ตายูดิน : คุยบีอาร์เอ็นเดินหน้าเมื่อ "นาจิบ" คว้าชัย จี้รัฐยื่นเงื่อนไขหยุดยิง!
การเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 13 ของมาเลเซียเพิ่งจะผ่านพ้นไป มีหลายสิ่งหลายอย่างควรค่าแก่การบันทึกเอาไว้ นอกเหนือจากการได้รับชัยชนะอีกครั้งหนึ่งของพรรคร่วมรัฐบาลที่มีพรรคแกนนำคือ "อัมโน"
เช่น เป็นการเลือกตั้งที่มีประชาชนแห่ออกมาใช้สิทธิมากเป็นประวัติการณ์ เป็นการเลือกตั้งที่แม้พรรคร่วมฝ่ายค้านจะพ่ายแพ้ (ด้วยจำนวนที่นั่งในสภา 133 ต่อ 89) แต่กลับได้คะแนน "ป๊อปปูลาร์ โหวต" (popular vote คะแนนรวมทุกเขต) สูงกว่ารัฐบาลตรงตามผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน หรือ "โพลล์" ที่สำรวจกันไม่กี่วันก่อนหน้าการหย่อนบัตร เป็นต้น
การที่พรรคฝ่ายค้านพ่ายแพ้แบบค้านสายตาและค้านผลโพลล์ ทำให้มีการนัดชุมนุมใหญ่ประท้วงผลเลือกตั้ง ส่งผลให้การเมืองมาเลเซียยังไม่มีอะไรแน่นอน รวมทั้งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ นายนาจิบ ราซัก ที่แม้จะเร่งทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งทันทีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งรับรองผล ทว่าก็ต้องเผชิญกับแรงกดดันภายในพรรคที่อาจทำให้หลุดจากเก้าอี้ได้ทุกเมื่อ เพราะนำพรรคชนะเลือกตั้งด้วยผลคะแนนที่ย่ำแย่กว่าครั้งที่แล้ว เปิดช่องให้ฝ่ายค้านเบียดแทรกเพิ่มที่นั่งในสภาได้อีกถึง 7 ที่นั่ง
เมื่ออนาคตทางการเมืองของ นายนาจิบ ยังแขวนอยู่บนเส้นด้าย ก็อาจส่งผลถึงกระบวนการพูดคุยสันติภาพระหว่างรัฐบาลไทยกับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐนำโดยขบวนการบีอาร์เอ็นด้วย เพราะนายนาจิบให้การสนับสนุนอย่างแข็งขัน และลงนามในคำสั่งนายกรัฐมนตรีช่วงปลายรัฐบาลที่แล้วให้ ดาโต๊ะ สรี อาห์หมัด ซัมซามีน ฮาซิม อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงในสำนักข่าวกรองมาเลเซีย เป็นผู้อำนวยความสะดวกการพูดคุย
อย่างไรก็ดี การวิเคราะห์การเมืองของประเทศเพื่อนบ้านจำเป็นต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญที่เกาะติดและเก็บข้อมูลมาเนิ่นนาน "ทีมข่าวอิศรา" จึงถือโอกาสสนทนากับ อาจารย์ตายูดิน อุสมาน นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ซึ่งมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเมืองมาเลเซีย เพื่อให้ช่วยถอดรหัสผลการเลือกตั้ง และเส้นทางของกระบวนการสันติภาพชายแดนใต้ของประเทศไทย
O โพลล์ออกมาก่อนเลือกตั้งบอกว่าฝ่ายค้านจะชนะฝ่ายรัฐบาล แต่ทำไมเมื่อผลการเลือกตั้งออกมาจริงๆ จึงเกิดการพลิกล็อค?
ถือเป็นเรื่องปกติ คนที่มีอำนาจจะยอมแพ้ไม่ได้ ยิ่งมีกระแสหรือมีโพลล์ออกมาในลักษณะตามหลังฝ่ายค้านอยู่ ก็ยิ่งจะต้องหาวิธีการเอาชนะ สกปรกแค่ไหนก็ต้องทำ ซึ่งก็เป็นวิธีการที่ไม่ค่อยดี ไม่ว่าจะเป็นการขนย้ายชาวบังคลาเทศมาใช้สิทธิด้วย มีการใช้บัตรปลอมมากพอสมควร คนที่อยู่ในหน่วยเลือกตั้งที่มีความเป็นกลางและสนใจการเมืองจริงๆ มองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้สกปรกที่สุดตั้งแต่มาเลเซียได้รับเอกราช
เมื่อรัฐบาลรู้ว่าตัวว่าแพ้แน่ก็ต้องดิ้นรน ประคองอำนาจทุกรูปแบบเพื่อให้อยู่ได้ ทำให้ชนะ สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ อีกอย่างก็คือการทุ่มงบประมาณซื้อเสียง ซึ่งเท่าที่ติดตามดูหนักกว่าบ้านเราเสียอีก เรามองว่ามาเลเซียไม่น่าจะมี แต่ก็เกิดขึ้นแล้ว
สรุปก็คือพรรคบีเอ็น (Barisan National พรรคร่วมรัฐบาล) แพ้ไม่ได้ ต้องหาวิธีการทุกรูปแบบ ซึ่งท้ายสุดก็ชนะ สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่ผลการเลือกตั้งในครั้งนี้ประชาชนและกลุ่มนักวิชาการไม่มีใครเห็นด้วยมากนัก เนื่องจากส่วนใหญ่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง
ผมคิดว่า อันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน เป็นคนที่มีความคิดดีกว่า เป็นตัวของตัวเองมากกว่า ขณะที่ นาจิบ ยังต้องฟังข้างบน (หมายถึงผู้มีอำนาจเหนือพรรค)
O จำนวนที่นั่งในสภาที่ได้ต่ำกว่าเป้า จะมีผลต่อการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค (นายนาจิบ) ในอนาคตหรือไม่?
