้นชิด ขณะที่คณะอูลามาจากอินโดฯลงพื้นที่ร่วมละศีลอด-ละหมาดตะรอเวียะห์ แกนนำครูถกแผน รปภ.กับฝ่ายกองกำลังหลังบึ้มจะแนะ ด้านสะเดาป่วน ชาวโรฮิงญาเกือบ 300 ชีวิตฮือแหกห้องกัก ตม.สงขลา หนีไปได้ 7 สงสัยเครียดถูกคุมตัวนาน 7 เดือน
นายนาจิบ ราซัก นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้แจ้งยกเลิกกำหนดการเยือนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย เพื่อร่วมละศีลอดกับพี่น้องมุสลิมที่ จ.นราธิวาส ในวันเสาร์ที่ 3 ส.ค.นี้
กำหนดการดังกล่าว พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เป็นผู้เปิดเผยกับสื่อมวลชนด้วยตัวเองเมื่อวันจันทร์ที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา และหน่วยงานในพื้นที่เองได้เตรียมการต้อนรับเอาไว้เกือบสมบูรณ์แล้ว โดยมีรายงานว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย อาจจะเดินทางไปพบปะและหารือข้อราชการกับนายนาจิบที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย
นายนาจิบ เคยลงพื้นที่ชายแดนใต้มาแล้วเมื่อครั้งรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.2552 เพื่อร่วมทำพิธีเปิดสะพานมิตรภาพไทย-มาเลเซีย หรือสะพานบูเก๊ะตา ซึ่งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำโก-ลกแห่งที่ 2 เชื่อมฝั่งมาเลเซียกับไทยที่ อ.แว้ง จ.นราธิวาส แต่ยังไม่เคยเยือนไทยในช่วงรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์
เมื่อเร็วๆ นี้ นายนาจิบ เพิ่งนำพรรครัฐบาลชนะเลือกตั้งทั่วไปและได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่ออีก 1 สมัย การเดินทางเยือนไทยดังกล่าวหากเกิดขึ้นจริงจะนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 และเป็นครั้งแรกในสมัยนายกฯยิ่งลักษณ์
ขณะที่ฝ่ายนายกฯยิ่งลักษณ์เคยเดินทางเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 28 ก.พ.2556 และเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการพูดคุยสันติภาพระหว่างไทยกับบีอาร์เอ็นซึ่งมีมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวก (facilitator)
แหล่งข่าวจากฝ่ายความมั่นคงเผยว่า ทางการมาเลเซียแจ้งในหนังสือยกเลิกกำหนดการเดินทางเยือนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยว่า ระยะเวลากระชั้นชิดเกินไป อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวบอกว่าฝ่ายไทยกับมาเลเซียได้ประสานงานกันอย่างใกล้ชิดตลอด และได้ทำหนังสือเชิญในนามนายกรัฐมนตรีไทยไปยังนายนาจิบก่อนหน้านี้ด้วย
ขณะที่แหล่งข่าวจากศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่จะเลื่อนการเยือนไปเป็นช่วงฮารีรายอ หรือช่วงเฉลิมฉลองหลังสิ้นสุดเดือนรอมฎอน
คณะอูลามาจากอินโดฯร่วมละศีลอดที่ปัตตานี
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 ก.ค. ที่ห้องจะบังติกอ โรงแรมซี.เอส.ปัตตานี อ.เมือง จ.ปัตตานี ดร.มะรอนิง สะแลมิง และ ว่าที่ร้อยตรีเลิศเกียรติ วงศ์โพธิพันธ์ รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พร้อมด้วยคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส ผู้นำศาสนา และครูสอนศาสนาโรงเรียนตาดีกา ได้ร่วมละศีลอดในช่วงเดือนรอมฏอนกับคณะอูลามาจากประเทศอินโดนีเซีย
ดร.มะรอนิง กล่าวว่า การที่คณะอูลามาจากอินโดนีเซียเดินทางลงพื้นที่ จุดประสงค์หลักคือการนำละหมาดตอระเวียะห์ให้กับพี่น้องมุสลิมในมัสยิดต่างๆ และเยี่ยมชมความสวยงามทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากนั้นยังได้ร่วมพบปะกับพี่น้องมุสลิมและมอบเครื่องอุปโภคบริโภคตามชุมชนและหมู่บ้านในพื้นที่ด้วย ซึ่ง ศอ.บต.พร้อมอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติศาสนกิจทางศาสนาของทุกศาสนิก
แกนนำครูหารือฝ่ายกองกำลังเข้มแผน รปภ.
