คอลัมน์ ในวงเล็บ : ถูไถ “ธาเลีย” ถอนพิษ ศอฉ.
(ธาริต เพ็งดิษฐ์)
ย้อนกลับไปปี 2553 มีการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงกลางกรุง ก่อนนำไปสู่เหตุการณ์ “พฤษภาเลือด” ถ้าถามว่า “เครือข่ายทักษิณ” ที่อยู่ในรูป “พรรคเพื่อไทย-คนเสื้อแดง” เคืองข้าราชการคนใดที่สุด?
คำตอบคงหนีไม่พ้น “ธาริต เพ็งดิษฐ์” อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มือกฎหมายคนสำคัญของ “ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)” ผู้จัดลู่ปูคดี จนแกนนำและแกนนอนแดงถูกตั้งสารพัดข้อหา-ตกเป็นจำเลยร่วมในคดีต่างๆ ทั้งเผา ยิง หมิ่น ฯลฯ
เป็น “ธาริต” ซึ่งเคยทำงานใกล้ชิดกับ “ทีมมันสมอง” ของ “รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อาทิ “นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช” อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี “พันศักดิ์ วิญญรัตน์” อดีตประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี แม้แต่ “ธาริต” เองก็เคยให้สัมภาษณ์ไว้อย่างไม่ปิดบังว่า “หมอพรหมินทร์คือผู้ใหญ่ที่เคารพ”
เมื่อ “ธาริต” ประกาศตัวเป็น “มือปราบแดง” ทำงานถวายหัวให้ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” จึงไม่แปลกอะไรหาก “ผู้ใหญ่ที่เคยอุปการะ” จะงดสังฆกรรม “ข้าราชการเปลี่ยนสี” และทำให้เขาได้ฉายา “ธาเลีย” ติดตัวนับจากนั้น
มาถึงปี 2556 ถามว่า “พรรคประชาธิปัตย์” แค้นข้าราชการคนใดที่สุด?
คำตอบคือ “ธาริต” คนเดิม แต่ไม่เหมือนเดิม เมื่อเขาใช้กฎหมายเป็นอาวุธไล่แทง “นายเก่า” อย่างจงใจ โดยล่าสุดคณะพนักงานสอบสวนคดีการเสียชีวิตคดี 91 ศพของดีเอสไอ มีมติแจ้งข้อกล่าวหาหนัก “อภิสิทธิ์” พร้อมกับ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” อดีตรองนายกฯ และอดีตผู้อำนวยการ ศอฉ. เพิ่มเติมอีก 2 กระทง และเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 14 พฤษภาคม
หนึ่ง คือข้อหาก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนโดยเจตนาเล็งเห็นผล กรณีการเสียชีวิตของ “ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ” หรือ “อีซา” ที่สถานีแอร์พอร์ตลิงค์
อีกหนึ่งคือ ข้อหาพยายามฆ่า “สมร ไหมทอง” คนขับรถตู้ที่ถูกยิง ขณะกระชับพื้นที่ราชประสงค์
หลังก่อนหน้านี้ “อภิสิทธิ์-สุเทพ” เจอข้อหาก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนโดยเจตนาเล็งเห็นผล กรณีการเสียชีวิตของ “พัน คำกอง” แท็กซี่แดง และถูกเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาไปแล้วในเดือนธันวาคม 2555 จนเปิดฉากปะทะคารมกันนานกว่า 10 ชั่วโมง
การเปลี่ยนสีอีกครั้งของอธิบดีดีเอสไอ ทำให้ทุกฝ่ายเห็น “สันดาน” แต่เชื่อว่าคนที่ “แค้น” จนแทบ “คลั่ง” หนีไม่พ้นชายชื่อ “สุเทพ” ซึ่งประกาศทุกเวที-ทุกวงให้สัมภาษณ์สื่อว่า “ระหว่างผมกับธาริตต้องมีคนหนึ่งที่ติดคุก” เพราะแรกๆ ว่าจะไม่เชื่อใจ แต่สุดท้ายตกเป็นเหยื่อเข้าจนได้
ว่ากันว่าในช่วงม็อบแดงเริ่มแรง จน “รัฐบาลอภิสิทธิ์” ตัดสินใจตั้ง “กองบัญชาการ ศอฉ.” ภายในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) ย่านบางเขน “ธาริต” ขอให้ “ถวิล เปลี่ยนศรี” เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทำหน้าที่เลขาธิการ ศอฉ. พาไปพบ “สุเทพ” ในฐานะ ผอ.ศอฉ. เพื่อเสนอให้ดึงดีเอสไอเข้าสู่โครงสร้างหลักของ ศอฉ. หลังอ่านกฎหมายรู้-ดูกฎหมายแล้ว กะเกณฑ์ว่ารัฐบาลน่าจะเป็นฝ่ายชนะ
แรกๆ “เทพเทือก” ไม่วางใจ “ข้าเก่ารัฐบาลทักษิณ” แต่มีคนแนะว่าจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งเป็นตัวชงหลักในคณะกรรมการคดีพิเศษ ทำให้เขายอมสนองตอบการเสนอตัวของ “ธาริต”
ผลปรากฏว่างานนี้ “ธาริต” ไม่ทำให้ทุกฝ่ายต้องผิดหวัง เพราะรับ-ส่งลูกได้รวดเร็วทันใจ จนคนเสื้อแดงโดนคดีไปคนละหลายข้อหา
ตัดสลับมาหลังการเมืองเปลี่ยนขั้ว หลายคนฟันธงว่า “หมอกฎหมายจอมวางยา” อย่าง “ธาริต” อยู่ไม่ได้แน่ แต่จนบัดนี้เขายังอยู่ดีที่เก้าอี้ตัวเก่า โดยมีอีกสายข่าวเล่าว่าเขาขอเข้าพบ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” อดีตนายกฯ และ “ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง” รองนายกฯ เพื่อยื่น “ข้อเสนอใหม่” ว่าด้วยการ “ถอนพิษ” ให้ “เครือข่ายทักษิณ”
แรกๆ แกนนำเพื่อไทยบางส่วนก็แสดงอาการคัดค้านเพราะไม่ไว้ใจ “สันดานธาริต” แต่แกนนำอีกส่วนที่รู้ไส้ “หมอความ” รายนี้ดีแนะให้รับข้อเสนอ นัยว่า “ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ หมอย่อมเห็นในฝีมือหมอ”
ขณะนี้จึงเป็นช่วงเวลาปล่อยให้ยาถอนพิษยี่ห้อ “ธาริต” สรรพคุณ “ถู-ไถ-ทา-เลีย” ออกฤทธิ์ไป งานนี้ไม่มีอะไรเสีย อย่างมากก็มีหมอตายหนึ่งคนเพราะแพ้ยาตัวเอง!!!