- Home
- Community
- กระแสชุมชน
- ข่าวการเมือง
- นักวิชาการรุมจวกนโยบายแรงงานเลื่อนลอย แนะตั้งพรรคกรรมกรเข้าสภาฯ
นักวิชาการรุมจวกนโยบายแรงงานเลื่อนลอย แนะตั้งพรรคกรรมกรเข้าสภาฯ
พรรคการเมืองรับ 9 ข้อเสนอ คสรท.นักวิชาการชี้อย่าตกหลุมพรางนโยบายตัดราคา-ลดแลกแจกแถมหวังซื้อเสียงล่วงหน้า หาหลักประกันทำจริงได้ยาก บั่นทอนระยะยาว แนะขบวนแรงงานอย่าหวังน้ำบ่อหน้า ตั้งพรรคแรงงานเป็นตัวแทนตรง
วันที่ 21 มิ.ย. 54 ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) และภาคีเครือข่าย จัดเวทีสมัชชาแรงงานไทย “จุดยืนและข้อเสนอต่อนโยบายแรงงานของพรรคการเมืองในการเลือกตั้ง 2554” โดยเชิญตัวแทนพรรคการเมือง ประกอบด้วยพรรคประชาธิปัตย์, เพื่อไทย, การเมืองใหม่, ชาติไทยพัฒนา, ภูมิใจไทย และพรรครักประเทศไทยเข้าร่วม
โดยให้พรรคการเมืองที่เข้าร่วม(ยกเว้นภูมิใจไทย และรักประเทศไทย ซึ่งออกจากที่ประชุมก่อน) ลงนามผลักดัน 9 ข้อเสนอของผู้ใช้แรงงานร่วมกัน เพื่อแสดงจุดยืนและเป็นหลักประกันว่าจะมีผลผูกพันทันทีเมื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่(รายละเอียดข้อเสนอท้ายข่าว)
นายชาลี ลอยสูง ประธาน คสรท. เปิดเผยกับโต๊ะข่าวเพื่อชุมชนว่าแต่ละพรรคดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับข้อเสนอหลักด้านแรงงานของ คปท.ทั้ง 9 ข้อ แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ว่าพรรคการเมืองจะจริงจังกับข้อเสนอเหล่านี้ เบื้องต้นจึงแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการเพื่อติดตามข้อเรียกร้องฯ ทำหน้าที่เกาะติดการบริหารงานโดยเฉพาะช่วงร่างนโยบายเพื่อทำให้ข้อเรียกร้องถูกบรรจุในนโยบายของรัฐบาลใหม่
ทั้งนี้ มีการเสวนา “วิพากษ์นโยบายแรงงานของพรรคการเมืองในการเลือกตั้ง 2554 โดย รศ.แล ดิลกวิทยรัตน์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า คำตอบจากพรรคการเมืองเป็นการพูดแบบรวมๆ และแข่งกันตอบแบบเอาใจ ไม่มองความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ
รศ.แล กล่าวว่านักการเมืองยังมองว่าแรงงานกว่า 9 ล้านคนไม่มีผลต่อการเลือกตั้ง จึงไม่ใส่ใจประเด็นข้อเสนอต่อการเลือกตั้งในสถานประกอบการ ส่วนนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ แต่ละพรรคต่างเกทับกันให้ค่าแรงในอัตราที่สูง ซึ่งไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความเป็นไปได้เพราะอัตราค่าแรงขั้นต่ำไม่ได้กำหนดจากรัฐบาล แต่กำหนดมาจากคณะกรรมการไตรภาคี ซึ่งมีนายจ้างรวมอยู่ด้วย
“โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่บอกว่า จะให้เงินเดือนคนจบปริญญาตรี 15,000 บาทนั้น ยิ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะรัฐกำหนดอัตราเงินเดือนของราชการและรัฐวิสาหกิจ ได้ แต่กำหนดเอกชนไม่ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับตลาดแรงงาน แสดงว่าพรรคไม่ได้เข้าใจเรื่องการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำในแต่ละอาชีพ”
รศ.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า นโยบายโดยรวมของพรรคการเมืองในขณะนี้เป็นการให้ประชาชนได้ผลประโยชน์ระยะสั้น แต่ระยะยาวประเทศชาติจะเสียหาย ส่วนนโยบายแรงงานยังขาดเป้าหมายการพัฒนาขบวนการแรงงาน พัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน โดยเฉพาะการปรับตัวให้เท่าทันกับการแข่งขันของโลก ซึ่งสะท้อนว่าแต่ละพรรคการเมืองไม่รู้เรื่องหรือไม่ให้ความสำคัญกับแรงงาน โดยเฉพาะนโยบายของภูมิใจไทยที่จะเอาเงินประกันสังคมมาจ้างงาน 1 ล้านตำแหน่ง ยิ่งไม่สามารถทำได้ เพราะเงินประกันสังคมเป็นของผู้ประกันตน ไม่ใช่ของรัฐบาล
รศ.สิริพรรณ กล่าวต่อว่า ส่วนข้อเรียกร้องของ คสรท.ยังขาดประเด็นเรื่องสวัสดิการในที่ทำงาน และขอแนะนำให้มีพรรคการเมืองเป็นตัวแทนของผู้ใช้แรงงานเองในสภา ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นพรรคใหญ่
“การเรียกร้องผ่านพรรคการเมืองที่มีนายทุนเป็นหลัก จะไม่ได้อะไรเลยนอกจากเศษเนื้อที่โยนมาให้ ถ้ามีตัวแทนเป็นพรรคการเมืองในสภา ซึ่ง คสรท.มีสมาชิกกว่า 280,000 คน เท่ากับฐานเสียงของ สส. แบบบัญชีรายชื่อ วาระแรงงาน ก็จะถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอย่างน้อยปีละ 2-3 ครั้ง”
