- Home
- Community
- กระแสชุมชน
- ทรัพยากร-สิ่งแวดล้อม
- สสส.-ลาดกระบัง-thaiflood.com ทำแผนที่เสี่ยงภัยพิบัติ เผยแพร่ชุมชน
สสส.-ลาดกระบัง-thaiflood.com ทำแผนที่เสี่ยงภัยพิบัติ เผยแพร่ชุมชน
สสส.ร่วมกับเทคโนฯลาดกระบัง- thaiflood.com สร้างเครือข่ายรับมือภัยพิบัติ ชูต้นแบบ “ลาดกระบังโมเดล” เตรียมทำแผนที่ความเสี่ยง-แผนที่ศักยภาพมนุษย์ เผยแพร่สู่ชุมชน
วันที่ 5 พ.ค. 55 โครงการรวมพลังรับมือภัยพิบัติ สสส. ร่วมกับ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง จัดงาน“วันรวมพลังรับมือภัยพิบัติ”โดย ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ รองผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) กล่าวเปิดงานว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยเกิดเหตุภัยพิบัติอย่างต่อเนื่อง และมีสัญญาณที่ทำให้ต้องตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงทั้งสภาพอากาศ สิ่งแวดล้อม แต่ที่ผ่านมามีเพียงแผนในกระดาษที่ยังไม่ได้ปฏิบัติจริง สังคมต้องหันมาตระหนักและสร้างเครือข่ายรับมือภัยพิบัติ เพื่อช่วยกระตุ้นเตือนให้คนไทยได้เตรียมความพร้อมของตนเอง ครอบครัว ชุมชน และสังคม ในการรับมือภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต
“ช่วงวิกฤตอุทกภัยปลายปี 2554 ทุกภาคส่วนร่วมมือช่วยเหลือผู้ประสบภัย เกิดเป็นกลุ่มจิตอาสาจำนวนมาก สสส. และภาคีเครือข่ายได้เป็นส่วนหนึ่งในการกู้วิกฤติประเทศด้วย โดยจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือบ้านอาสาใจดี และเชื่อมโยงจิตอาสาจากภาคส่วนต่างๆมาร่วมกันช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง”
ดร.คมสัน มาลีสี รองคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่าการสร้างและเชื่อมโยงเครือข่ายภัยพิบัติจำเป็นต้องมีความร่วมมือจากหลายฝ่าย ทั้งสถาบันการศึกษาและชุมชน ช่วงอุทกภัยปี 2554 สถาบันฯ ตั้งศูนย์เฝ้าระวังทำงานร่วมกับ 61 ชุมชนในพื้นที่รอบๆ เพื่อกำหนดแผนรับมือน้ำท่วมอย่างเป็นระบบ มีการวัดและรายงานระดับน้ำ แจ้งเตือนและช่วยเหลือตลอดจนวางแผนฟื้นฟู ที่สามารถนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่และสถานการณ์ต่างๆทั่วประเทศ โดยส่งทีมนักศึกษาจิตอาสา "หมอไฟ-หมอบ้าน" ร่วมดูแลชุมชนและถ่ายทอดความรู้ประสบการณ์ เรียกว่า "ลาดกระบังโมเดล" เป็นการนำภูมิปัญญาชาวบ้านมาผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่
นายศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร กล่าวว่าปัจจุบันโลกเป็นของวิศวกรที่จะสร้างควบคุม บังคับธรรมชาติ แต่เมื่อธรรมชาติชนะก็ต้องกลับมาใช้ความรู้เดิม คือการเรียนรู้ธรรมชาติ ซึ่งในธรรมชาติจะมีที่ลุ่ม ที่บาง ที่ดอน แต่เมื่อมีเขื่อนทำให้ไม่สามารถคาดคะเนทิศทาง ปริมาณน้ำได้ ขณะที่หน่วยป้องกันน้ำท่วมของไทยมีเพียงหน่วยเดียวคือสำนักการระบายน้ำ กทม. ส่วนกรมชลประทาน ทำหน้าที่หาน้ำมาให้เกษตรกรเท่านั้น และคลองชลประทานก็ไม่ได้ทำเพื่อระบายน้ำ จึงควรมีหน่วยงานประจำที่ทำหน้าที่จัดการปัญหาน้ำท่วมโดยตง และจำเป็นต้องมีกฎหมายมารองรับ
นายปรเมศวร์ มินศิริ ผู้จัดการโครงการรวมพลังรับมือภัยพิบัติ สสส. กล่าวว่าได้รวบรวมองค์ความรู้ที่เกิดขึ้นจากการทำงานของเครือข่ายต่างๆ มาถ่ายทอดประสบการณ์ในวันรวมพลังรับมือภัยพิบัติ และจะนำไปเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ www.thaiflood.com และช่องทางการสื่อสารทางโซเชียลมีเดียอื่นๆ เพื่อตอกย้ำให้เกิดความตระหนักในการสร้างรูปแบบรับมือกับภัยพิบัติแบบต่างๆ ตลอดจนเชื่อมโยงเครือข่ายให้ทำงานบนฐานข้อมูลเดียวกัน โดยในวันรวมพลังรับมือภัยพิบัตินี้ ได้จัดทำแผนที่ความเสี่ยง และแผนที่ศักยภาพมนุษย์ ในรูปแบบดิจิตอลไฟล์เพื่อนำมาต่อยอดเพิ่มเติมข้อมูลจากประสบการณ์ทำงานของภาคส่วนต่างๆ เพื่อนำไปเผยแพร่และสร้างความพร้อมในชุมชนต่อไป .