โพลล์คนชายแดนใต้อยากได้ "หยุดยิง" หลังคุยสันติภาพ
ชัยชนะจากสนามเลือกตั้งของพรรคร่วมรัฐบาลมาเลเซียที่นำโดย นายนาจิบ ราซัก นายกรัฐมนตรี ส่งผลให้กระบวนการพูดคุยสันติภาพระหว่างรัฐบาลไทยกับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ นำโดยบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นแกนนำขบวนการบีอาร์เอ็น ซึ่งมีมาเลเซียเป็น "ผู้อำนวยความสะดวก" นั้น มีโอกาสสูงที่จะเดินหน้าต่อไป
อย่างน้อยๆ วันที่ 13 มิ.ย.2556 ก็น่าจะมีการพูดคุยอย่างเป็นทางการครั้งที่ 3 ตามนัด...
ทว่าอุปสรรคของการพูดคุยดูจะเกิดจาก "ปัญหาภายใน" ของประเทศไทยเอง โดยเฉพาะกระแสกดดันจากหลายๆ ฝ่ายให้ทบทวน "วิธีการ" พูดคุยสันติภาพที่รัฐบาลโดยสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กำลังดำเนินการอยู่ เพราะเห็นว่ากำลังเพลี่ยงพล้ำจากการพูดคุยแบบ "เปิดเผย-บนโต๊ะ" จนทำให้ฝ่ายบีอาร์เอ็นที่ร่วมโต๊ะพูดคุยด้วย ชิงจังหวะแถลงข้อเรียกร้องอันแข็งกร้าว 5 ข้อผ่านเว็บไซต์ยูทิวบ์ ก่อนถึงวันนัดพูดคุยครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา
เป็น 5 ข้อเรียกร้องที่ฝ่ายความมั่นคงไทยโดยเฉพาะ "กองทัพ" ยืนกรานว่ายอมรับไม่ได้ โดยเฉพาะข้อที่ให้ยกเลิกหมายจับและปล่อยตัวนักโทษทั้งหมด ซึ่งหมายถึงหมายจับและนักโทษคดีความมั่นคงจากการต่อสู้กับรัฐไทยมาตลอดหลายสิบปีนั่นเอง
ฝ่ายบีอาร์เอ็นอ้างว่าเป็นข้อเรียกร้องที่ได้รับฟังมาจากประชาชนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมทั้งยื่นคำขาดว่าหากรัฐบาลไทยไม่ทำตามนี้ทั้งหมด ก็ไม่ต้องพูดคุยกันเรื่องอื่นๆ โดยเฉพาะเรื่อง "ลดความรุนแรง" ที่ฝ่ายรัฐบาลไทยร้องขอมาตลอด และไม่ปรากฏในข้อเรียกร้อง คำแถลง หรือท่าทีของฝ่ายบีอาร์เอ็นอย่างชัดเจนแต่ประการใด
ถือเป็นการ "เปิดเกมรุก" ที่ทำเอาคณะผู้แทนพูดคุยสันติภาพฝ่ายไทยมึนไปเหมือนกัน
ล่าสุดได้มีความเคลื่อนไหวจาก พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการ สมช. ประสานไปยังสถาบันพระปกเกล้า ให้ช่วยเปิดเวทีรับฟังเสียงประชาชนในพื้นที่ นัยว่าเพื่อค้นหาความต้องการที่แท้จริงจากประชาชน จะได้นำไปยันกับฝ่ายบีอาร์เอ็นบนโต๊ะพูดคุยครั้งต่อไป
อย่างไรก็ดี ไม่แน่ชัดว่าทางสถาบันพระปกเกล้าตอบรับดำเนินการให้หรือไม่ แต่เมื่อเร็วๆ นี้มีผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ จ.ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส กับ 4 อำเภอของ จ.สงขลา คือ อ.จะนะ เทพา สะบ้าย้อย และนาทวี ซึ่งจัดทำโดยสถาบันอุดมศึกษาในพื้นที่ร่วมกับองค์กรภาคประชาสังคม เพื่อตอบโจทย์การพูดคุยสันติภาพที่ประชาชนอยากเห็น
การสำรวจดังกล่าวมีลักษณะคล้ายการทำโพลล์ มีกลุ่มตัวอย่างเป็นประชาชนจากทุกตำบล หมู่บ้าน จำนวน 1,813 คน สำรวจกันไปเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมานี้เอง
ผลสำรวจที่ออกมานับว่าน่าสนใจ เพราะประเด็นในการพูดคุยสันติภาพที่ประชาชนชายแดนใต้อยากเห็นมากที่สุด คือ การหยุดยิง ร้อยละ 25 รองลงมาคือ ถอนทหาร ร้อยละ 13 การพัฒนาพื้นที่ด้านต่างๆ ร้อยละ 11.1 แก้ปัญหายาเสพติด ร้อยละ 8.6 เลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ร้อยละ 7.6 อยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม ร้อยละ 6.4 เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากความรุนแรง ร้อยละ 5.4
