รัฐประสานเสียงโต้ข้อหาละเมิดหยุดยิง ชี้ BRN จ้องดิสเครดิต
"ภราดร" โต้ "บีอาร์เอ็น" หลังประท้วงไทยทำผิดข้อตกลงหยุดยิง ยันปฏิบัติตามสัญญาทุกอย่าง สงสัยคุมกองกำลังติดอาวุธไม่ได้เลยร้อนตัวชิงกล่าวหาไทยก่อน สั่ง "คณะทำงานตรวจสอบเหตุรุนแรง" เร่งหาสาเหตุทุกกรณี โฆษก กอ.รมน.ชี้เป็นแผนดิสเครดิตของขบวนการ ส่วนปม "อ.สะเดา" โผล่เป็นพื้นที่หยุดยิงชัดแล้วไทยไมได้ประท้วง เผย "ซัมซามิน" ฉุนโดนกล่าวหาเป็นคนใส่ชื่อ "อำเภอที่ 5" ด้านสถานการณ์ชายแดนใต้ยังระอุรายวัน ดักยิงอดีตผู้ใหญ่บ้านดับพร้อมภรรยา
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะหัวหน้าคณะพูดคุยสันติภาพฝ่ายไทย กล่าวกับ "ทีมข่าวอิศรา" เมื่อวันเสาร์ที่ 20 ก.ค.2556 ว่า ได้รับอีเมล์จาก ดาโต๊ะ สรี อาห์มัด ซัมซามิน ฮาซิม อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองมาเลเซีย ในฐานะผู้อำนวยความสะดวกการพูดคุยสันติภาพระหว่างรัฐบาลไทยกับกลุ่มบีอาร์เอ็นเพื่อแก้ไขปัญหาขัดแย้งและความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เรื่องที่บีอาร์เอ็นประท้วงไทยทำผิดข้อตกลงยุติเหตุรุนแรงช่วงเดือนรอมฎอนแล้ว แต่ยังไม่ได้รับเอกสารอย่างเป็นทางการ
โดยหลังจากนี้จะมอบหมายให้คณะทำงานส่งเสริมสันติภาพในช่วงเดือนรอมฎอนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบสาเหตุของเหตุรุนแรงทุกเหตุการณ์ ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จัดตั้งขึ้น เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดว่าเป็นอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากข้อมูลที่ได้รับ มีการระบุหรือไม่ว่าเหตุการณ์ใดที่ถือว่าฝ่ายไทยละเมิดข้อตกลง พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจน แต่เป็นการกล่าวถึงรวมๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในห้วง 10 วันแรกของเดือนรอมฎอน และกล่าวหาว่าฝ่ายไทยเป็นผู้เริ่มก่อเหตุรุนแรงบางเหตุ จากนั้นก็มีการใช้ความรุนแรงตอบโต้กัน
"แต่เบื้องต้นเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร ข้อตกลงยังเป็นเหมือนเดิมทุกอย่าง ไม่ได้เลิกล้มความตั้งใจที่จะทำให้เดือนรอมฎอนปลอดเหตุรุนแรง เพียงแต่เขาได้แสดงความเป็นห่วงว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นแล้วปล่อยเอาไว้จะมีการก่อเหตุรุนแรงตอบโต้กันไปมาไม่สิ้นสุด" เลขาธิการ สมช.ระบุ และว่า คณะทำงานตรวจสอบเหตุรุนแรงชุดที่มี พล.ต.ชรินทร์ อมรแก้ว เสนาธิการกองทัพภาคที่ 4 (เสธ.ทภ.4) เป็นประธาน จะต้องเข้าไปตรวจสอบว่าเหตุการณ์ความรุนแรงในช่วงที่ผ่านมามีสาเหตุจากอะไร เพราะหลายเหตุการณ์ไม่เกี่ยวข้องกับการก่อความไม่สงบ หลายกรณีเป็นเรื่องธุรกิจ เป็นเรื่องส่วนตัว ดังนั้นจึงต้องให้เวลาในการตรวจสอบก่อน
ยันไทยทำตามสัญญา-ไม่ละเมิดข้อตกลง
ต่อข้อถามว่า แต่บีอาร์เอ็นประท้วงมาแล้วจะชี้แจงอย่างไร พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ได้ยืนยันจุดยืนของทางการไทยว่าจะดำเนินการทั้งมาตรเชิงรุกและเชิงรับในช่วง 40 วันตามที่ตกลงกัน หากผู้ก่อความไม่สงบคนใดมีหมายจับตาม ป.วิอาญา (ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา) เราก็ต้องดำเนินการ เพราะหากเราไม่ดำเนินการ เราก็จะมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
"หากผู้ก่อความไม่สงบคนใดรู้สึกไม่ปลอดภัยก็ให้มอบตัวกับเจ้าหน้าที่รัฐ และเราสัญญาว่าจะดูแลเรื่องคดีอย่างดี ซึ่งเราก็ทำให้เห็นแล้วในหลายกรณี"
