- Home
- Community
- ประชานิยม - ประชาคม
- โรงจำนำเงินฝืด
โรงจำนำเงินฝืด
โรงจำนำรัฐชงครม.ขอกู้ 1,000 ล้านบาท เสริมสภาพคล่องรับเปิดเทอม-ค่าครองชีพพุ่ง
นายนิธิศ มนุญพร ผู้อำนวยการสำนักงานธนานุเคราะห์ เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 1 พ.ค.นี้ สำนักงานธนานุเคราะห์จะเสนอ ครม.ให้ความเห็นชอบให้สำนักงานฯ กู้เงินจากสถาบันการเงิน เป็นวงเงิน 1,000 ล้านบาท เพื่อนำมาเสริมสภาพคล่องในการดำเนินการ โดยเฉพาะในช่วงเปิดเทอมเดือน พ.ค.นี้
นายนิธิศ ระบุว่า ตั้งแต่หลังช่วงเทศกาลสงกรานต์ประชาชนนำสินทรัพย์มาจำนำมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมูลค่ารับจำนำเพิ่มขึ้นเดือนละ 1,600 ล้านบาท เป็น 1,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% ขณะที่ก่อนช่วงสงกรานต์มูลค่ารับจำนำอยู่ที่เดือนละ 1,400 ล้านบาท
ขณะที่มูลค่าสินทรัพย์สะสมที่รับจำนำจากประชาชนเพิ่มเป็น 6,000 ล้านบาท จากวันที่ 30 ก.ย. 2554 ที่มูลค่าสินทรัพย์อยู่ที่ 5,800 ล้านบาท สินค้าที่นำมาจำนำเป็นทองคำ 95% อีก 5% เป็นสินทรัพย์อื่นๆ ส่วนสินทรัพย์ที่หลุดจำนำมีน้อยมาก เพราะประชาชนส่งดอกเบี้ยทุกเดือน หรือเมื่อครบกำหนดชำระเพื่อไม่ให้ของหลุดจำนำ เพราะทองคำมีราคาสูง
“ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น ทั้งค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้า และค่าครองชีพอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้น เป็นสาเหตุให้คนนำสินทรัพย์มาจำนำเพิ่มขึ้นอย่างมีนัย โดยเฉพาะเดือน พ.ค. ที่จะเข้าสู่ช่วงเปิดเทอม คาดว่าประชาชนจะนำสินทรัพย์มาจำนำเพิ่มขึ้นอีก” นายนิธิศ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ต้องติดตามว่านโยบายเพิ่มค่าจ้าง 300 บาทใน 7 จังหวัดนำร่องและเพิ่มค่าจ้างในอัตรา 39.5% ทั่วประเทศ และเริ่มจ่ายค่าจ้างอัตราใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา และจ่ายเงินเดือนช่วงสิ้นเดือน เม.ย.นี้ จะทำให้ประชาชนมีรายได้เพียงพอกับรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นหรือไม่ แต่สังเกตได้ว่าค่าครองชีพเพิ่มขึ้นมากกว่าค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น
นายนิธิศ ระบุว่า ตั้งแต่เดือน เม.ย.-มิ.ย. 2555 โรงรับจำนำของรัฐคิดอัตราดอกเบี้ยการนำทรัพย์ ได้แก่ กรณีเงินต้นไม่เกิน 5,000 บาท ดอกเบี้ย 0.25 บาทต่อเดือน เงินต้น 5,000-1 หมื่นบาท คิดดอกเบี้ย 0.50 บาทต่อเดือน เงินต้น 1-2.3 หมื่นบาท คิดดอกเบี้ย 1 บาทต่อเดือน และเงินต้น 2.3 หมื่น-1 แสนบาท คิดดอกเบี้ย 1.25 บาทต่อเดือน
นายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี รองผู้อำนวยการศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย กล่าวว่า ธนาคารเพิ่งปรับประมาณการเงินเฟ้อปีนี้จาก 3.6% เป็น 3.8% ซึ่งจะมีการประเมินทุกๆ ไตรมาส โดยการประมาณการนี้ยังไม่รวมการปรับขึ้นค่าไฟฟ้า ค่ารถประจำทางสาธารณะ ถือว่าปัจจัยนี้มีผลต่อเงินเฟ้อพอสมควร ฉะนั้นธนาคารจะมีการปรับประมาณการเงินเฟ้อปีนี้ใหม่เป็นการภายในและให้ข้อมูลกับลูกค้าของธนาคาร
“จะเป็นการแจ้งเป็นการภายใน เพราะสถานการณ์เปลี่ยน แต่ถ้าเหตุการณ์แย่กว่านี้ ก็ต้องคาดการณ์ใหม่ทั้งหมด และประกาศเป็นทางการ ตอนนี้คาดว่าไตรมาส 4 เงินเฟ้ออาจทะลุ 4% ตอนนี้เงินเฟ้อถือว่าปรับขึ้นเร็ว” นายเบญจรงค์ กล่าว
นายเบญจรงค์ กล่าวว่า เดิมธนาคารคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะรักษาดอกเบี้ยนโยบายปีนี้ไว้ที่ 3% แต่หากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ส่งผลต่อเงินเฟ้อในไตรมาส 4 ก็มีโอกาสที่ดอกเบี้ยนโยบายจะขึ้นได้อีก 0.25%
อย่างไรก็ดี หาก กนง.ขึ้นดอกเบี้ย จะทำให้เงินหมุนในระบบน้อยลง เป็นตัวกดทางด้านราคา จะมีผลทางด้าน จิตวิทยาต่อการใช้จ่าย ผู้ที่คิดจะกู้เงินก็อาจชะลอออกไป หรือกู้น้อยลง