ผู้การปัตตานี...ใต้ป่วนเพราะส่วนตัวกับผลประโยชน์!
พล.ต.ต.พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐพันธุ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี (ผบก.ภ.จว.ปัตตานี) อรรถาธิบายถึงเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ช่วงปลายเดือน ก.ค.ต่อเนื่องถึงต้นเดือน ส.ค.2555 ซึ่งเป็นช่วงเดือนรอมฎอน ในวงเสวนาเล็กๆ ที่พรรคประชาธิปัตย์จัดขึ้นที่ ม.อ.ปัตตานี เมื่อสายๆ วันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.พิเชษฐ์ เป็นนายตำรวจมุสลิม บ้านเกิดอยู่ที่ อ.มายอ จ.ปัตตานี จึงนับเป็นคนพื้นที่แท้ๆ ภาษาถิ่นเรียก "ลูกที่" ทั้งยังนั่งเก้าอี้ผู้การปัตตานีมาตั้งแต่ ก.ย.2552 ฉะนั้นมุมมองของเขาเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่นี้จึงนับว่าน่าสนใจ ทั้งในภาพรวมสถานการณ์ชายแดนใต้ เบื้องหลังของแต่ละเหตุการณ์ และมูลเหตุโหมไฟความรุนแรงในทัศนะของเขา
"จริงๆ เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นในปัตตานีมีน้อยกว่าอีก 2 จังหวัดมากเลย เพิ่งมีเหตุใหญ่ระยะหลังนี้เอง คือยิงทหาร 4 ศพ (วันเสาร์ที่ 28 ก.ค.) ส่วนคาร์บอมบ์ที่โรงแรมซี.เอส.ปัตตานี (31 ก.ค.) ก็เคยเกิดมาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อปี 2551 จับผู้ต้องหาได้ 2 คน
คดีที่เกิดมากจริงๆ คือคดียิง โดยเฉพาะในเดือนรอมฎอน คนร้ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมายิงตอนกลางคืน เพราะทุกคนต้องตื่นมาทานข้าว อยู่จนดึก ตี 5 นอน แล้วออกไปปฏิบัติภารกิจตอนเย็นและค่ำ
แต่เหตุยิงก็มีเรื่องส่วนตัวเยอะ โดยใช้กองกำลังที่ก่อเหตุอยู่ทุกวันด้วยการจ้างยิง มีความขัดแย้งระหว่างกำนันผู้ใหญ่บ้านหรือนักการเมืองท้องถิ่นก็จ้างยิง เพราะในพื้นที่รู้จักกันหมด พอยิงปั๊บ ตำรวจตรวจปลอกกระสุน พบยิงมา 10 ครั้ง เป็นเรื่องความมั่นคง ฉะนั้นมันแยกไม่ออก
ยาเสพติดก็เหมือนกัน ขัดแย้งกันก็จ้างยิงอีก ตรวจปลอกกระสุนก็เคยก่อคดีความมั่นคงมาแล้ว มันแยกไม่ออก
ที่ อ.แม่ลาน กับ ต.ควนโนรี อ.โคกโพธิ์ (ทั้งสองอำเภออยู่ใน จ.ปัตตานี) วันหนึ่งพี่น้องไทยพุทธถูกยิง 2 ศพช่วง 2 ทุ่มกว่าที่แม่ลาน เจอของกลางเป็นปลอกกระสุนลูกซองและอาก้า 4 ปลอก ต่อจากนั้นอีก 2 วันในเขตหมู่บ้าน ยิงร้านน้ำชาของพี่น้องมุสลิมที่ควนโนรี คนแก่เสียชีวิต 2 ศพ บาดเจ็บ 4 คนร้ายใช้อาก้ากราดยิง พอถัดอีกวันก็ปาระเบิดร้านน้ำชาไทยพุทธที่แม่ลาน ส่วนที่ อ.ปะนาเระก็เหมือนกัน (อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เป็นพื้นที่ที่เกิดเหตุยิงรายวันบ่อยครั้ง) เชื่อว่าเป็นเหตุส่วนตัว เพียงแต่ไม่รู้ว่าอะไร
