- Home
- Community
- ประชานิยม - ประชาคม
- ความคาดหวังต่อภาคประชาสังคม-เอ็นจีโอ ในมุมมองนักวิชาการ-คนทำสื่อ
ความคาดหวังต่อภาคประชาสังคม-เอ็นจีโอ ในมุมมองนักวิชาการ-คนทำสื่อ
เปิดมุมมองความคาดหวังในภาคประชาสังคมไทย กับ ดร.อานันท์ กาญจนพันธ์ และ อภิชัย ไมอักรี ร่วมสะท้อนภาพเอ็นจีโอไทยในมุมมองคนทำสื่อ กับ ชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี และ อธิป วิชชุชัยอนันต์ ท่ามกลางสภาวการณ์ของขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมไทยภายใต้สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองปัจจุบัน
ศ.ดร.อานันท์ กาญจนพันธ์ นักวิชาการคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
"ที่มองการเมืองภาคประชาชนอยู่ก็คือว่า จะต้องเคลื่อนไหวเพื่อต่อรองในการปรับเปลี่ยนความสัมพันธ์เชิงอำนาจ ถ้าพูดเป็นภาษวิชาการก็คือว่าต้องปรับเปลี่ยนความสัมพันธ์ที่อาจจะเรียกว่าถูกครอบงำอยู่ ให้มันมีลักษณะที่ว่าภาคประชาชนสามารถที่จะกำหนด หรือว่าปรับเปลี่ยนทิศทางต่างๆด้วยตนเอง ไม่ใช่ว่าถูกจำกัดมาจากภายนอก ซึ่งไม่ว่าจะเป็นรัฐเป็นตลาด หรือเป็นไอ้ภาพที่มันใหญ่กว่านั้นก็ตาม เพื่อว่าจะได้สามารถมีบทบาทมากขึ้น ในการกำหนดว่าจะเปลี่ยนแปลงไปทางไหน"
"ข้ออ่อนข้อแข็งก็คือว่า ปกติแล้วเวลานี้เรามักจะเคลื่อนไหวไปตามความคิดที่สำเร็จรูป ที่เป็นปัญหาอยู่ตอนนี้ก็คือว่า เวลามีอะไรที่สำเร็จรูปเราก็จะเคลื่อนไหวไปทางนั้นได้ แต่พอมันมีปัญหาความขัดแย้งที่ภาพสำเร็จรูปเริ่มไม่ชัดเจน ภาคประชาชนที่เคลื่อนไหวอยู่ในหลายๆส่วนอาจจะทำงานได้ไม่ดีพอ เพราะว่ามันเคลื่อนไหวไปตามอุดมการณ์ที่สำเร็จรูป แต่ไม่ได้มีการคิดค้นหรือว่าศึกษา หรือว่าเชื่อมโยงกับส่วนต่างๆ ที่หลากหลายเพียงพอ เพราะว่าการเคลื่อนไหวภาคประชาชนไม่ได้แปลว่าชาวบ้านอย่างเดียว หรือว่าเอ็นจีโออย่างเดียว หรือว่านักวิชาการ หรืออะไรอย่างเดียว มันต้องเป็นการเชื่อมโยงจากหลายภาคส่วน"
"แต่ว่าการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนปัจจุบันมันค่อนข้างจะ... คล้ายๆ กับลีบลง ลีบลงหมายความว่า กลายเป็นส่วนย่อยๆ ไปเป็นเรื่องๆ ไป เอ็นจีโอจะกระจาย มันหลายเรื่องแล้วภาคประชาชนมันก็มีอยู่หลายส่วน แต่ส่วนต่างๆเหล่านี้ ที่จริงก็คือว่ามันมันลดวูบ ภาษาทางวิชาการเรียกว่าการลดรูป"
"การเคลื่อนไหวมันควรจะขยายวง สร้างเครือข่ายที่กว้างขวาง แต่มันกลับลดรูปไปเหลือแค่เป็นกระบวนการเคลื่อนไหวที่มัน... คล้ายๆกับย่อยลงไปมาก แล้วไม่รู้ภาพรวม ไอ้ภาพรวมใหญ่ที่มีก็เป็นภาพรวมที่ต้องการอุดมการณ์ที่ชี้นำมาบ้างแล้ว ดังนั้นในการที่คล้ายๆกับคิดค้นการเคลื่อนไหวที่มีลักษณะเชื่อมโยงไม่ได้ มันทำให้การเคลื่อนไหวลดรูปไปมาก ซึ่งตรงนี้เป็นจุดอ่อนสำคัญของการเคลื่อนไหวภาคประชาชน”
อภิชัย ไมอักรี ผู้ประสานงานเครือข่ายผู้หญิงที่อยู่ร่วมกับ H.I.V.