วันอังคารที่ 30 ก.ค. ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 2 อาคารกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พล.ต.กิตติ อินทสร รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (รอง ผอ.รมน.ภาค 4 สน.) พร้อมด้วย นายบุญสม ทองศรีพราย ประธานสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เป็นประธานการประชุมร่วมระหว่างผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา และผู้บริหารสถานศึกษาในพื้นที่ กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายกองกำลัง ทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง เพื่อหารือถึงการเพิ่มมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยครูที่ปฏิบัติงานในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา หลังเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคุ้มครองครู สภ.จะแนะ จ.นราธิวาส บริเวณหน้าโรงพยาบาลจะแนะ แรงระเบิดทำให้ นางนุสยาฮาน อาแว อายุ 43 ปี และ นางนายีหะห์ ยีระ อายุ 38 ปี ครูโรงเรียนพิทักษ์วิทยากุมุง ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ เสียชีวิต และ นายอภิชาต เบ็ญจุฬามาศ อายุ 32 ปี ครูโรงเรียนเดียวกัน ได้รับบาดเจ็บสาหัส รวมทั้งตำรวจ สภ.จะแนะ อีก 2 นายด้วย
โอกาสนี้ พล.ต.กิตติ ได้มอบเงินจากกองทุนรวมน้ำใจไทยเพื่อช่วยครูผู้ประสบภัยในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้กับครอบครัวของครูที่เสียชีวิตจากเหตุระเบิดที่ อ.จะแนะ ทั้ง 2 ราย รายละ 5 หมื่นบาท
ยิงรายวันประปราย-ชาวบ้าน ดับ 1 เจ็บ 1
สำหรับสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นบ้างประปราย โดยเมื่อวันอังคารที่ 30 ก.ค.เวลา 20.30 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง นายมะรูดิง มะโระ อายุ 45 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.คลองมานิง อ.เมือง จ.ปัตตานี เสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดขณะที่นายมะรูดิงยืนอยู่หน้าบ้านเลขที่ 28 หมู่ 4 ต.คลองมานิง ซึ่งเป็นบ้านของผู้ใหญ่บ้าน เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
วันพุธที่ 31 ก.ค.เวลา 06.20 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง นายมะดารี สะมะแอ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 386 หมู่ 8 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา กระสุนถูกบริเวณแก้มขวาและชายโครง ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดขณะที่นายมะดารีกำลังกรีดยางพาราอยู่ในสวนยางบ้านเงาะกาโป หมู่ 3 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง
โรฮิงญาเครียดฮือแหกห้องกักที่สะเดา
เมื่อเวลา 16.30 น.วันพุธที่ 30 ก.ค. ได้เกิดเหตุการณ์ชาวโรฮิงญาที่ถูกกักตัวอยู่ภายในอาคารกักตัวผู้ต้องกัก สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสงขลา อ.สะเดา จ.สงขลา ลุกฮือแหกห้องขังโดยใช้ของแข็งทุบช่องลมคอนกรีตบนชั้นสองของอาคารแล้วโรยตัวหลบหนีออกจากอาคาร โดยสามารถหลบหนีไปได้ 7 คน ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถติดตามกลับมาได้ 2 คน ขณะที่ชาวโรฮิงญาที่เหลือได้พากันลงไปรวมตัวอยู่ที่ประตูห้องขังชั้นล่าง ขณะที่อีกบางส่วนพยายามพังบานประตูหน้าต่างเพื่อหนีออกไป
ทั้งนี้ ชาวโรฮิงญาที่ถูกกักตัวอยู่มีทั้งสิ้น 295 ราย
หลังเกิดเหตุ นายจำลอง ไกรดิษฐ์ นายอำเภอสะเดา ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 100 นาย พร้อมขอความร่วมมือกับผู้นำศาสนาและผู้นำท้องถิ่นใน ต.สำนักขาม อ.สะเดา ซึ่งเป็นมุสลิม เข้าไปช่วยเกลี้ยกล่อม โดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงจึงสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
เบื้องต้นมีการระบุสาเหตุว่า การลุกฮือของชาวโรฮิงญามาจากความเครียดหลังจากที่ถูกกักตัวมานานกว่า 7 เดือนโดยไม่รู้ชะตากรรมว่าจะได้รับความช่วยเหลืออย่างไร
สำหรับชาวโรฮิงญากลุ่มนี้ถูกขบวนการค้ามนุษย์บังคับคุมขังอยู่ตามแนวชายแดนไทยมาเลเซียตั้งแต่เดือน ม.ค.2556 และเจ้าหน้าที่ได้เข้าช่วยเหลือออกมา แต่ก็ต้องกักตัวไว้ เนื่องจากถือเป็นผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย แต่กักตัวมานานกว่า 7 เดือนก็ยังไม่มีความคืบหน้าว่าทางการไทยและประเทศที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการอย่าไงร จะส่งกลับเมียนมาร์หรือให้ลี้ภัยไปประเทศที่สาม
นายจำลอง กล่าวว่า ที่ผ่านมาผู้นำศาสนาอิสลามรวมทั้งองค์กรต่างๆทั้งในและต่างประเทศได้เดินทางไปให้กำลังใจชาวโรฮิงญากลุ่มนี้ด้วยความห่วงใย พร้อมกับนำเครื่องอุปโภคบริโภคไปมอบให้ และตรวจสุขภาพให้อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง
สำหรับสาเหตุที่รวมตัวลุกฮือแหกห้องขังในครั้งนี้ เกิดจากความเครียดที่ถูกกักตัวอยู่นานและสถานที่ค่อนข้างคับแคบ ซึ่งจะเร่งหาแนวทางแก้ปัญหาโดยด่วน โดยจะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางแก้ปัญหาระยะยาว เบื้องต้นอาจต้องย้ายชาวโรฮิงญาบางส่วนไปไว้ที่อื่นชั่วคราวเพื่อลดความแออัด ในระหว่างที่ยังรอความชัดเจนในระดับประเทศว่าจะดำเนินการช่วยเหลือชาวโรฮิงญาเหล่านี้อย่างไร
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : นายบุญสม ทองศรีพลาย (ซ้าย) ประธานสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมประชุมวางมาตรการ รปภ.ครู กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายกองกำลัง ที่ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี (ภาพโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)