เมื่อซักว่า ในห้วง 10 วันแรกของเดือนรอมฎอน ฝ่ายความมั่นคงมีมาตรการเชิงรุก ทำให้บีอาร์เอ็นไม่พอใจใช่หรือไม่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ใช่ อาจจะอยู่ในอาการหวาดระแวง แต่ยืนยันว่าได้สัญญากันแล้วก็ทำตามสัญญา เราไม่ได้รุกเข้าไปมาก
สงสัยชิงปฏิบัติการข่าวสาร – ร้อนตัวคุมกองกำลังไม่ได้
เมื่อซักอีกว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า ฝายผู้ก่อความไม่สงบเป็นผู้ก่อเหตุขึ้นเอง จากนั้นก็ปล่อยข่าวป้ายสีเจ้าหน้าที่รัฐ และบีอาร์เอ็นก็ฉวยจังหวะประท้วงเพื่อดิสเครดิตไทย พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ในส่วนนี้ก็มีบ้าง อย่างที่บอกว่าบีอาร์เอ็นระแวงเรามาก
นอกจากนั้น พล.ท.ภราดร ยังให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมกับผู้สื่อข่าวอีกหลายสำนัก ตั้งข้อสังเกตว่า ทางกลุ่มบีอาร์เอ็นอาจจะกังวลใจว่าไทยจะบอกว่าปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นเกิดจากกลุ่มบีอาร์เอ็น ทำให้บีอาร์เอ็นช่วงชิงปฏิบัติการข่าวสารเสียก่อน ทั้งนี้ ฝ่ายไทยจะไม่ทำหนังสือชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นไปยังกลุ่มบีอาร์เอ็น เพียงแต่สื่อสารไปยังผู้อำนวยความสะดวกในเรื่องข้อเท็จจริงว่าไทยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่ได้เป็นผู้ริเริ่มเหตุการณ์ความรุนแรงตามที่กลุ่มบีอาร์เอ็นกล่าวหา
"ผมคิดว่าบีอาร์เอ็นอาจจะมีข้อกังวลใจจึงต้องรีบโยนโจทย์กลับมายังฝ่ายไทย แสดงว่ากลุ่มบีอาร์เอ็นอาจจะมีปัญหาในเรื่องการควบคุมกำลังทหารของเขา จึงได้พยายามร้อนตัวดักทางเสียก่อนว่าปัญหาเกิดจากฝ่ายไทย"
ไม่จำเป็นต้องประท้วงปม"สะเดา" – แฉ"ซัมซามิน"ฉุนโดนหางเลข
พล.ท.ภราดร ยังตอบข้อถามของ "ทีมข่าวอิศรา" ถึงกรณีมีชื่อ อ.สะเดา จ.สงขลา ถูกผนวกรวมเป็นพื้นที่ยุติเหตุรุนแรงและปฏิบัติการทางทหารช่วงเดือนรอมฎอน ทั้งๆ ที่ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบเหมือนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ฝ่ายไทยได้ทำหนังสือประท้วงกลับไปหรือยัง ว่า ไม่จำเป็นต้องประท้วง แค่ฝ่ายเราทำความเข้าใจผ่านสื่อสาธารณะก็พอแล้ว เพราะมีผู้รับผิดชอบหลายรายออกมาพูดชัดเจน เช่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)
มีรายงานจากหนึ่งในคณะพูดคุยสันติภาพว่า ดาโต๊ะซัมซามิน ได้ส่งอีเมล์ถึงคณะพูดคุย ขอให้แก้ข่าวที่หนังสือพิมพ์บางฉบับเสนอโดยอ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงบางหน่วยว่าเป็นคนใส่ชื่อ อ.สะเดา เข้าไปในคำแถลงยุติเหตุรุนแรงช่วงรอมฎอน โดย ดาโต๊ะซัมมามิน บอกว่ารู้สึกไม่พอใจอย่างมากเพราะไม่เป็นความจริง
กอ.รมน.ชี้กลุ่มป่วนใต้โยนบาปเจ้าหน้าที่ - จ้องดิสเครดิต
ด้าน พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นขั้นตอนและวิธีการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบอยู่แล้ว เห็นได้จากก่อนหน้านี้เริ่มมีการนำป้ายผ้าระบุข้อความหลายภาษามีนัยยะโจมตีเจ้าหน้าที่ไปติดตามสถานที่ต่างๆ ตั้งแต่ก่อนเข้าสู่เดือนรอมฎอน ต่อมาก็มีการสังหารคนที่เคยเป็นผู้ร่วมขบวนการก่อความไม่สงบ โดยระบุว่าเจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้กระทำ แล้วก็ปฏิบัติการรุนแรงตอบโต้ อ้างว่าฝ่ายไทยเป็นผู้เริ่มก่อน ซึ่งขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไม่เคยลงมือกระทำก่อน
ขณะที่ พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) กล่าวว่า ในกรณีลอบทำร้ายประชาชน จากการตรวจสอบในขั้นต้นได้รับการยืนยันจากผู้นำท้องถิ่นส่วนใหญ่พบว่าเป็นความขัดแย้งส่วนตัว และมาจากปัญหายาเสพติด