ตอนนี้ทุกคดีคนอยากให้ตำรวจสรุปว่าเป็นคดีความมั่นคง ไม่อยากให้บอกว่าเป็นเหตุส่วนตัว เพราะจะได้รับเงินเยียวยา 5 แสนบาท ถ้าตำรวจสรุปว่าส่วนตัวจะไม่ได้รับเงินเยียวยา การลงนามรับรอง 3 ฝ่าย (รองรับว่าเป็นเหตุการณ์ความมั่นคง ต้องลงนามร่วมกันทั้งฝ่ายตำรวจ ทหาร และปกครอง) ยากที่สุด บางคดีใช้เวลาเป็นปีๆ บางคดีทนไม่ไหวก็ต้องลงว่าเป็นความมั่นคง เพราะผู้เสียหายไม่ยอม ทั้งๆ ที่เรารู้ว่าไม่ใช่
นี่คือสาเหตุที่เราไม่สามารถแยกได้ว่าคดีนี้เป็นคดีความมั่นคง คดีนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ทุกอย่างเขาอยากให้เป็นเรื่องความมั่นคงหมดเลย ถ้าไม่ยอมเซ็นเขาก็ด่าผมทุกวัน หลักฐานมีเขาก็ไม่บอก ถ้าบอกเขาก็ไม่ได้เงิน
ยาเสพติด เรื่องส่วนตัวจ้างยิงทั้งนั้น ความขัดแย้งในปัตตานีสูงมาก กำนันผู้ใหญ่บ้าน การเมืองท้องถิ่นก็เลี้ยงพวกนี้ไว้ (หมายถึงเลี้ยงกลุ่มติดอาวุธ) ทุกคนรู้จักว่าใครเป็นโจรในพื้นที่ ส่วนเรื่องระเบิดเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องความมั่นคงแน่นอน
อย่างเหตุการณ์ยิงทหาร 4 ศพที่มายอ การข่าวรู้ล่วงหน้า แต่ไม่รู้จุด เรารู้ว่าจะต้องเกิดเหตุตั้งแต่เขาปล้นรถบรรทุกไก่ด้วยการปลอมเป็นทหารแล้วเรียกตรวจ จากนั้นก็ยิงตายคนส่งไก่ตายแล้วชิงรถไป (เหตุเกิดเมื่อ 25 มิ.ย.2555 ที่ ต.ปล่องหอย อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี) และรถคันนี้ก็ใช้เป็นพาหนะในการยิงทหารที่มายอ
คดียิงทหารเราจับคนชี้เป้าได้แล้ว พี่ชายของคนนี้ก็ถูกจับเมื่อปี 2551 ทั้งหมดที่ปรากฏในคลิปวีดีโอที่บันทึกได้จากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด เรามีชื่อและภาพถ่ายในสารบบทุกคน รถกระบะคันแรก (จาก 3 คันที่ก่อเหตุ) กลุ่มคนที่มาในรถเป็นกลุ่มปล่องหอย (ต.ปล่องหอย อ.กะพ้อ) เคยก่อเหตุยิงกำนันเตราะบอน อ.สายบุรี (จ.ปัตตานี)
คดีนี้โชคดีที่เราจับภาพได้ ถ้าเป็นพยานบุคคลบอกได้เลยว่าเขาไม่ช่วย เขาบอกผมได้ว่าใครเป็นคนทำ แต่เวลาสอบสวนเขาไม่เอา เพราะสอบแล้วต้องขึ้นศาล เมื่อขึ้นศาลก็ต้องเผชิญหน้ากับคนร้าย กลับบ้านก็ตาย แม้เราจะมีมาตรการคุ้มครองพยานแต่ก็ยาก เพราะต้องย้ายออกจากพื้นที่ วิถีชีวิตต่างกัน ที่สำคัญเขากลับพื้นที่เมื่อไหร่ก็ตายทุกราย
ในทางการสืบสวนเรารู้หมด แต่ถ้าให้สอบปากคำเป็นพยานเขาไม่เอา ทำให้คดีถูกศาลยกฟ้อง ปัญหาอยู่ตรงนี้ เคยเสนอศาลไปว่าต้องทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดการเผชิญหน้าบนศาล แต่ทางศาลบอกไม่ได้ มันเป็นระเบียบของศาลฎีกา จริงๆ แล้วถ้าพยานไม่ต้องเผชิญหน้ากับผู้ต้องหา จะจับคนร้ายได้อีกเยอะ