"ทำงานมาตลอดเนี่ย... เข้าใจว่าภาคประชาชนก็คือตัวแทนของชุมชน หรือตัวประชาชนที่ประสบปัญหาเองในเรื่องนั้นๆจากทุกภาคส่วน คือเป็นเจ้าของปัญหาเอง หรือเป็นตัวแทนของผู้มีปัญหามาส่งเสียงเรียกร้อง มีส่วนร่วมในการจัดการแก้ไขปัญหาของตนเอง หรือปัญหานั้นๆในพื้นที่"
"เอ็นจีโอก็จะเป็นคนที่จุดประกายแรกๆ จะคิดว่าเอ็นจีโอจะเป็นคนที่จุดประกาย หรือว่าเป็นคนที่สนับสนุน ให้แนวทาง อาจจะเป็นในเรื่องของการเสริมทักษะให้ภาคประชาชนได้รู้จักขบวนการต่อสู้ เรียกร้องสิทธิอะไรพวกนี้ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญเหมือนกันที่จะให้ประชาชนได้มีปากมีเสียง ได้ปกป้องสิทธิของตนเองในการเผชิญปัญหาต่างๆของชุมชนที่ไม่ได้รับการเหลียวแลจากภาครัฐเท่าไรนัก"
"เอ็นจีโอในอนาคต... คิดว่าจะต้องมีบทบาทให้ชัดเจนมากกว่าปัจจุบัน กว่าที่เป็นอยู่ เพราะปัจจุบันรู้สึกว่าเอ็นจีโอก็จะมีฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ค่อนข้างเยอะ มีเอ่อ... บางครั้งก็รู้สึกแยกไม่ออกว่าเอ็นจีโอกันนักการเมือง แทบจะ... บางทีก็จะคล้ายๆกัน รู้สึกจะเป็นอย่างนั้น"
"อนาคตคิดว่าอยากเห็นภาพตัวแทนเอ็นจีแบบเหมือนในอดีตที่มันค่อนข้างชัดเจน พูดถึง รู้สึก แล้วภูมิใจ มีคุณค่ามาก เมื่อก่อนไม่ได้คิดถึงทุนมากเท่าไหร่ เดี๋ยวนี้รู้สึกเอ็นจีโอจะทำตามทุนค่อนข้างสูง"
อธิป วิชชุชัยอนันต์ Producer รายการทีวีกระต่ายตื่นตัว มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
"สังคมเรามันไม่ยุติธรรม องค์กรนี้... เรารู้ว่าองค์กรนี้เค้าจะช่วยสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้น"
บทบาทของเอ็นจีโอ "ผมว่าก็ดีขึ้นเรื่อยๆนะ แต่เหมือนเมื่อก่อนจะมีผลมาก อย่างสมัยก่อนเด็กๆเราจะได้ยินว่าเอ็นจีโอทำตรงโน้นตรงนี้ แต่สมัยนี้เหมือนกับว่ามันเริ่มหายไปหรือเปล่า"
"อย่างที่บอกคือมันน้อยลง ภาคประชาชนมัน... เหมือนมันเริ่มหายไป ยิ่งสังคมสมัยนี้มัน... อย่างผมที่เป็นวัยรุ่น เราจะเห็นว่าคนเรามันเริ่มอยู่กับตัวเองมากไปแล้ว ที่นี้ทุกคนก็จะไม่สนใจปัญหาเลย เรื่องบ้านเมือง ก็รู้ว่ามันมาแล้วก็มันไป"
"ภาคประชาชนควรจะปลูกฝังไม่ว่าวิธีใดวิธีหนึ่ง แต่ว่าเปลี่ยนรูปแบบ ไม่ใช่แบบอย่างสมัยเดิมที่ทำแบบต้องมาประท้วงอะไรอย่างนี้ แต่มันมีอีกหลายวิธีที่สามารถทำให้เกิดผลลัพธ์ได้ ผมว่าตรงนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ แล้วอยากให้เยาวชนรู้ว่าสิ่งที่เราทำมันดี และไม่ได้ทำเพราะว่าเป็นผลประโยชน์ของใครบางคน"
ชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ผู้อำนวยการสถาบันอิศรา และเลขาธิการสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ
"ผมคิดว่าคำว่าภาคประชาชนนั่นก็คือการที่ประชาชนคนที่อยู่ในพื้นที่เดียวกันก็ดี หรือว่าสนใจในเรื่องเดียวกันก็ดีได้มารวมตัวกันเพื่อแลกเปลี่ยนปัญหา แลกเปลี่ยนประสบการณ์ รวมทั้งร่วมกันแก้ไขปัญหาของพื้นที่ของชุมชน หรือแก้ไปปัญหาที่กลุ่มประชาชนกลุ่มนั้นได้รับ ประสบร่วมกัน โดยดำเนินการโดยกลุ่มประชาชนด้วยกันเอง"
"เอ็นจีโอก็คือองค์กรพัฒนาเอกชน ซึ่งที่ผ่านมาก็มีบทบาทในการที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการรวมตัวกันของภาคประชาชน ในการที่จะสร้างเวทีหรือช่วยกระตุ้นก็ดี หรือช่วยทำให้ภาคประชาชนสามารถรวมตัวกันสามารถทำกิจกรรมร่วมกันได้ เอ็นจีโอก็จึงมีความจำเป็นที่จะต้องทำงานโดยมีความเข้าใจภาคประชาชน แล้วต้องประสมกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว... ก็อาจจะ... มันมีเส้นแบ่งที่เปาะบางมากระหว่างภาคประชาชนกับเอ็นจีโอ ถ้าทำงานไม่เป็นเนื้อเดียวกัน มันอาจมีความเคลือบแคลง มีความสงสัย ในขณะเดียวกันเมื่อมีการเคลื่อนไหวในประเด็นที่ล่อแหลมหรือแหลมคม อย่างไปกระทบกับภาคการเมือง หรือภาคราชการ ถ้าไม่เป็นเนื้อเดียวจะถูกตั้งคำถามหรือใช้เป็นจุดอ่อนในการที่จะทำให้การเคลื่อนไหว การเรียกร้องเพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาของภาคประชาชนไม่เกิดผลอย่างที่ควรจะเป็น"
"ภาคประชาชนมีความสำคัญอย่างมากในการที่จะมีส่วนร่วม ที่นี้ปัญหาสำคัญก็คือว่าทำอย่างไรให้ภาคประชาชนรวมตัวกันนำเสนอปัญหาอย่างเป็นระบบทั้งในเชิงประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เดียวกัน และประชาชนที่ประสบปัญหาในเรื่องเดียวกัน เพราะฉะนั้นตรงนี้นอกจากจะรวมกลุ่มสะท้อนปัญหาแล้วก็คือนำเสนอการแก้ปัญหา แล้วก็ติดตามการแก้ปัญหา"
"การแก้ปัญหาผมคิดว่ามีทั้ง 2 ส่วนก็คือ ในส่วนของภาคประชาชนเองนั้นส่วนไหนที่แก้ปัญหาเองได้ ถ้าทำได้ก็ทำไปเลย ส่วนไหนที่ต้องการการสนับสนุน หนุนช่วยจากภาครัฐและภาคส่วนอื่นๆ อันนั้นก็ต้องทำร่วมกันไป แต่ส่วนใดที่ไม่สามารถทำเองได้ อันนี้ก็ต้องทำหน้าที่ในการติดตาม ตรวจสอบ เพื่อให้ภาครัฐ หรือภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการเพื่อแก้ปัญหา อันนี้ต้องทำให้ครบวงจร"
ที่มา : ประชาไท คัดจาก http://prachatham.com/detail.htm?code=n6_03092010_01