รศ.มาลี พฤกษ์พงศาวลี ประธานโครงการสตรีและเยาวชนศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่าอย่าตกหลุมพรางนักการเมืองที่ใช้การลดแลกแจกแถมเป็นเบี้ยหัวแตกระยะสั้นจูงใจ ทั้งยังไม่รู้จะได้จริงหรือไม่ การแก้ปัญหาแบบนี้ไม่มีทางทำให้แรงงานเข้มแข็งได้ ไม่ทำให้แรงงานมีอำนาจการต่อรองซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
“ข้อเสนอที่เสนอไปเป็นเพียงเศษเสี้ยวเท่านั้น ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าหลังจากนี้จะได้รับการเหลียวแลหรือไม่ จึงเห็นด้วยหากมีจะมีตัวแทนแรงงานเข้าไปนั่งทำหน้าที่ในสภาฯเพื่อต่อรองทรัพยากรและประโยชน์ที่พึงได้ แม้อาจดูไกลเกินไป แต่เป็นเรื่องที่ควรขบคิดในฐานะที่แรงงานเป็นผู้ผลิตและเป็นคนกลุ่มใหญ่ แต่รัฐบาลไหนก็ไม่เคยคิดถึง”
นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิผู้บริโภค กล่าวว่า นโยบายแรงงานของแต่ละพรรคไม่เห็นอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากจะสู้กันว่าใครให้มากกว่า เหมือนแข่งขันซื้อเสียงล่วงหน้า โดยเอาภาษีประชาชนมาแจก ไม่ได้คิดว่าเรื่องค่าแรงไม่สำคัญ เพียงแต่ต้องการให้มองถึงความเป็นธรรมและกำหนดให้เท่ากันทั้งประเทศบนพื้นฐานตัวเลขที่มีความเหมาะสมและเป็นไปได้ ไม่ใช่รอให้ออกมาเรียกร้องตามท้องถนนอย่างที่ผ่านมา
นางสาวสารี ยังกล่าวว่าครั้งนี้ไม่เห็นนโยบายด้านประกันสังคม มีบ้างที่ไปคาบเกี่ยวกับนโยบายด้านสุขภาพ แต่ก็ยังเดินตามแนวทางเดิม ประชาธิปัตย์ยืนยันใช้บัตรประชาชนใบเดียวภายใต้เงื่อนไขต้องอยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ขณะที่เพื่อไทยหนักกว่าคือจะคืนชีพ 30 บาทรักษาทุกโรค
“สิ่งที่ขาดจริงๆคือทำอย่างไรให้เรื่องสุขภาพเป็นมาตรฐานเดียวทั่วประเทศ ทั้งหลักการจ่ายเงิน และสิทธิประโยชน์ โดยยกเลิกการจ่ายเงินประกันตนไปเสีย เพราะคนกลุ่มนี้ได้ประโยชน์น้อยมากแถมได้รับบริการห่วย ซึ่งในประเด็นนี้ก็ถูกระบุไว้ในข้อเสนอของคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป แต่กลับไม่ปรากฏในนโยบายของพรรคใดเลย” นางสาวสารี กล่าว .
....................................
ข้อเรียกร้องนโยบายแรงงานยื่นพรรคการเมือง
โดย คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย
1.ดำเนินการให้สัตยาบันอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization-ILO) ที่ 87 และ 98 เพื่อสร้างหลักประกันในสิทธิเสรีภาพการรวมตัวและเจรจาต่อรองโดยทันที
2.ปฏิรูปพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 ให้สอดคล้องกับอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 87 และ 98 เพื่อให้เกิดการคุ้มครองแรงงานทุกภาคส่วน
3.สนับสนุนการปฏิรูประบบประกันสังคม โดยปฏิรูปโครงสร้างการบริหารจัดการระบบประกันสังคมให้เป็นองค์กรอิสระ ผู้ประกันตนมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งคณะกรรมการประกันสังคม
4.กำหนดค่าจ้างตอบแทนที่เป็นธรรม และมีอัตราเดียวกันทั่วประเทศโดยมีผลบังคับใช้ไม่เกิน 1 ปีและให้ยกเลิกคณะอนุกรรมการอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัด
5.จัดตั้งกองทุนพัฒนารัฐวิสาหกิจ ให้มีศักยภาพและประสิทธิภาพในการบริการประชาชน และไม่มีนโยบายแปรรูปรัฐวิสาหกิจในกิจการสาธารณูปโภค
6.บังคับใช้พระราชบัญญัติทะเบียนราษฎร์ พ.ศ.....และอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้แรงงานย้ายทะเบียนบ้านเข้าพื้นที่ประกอบการให้สิทธิเลือกตั้งในเขตพื้นที่ทำงานและสถานประกอบการได้โดยง่าย
7.ให้จัดตั้งสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ภายใต้กระบวนการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย เหมาะสม และเป็นธรรม
8.ให้จัดตั้งกองทุนประกันความเสี่ยงจากการลงทุน เพื่อคุ้มครองสิทธิคนงานให้ได้รับค่าชดเชยที่เป็นธรรมและเป็นหลักประกันความมั่นคงในการทำงาน
9.การคุ้มครองสิทธิแรงงานนอกระบบ และสิทธิแรงงานข้ามชาติ มีค่าจ้างแรงงานที่เป็นธรรม และ จัดตั้งกองทุนสนับสนุนเพื่อการพัฒนาอาชีพ .