สำหรับเหตุระเบิดที่โรงแรมซี.เอส.ปัตตานี ยอมรับว่าเป็นเป้าหมายที่คาดไม่ถึงจริงๆ วันนั้นเป็นวันที่ผู้ว่าฯเชิญพี่น้องประชาชนไปที่จวน รถเข้ามาเยอะมาก และเผอิญกล้องวงจรปิดที่โรงแรมเสียด้วย ถือเป็นความบังเอิญ และคนร้ายอาศัยจังหวะคนเยอะ
กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุเรารู้ตัวแล้ว เคยก่อเหตุระเบิด 30 กว่าจุดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และวิสามัญฯได้ที่บาราเฮาะ (อ.เมืองปัตตานี) จับได้ 1 คน ตามไปค้นบ้านเจอวัตถุระเบิดต่างๆ ประกอบไว้แล้ว 6 ชุดด้วยกัน ใช้เครื่องวิทยุมือถือจุดชนวน
พื้นที่ตรงนี้ต้องสร้างความเข้าใจให้มากๆ เพราะต้นเหตุเป็นเรื่องความรู้สึกของประชาชนซึ่งแก้ยาก ต้องใช้ความเข้าใจ และใช้กฎหมายให้เป็นประโยชน์จริงๆ ต้องจับตามกฎหมาย ดำเนินคดีตามกฎหมาย ต้องฟ้อง ป.วิอาญา (ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา) ให้ได้ เพราะถ้าจับตาม พ.ร.ก. (พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) เขาไม่กลัว จับไป 10 วันก็ต้องปล่อย แต่ถ้า ป.วิอาญา เขาลำบาก ต้องประกันตัว ต้องถูกควบคุมตัว ฉะนั้นต้องใช้ ป.วิอาญา ต้องมีหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์รองรับสนับสนุน
สถานการณ์ในภาพรวมจะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ มีเหตุรุนแรงเป็นช่วงๆ ชาวบ้านส่วนใหญ่เข้าใจ เราต้องกดดันไอ้พวกนี้ (หมายถึงกลุ่มติดอาวุธ) เขาขยายขึ้นมาไม่รู้ว่าเป็นใคร คนมีชื่อเก่าๆ มันหายไปหมดแล้ว หายอย่างไรก็ไม่ทราบ นี่เกิดขึ้นใหม่ เราไม่ทราบว่าเป็นใคร
ส่วนเรื่องเผาโรงเรียน (เพิ่งเกิดเหตุเผาโรงเรียนบ้านกูวิง หมู่ 1 ต.สาคอใต้ อ.มายอ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 1 ส.ค. หลังเหตุคาร์บอมบ์โรงแรมซี.เอส.ปัตตานี และเหตุยิงทหาร 4 ศพที่มายอ) มีข้อสังเกตก็คือเผาแต่ตึกเก่าๆ เท่านั้น ตึกใหม่ๆ ไม่เคยเผา พอเผาแล้วก็สร้างใหม่ เหมือนกันหมดทุกท้องถิ่น คิดเอาเองก็แล้วกันว่าเรื่องอะไร"
----------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : พล.ต.ต.พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐพันธุ์
หมายเหตุ : ภาพจากแฟ้มภาพอิศรา (โดย แวลีเมาะ ปูซู)
อ่านประกอบ :
1 รู้จัก"ผู้การปัตตานี"คนใหม่...นายพลตำรวจมุสลิมกับไอเดียความยุติธรรมเริ่มที่โรงพัก
http://south.isranews.org/cms/index.php?option=com_content&task=view&id=4873&Itemid=86
2 ผู้การปัตตานียัน 8 เดือนผลงานเพียบ แจงปม "ส่วย-อบายมุข" ที่อื่นหนักกว่าเยอะ!
http://www.isranews.org/south-news/special-talk/53-2009-11-15-11-15-38/2125-8.html