จำนวน ส.ส.ที่ได้ลดน้อยลงจริง ตามสปิริตของหัวหน้าพรรคแล้วหากย้อนกลับมาดูประเทศไทย เมื่อไม่ได้ตามที่วางเป้าไว้ก็ต้องยอมสละ เปิดโอกาสให้คนอื่นทำงานแทน
แต่สำหรับมาเลเซีย เมื่อดูคะแนนก็ถือว่ายังอยู่ในระดับสูง คงจะยังไม่เปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค เพียงแต่ตัวเลขหายไปในส่วนของผู้ครองที่นั่งในสภา เนื่องจากการต่อสู้ครั้งนี้ฝ่ายค้านใช้กลยุทธ์รวมตัวกัน เพราะถ้าพรรคร่วมฝ่ายค้านต่างคนต่างสู้ย่อมสู้ไม่ได้แน่ ฉะนั้นการเป็นเครือข่าย เป็นกลุ่ม 3 พรรค ทำให้ฝ่ายค้านได้ ส.ส.เพิ่มขึ้น แต่จำนวน ส.ส.ของฝ่ายรัฐบาลกลับลดลง
O แนวโน้มการชุมนุมใหญ่เพื่อประท้วงผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร หากยืดเยื้อจะกระทบต่อการพูดคุยสันติภาพของไทยหรือไม่?
เมื่อมาเลเซียมีปัญหาภายใน มีการรวมตัว มีเรื่องวุ่นวาย ขั้นแรกก็ต้องแก้ภายในก่อน ถ้ามีการประท้วงต่อเนื่อง แน่นอนย่อมมีผลกระทบต่อการพูดคุยเจรจา แต่ว่าผลกระทบตรงนี้คือเรื่องเวลาเท่านั้นเอง การเจรจาอาจจะช้าลง แต่จะยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงคงไม่มี การเจรจายังต้องเดินหน้าต่อไป
O นายนาจิบได้เป็นนายกฯอีก 1 สมัย คิดว่าเขาจะเอาจริงกับการพูดคุยสันติภาพของไทยหรือไม่ หรือมองเป็นแค่เรื่องของการเมือง?
ผมว่าไม่ใช่เรื่องการเมือง เพราะว่านาจิบหรือพรรคบีเอ็นก็อยากให้ภาคใต้ของไทยสงบ เพราะปัญหานี้มีมานาน และเหตุการณ์ในภาคใต้ก็มีผลกระทบต่อประเทศมาเลเซียด้วย ทั้งในแง่การค้า การลงทุน และเศรษฐกิจ ถ้าเป็นไปได้มาเลเซียก็อยากให้เกิดความสงบ ฉะนั้นการเจรจาจะเดินหน้าต่อไปโดยไม่มีเรื่องของการเมือง
นาจิบเอาจริงแน่นอน ยิ่งตัวเองได้จัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง ศักยภาพมีแน่ การเมืองก็ปล่อยเป็นเรื่องของการเมืองไป แต่เรื่องของมนุษยชาติ เรื่องสิทธิ เรื่องความเป็นพี่น้อง ความเป็นมลายูด้วยกัน นาจิบก็อยากเห็นความสงบเกิดขึ้น ตรงนี้ทางมาเลเซียมีความจริงใจให้แน่นอน
O อาจารย์เห็นด้วยกับการพูดคุยสันติภาพระหว่างรัฐบาลไทยกับบีอาร์เอ็นหรือไม่?
ส่วนตัวเห็นด้วย เพราะการพูดคุยเป็นสิ่งที่ดี หากต่างคนต่างคุย จะแก้ปัญหาได้อย่างไร การเจรจาไม่สำเร็จในครั้งเดียว ต้องใช้เวลา แต่การเจรจาต้องมีขั้นตอน คุยถูกคน ซึ่งปัจจุบันไม่แน่ใจว่าคุยถูกคนหรือเปล่า เพราะบ้านเรายังคงมีเหตุการณ์ความรุนแรง และในหัวข้อเจรจา ทำไมทางการไทยไปขอให้มีเหตุรุนแรงลดน้อยลง ซึ่งผมไม่เห็นด้วย จริงๆ ต้องหยุดยิงเลย ไม่ใช่ไปขอให้ลด