ส่วนประเด็นที่คล้ายกับข้อเรียกร้องของแกนนำบีอาร์เอ็น คือการนิรโทษกรรมนั้น ประชาชนพูดถึงเพียงร้อยละ 4.5 หรือมากเป็นอันดับ 8 ขณะที่เรื่อง "เขตปกครองพิเศษ" ที่หลายคนเชื่อว่าจะเป็นบทสรุปเพื่อยุติปัญหาชายแดนใต้ ประชาชนให้ความสนใจในอันดับ 11 หรือร้อยละ 2.5 ตามด้วยปล่อยตัวนักโทษ ร้อยละ 2.4 ลงประชามติอนาคตปัตตานี หรือ Self-determination ร้อยละ 1.8 ยกเลิกบัญชีดำ ร้อยละ 1.5 และใช้ภาษามลายูเป็นภาษาราชการ ร้อยละ 1.3
สองอันดับที่ข้ามไป คืออันดับที่ 9 กับ 10 ได้แก่ ยอมรับบทบาทภาคประชาสังคม ร้อยละ 4.1 และยอมรับประวัติศาสตร์ปัตตานี ร้อยละ 2.6
ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนชายแดนใต้ในประเด็นทั่วไปที่ไม่ได้ยึดโยงกับกระบวนการพูดคุยสันติภาพ ก็ปรากฏผลคล้ายคลึงกัน ดังนี้
อันดับ 1 หยุดยิง ยุติความรุนแรง ร้อยละ 51.6
อันดับ 2 การพัฒนาด้านต่างๆ ร้อยละ 17.31
อันดับ 3 ถอนทหารออกจากพื้นที่ ร้อยละ 9.4
อันดับ 4 นิรโทษกรรม ร้อยละ 3.4
อันดับ 5 ยกเลิกบัญชีดำ ร้อยละ 3.0
อันดับ 6 ยอมรับประวัติศาสตร์ปัตตานี ร้อยละ 2.3
อันดับ 7 อยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม ร้อยละ 2.2
อันดับ 8 นำตัวผู้กระทำผิดทุกกลุ่มมาลงโทษ และเยียวยา ร้อยละ 1.7 เท่ากัน
อันดับ 9 ยอมรับบทบาทภาคประชาสังคม ร้อยละ 1.3
อันดับ 10 ทำประชามติกำหนดอนาคตตนเอง ร้อยละ 0.9
อันดับ 11 ใช้ภาษามลายูเป็นภาษาราชการ ร้อยละ 0.6
อันดับ 12 แก้ปัญหายาเสพติด และตั้งเขตปกครองพิเศษ ร้อยละ 0.5 เท่ากัน
นายประสิทธิ์ เมฆสุวรรณ ประธานสภาประชาสังคมชายแดนใต้ กล่าวว่า สาเหตุที่ร่วมกันทำการสำรวจนี้ขึ้นมา ก็เพราะว่าฝ่ายต่อต้านรัฐได้อ้างประชาชน ขณะที่ฝ่ายรัฐเองก็อ้างประชาชน ทำให้รู้สึกว่าไม่มีความชัดเจนว่าประชาชนจริงๆ ต้องการอะไร จึงใช้เครื่องมือในการทำเวทีและสำรวจความคิดเห็นในลักษณะสะท้อนเสียงของประชาชนที่แท้จริง
"อย่างเรื่องรูปแบบการปกครองแบบพิเศษ เมื่อสำรวจแล้วทำให้เรารู้ว่ารูปแบบ ศอ.บต. (ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้) อย่างในปัจจุบันเป็นรูปแบบที่ชาวบ้านพอใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าชาวบ้านนิยมชมชอบ ศอ.บต.ในแง่ของการเป็นองค์กร แต่นัยยะหมายถึงวิธีการหรือรูปแบบการทำงานของ ศอ.บต.ที่สามารถสนองตอบความต้องการของชาวบ้านได้ ทรัพยากรถึงมือประชาชนอย่างรวดเร็ว และเรียกร้องความยุติธรรมได้ รวมทั้งประชาชนมีส่วนร่วมมาก เป็นรูปแบบที่ประชาชนต้องการ ไม่ใช่รูปแบบอื่นที่บางฝ่ายพยายามเสนอหรือพูดกัน"
"สิ่งที่ชาวบ้านเสนอคือ ศอ.บต.ในแง่ของความหมาย เพราะองค์กร ศอ.บต.ปัจจุบันอาจจะไม่ได้สมบูรณ์ แต่ชาวบ้านต้องการในความหมายอย่างนี้ คือทำให้ระบบราชการสั้นลง เข้าถึงความยุติธรรมได้เร็ว สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ และมีส่วนร่วมได้มาก ทำให้ประชาชนมีความหวัง ส่วนเรื่องของการปกครองแบบพิเศษที่นำไปสู่เขตปกครองพิเศษหรือเอกราชนั้น อยู่ท้ายๆ ไม่ถึง 1% ด้วยซ้ำ จึงอยากบอกว่าทุกฝ่ายที่อ้างประชาชนต้องคิดใหม่ เพราะหากดำเนินการโดยไม่สอดคล้องกับที่ประชาชนต้องการ ทุกอย่างก็เดินต่อไม่ได้"
เป็นเสียงเตือนจาก ประสิทธิ์ เมฆสุวรรณ ที่ฝากไปยังฝ่ายขบวนการ รัฐไทย และภาคประชาสังคมด้วยกันเอง!
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : ประสิทธิ์ เมฆสุวรรณ
หมายเหตุ : ภาพจากแฟ้มภาพอิศรา