สำหรับบางกรณีซึ่งมีการกล่าวหาว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ เช่น กรณียิง นายมะยาหะลี อาลี ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และเป็นอุสตาซที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลานั้น จากการตรวจสอบพบว่า นายมะยาหะลี เคยเป็นแนวร่วมก่อความไม่สงบ และได้เข้ารายงานตัวอบรมตามโครงการประชาร่วมใจทำความดีเพื่อแผ่นดิน หลังจากนั้นได้ให้ความร่วมมือช่วยเหลือทางราชการด้วยดีเสมอมา จนมาถูกลอบยิงเสียชีวิตดังกล่าว แล้วก็มีการโยนความผิดว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือ พร้อมสร้างความหวาดระแวงและหวาดกลัว
ส่วนเหตุการณ์วิสามัญฆาตกรรม นายมะสุเพียน มามะ เมื่อวันศุกร์ที่ 19 ก.ค.2556 ที่ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส โดยนายมะสุเพียนเป็นผู้ต้องสงสัยคดีลอบวางระเบิดผู้ทหารชุดสันติสุขมวลชนสัมพันธ์ที่ 404 อ.เจาะไอร้อง เมื่อวันพุธที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา จนมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 2 นายนั้น พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวว่า เป็นการติดตามจับกุมผู้ต้องสงสัยตามปกติ โดยเจ้าหน้าที่ได้แสดงตนก่อนจับกุมแล้ว แต่นายมะสุเพียนขัดขืนและใช้อาวุธปืนพกยิงใส่เจ้าหน้าที่ก่อนเพื่อเปิดทางหลบหนี ทำให้เกิดการยิงปะทะทำให้นายมะสุเพียนเสียชีวิต
"ขอแสดงความเสียใจกับญาติของผู้เสียชีวิต และขอชี้แจงว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่เป็นการปฏิบัติเฉพาะหน้าตามแผนเผชิญเหตุ โดยได้ยึดถือปฏิบัติภายใต้กรอบของกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชนทุกประการ" พ.อ.ปราโมทย์ ระบุ
ยิงอดีตผู้ใหญ่บ้านดับพร้อมภรรยา
ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 07.20 น.วันเดียวกัน พ.ต.อ.มานะ นาคทั่ง ผู้กำกับการ สภ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิต 2 รายบนถนนทางเข้าหมู่บ้าน หมูู่ 3 บ้านดูซงปาแย ต.ตอหลัง อ.ยะหริ่ง จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ทั้งนี้ ในที่เกิดเหตุเป็นถนนสายเปลี่ยว พบศพชายหญิงบนถนน มีรถจักรยานยนต์ล้มตะแคงอยู่ข้างๆ ศพ 1 คัน ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนลูกซองรวม 4 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือ นายมะแอ เจ๊ะมะ อายุ 45 ปี และ นางอามีเน๊าะ กามา อายุ 40 ปี ทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน อยู่บ้านเลขที่ 73 หมู่ 6 ต.บ้านนอก อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองเข้าที่ศีรษะและลำตัวหลายนัด
จากการสอบสวนทราบว่า นายมะแอเป็นอดีตผู้ใหญ่บ้าน และเคยถูกลอบยิงมาแล้ว ก่อนเกิดเหตุทั้งคู่ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านเพื่อไปกรีดยางพารา แต่ระหว่างทางมีคนร้ายไม่ทราบจำนวนดักซุ่มรออยู่ เมื่อสบโอกาสได้ใช้อาวุธปืนลูกซองยิงใส่จนเสียชีวิต จากนั้นได้หลบหนีไป ส่วนชนวนสังหารเจ้าหน้าที่ตั้งไว้ 2 ประเด็น คือ ความขัดแย้งเรื่องการเมืองท้องถิ่น กับการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : เจ้าหน้าที่เข้าตรวจจุดเกิดเหตุคนร้ายยิงสองสามีภรรยาเสียชีวิตคาถนนในท้องที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี
หมายเหตุ : ใช้เทคนิคพรางภาพโดยฝ่ายศิลป์ ทีมข่าวอิศรา