- Home
- Community
- กระแสชุมชน
- เกษตร-นวัตกรรม
- AFET ชงแผนลดเสี่ยงราคาอ้างอิงยางพาราหวังเป้าแตะ 110 บ./ก.ก.
AFET ชงแผนลดเสี่ยงราคาอ้างอิงยางพาราหวังเป้าแตะ 110 บ./ก.ก.
‘ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร’ เผย AFET เสนอความเห็นมาตรการลดเสี่ยงราคาอ้างอิงยางพารา หวังเป้าแตะ 110 บ./ก.ก. เกษตรกรต้องมีส่วนกำหนดราคา-สร้างกลไกตลาดร่วม
วันที่ 11 มิ.ย. 56 ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (รมช.กษ.) เปิดเผยต่อศูนย์ข่าวเพื่อชุมชน สำนักข่าวอิศรา ถึงความคืบหน้านโยบายการใช้กลไกการซื้อขายของตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า เพื่อลดความเสี่ยงและสร้างราคาอ้างอิงยางพารา หวังราคายางพาราพุ่ง 110 บาท/ก.ก. โดยให้ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) หารือข้อคิดเห็นต่อการดำเนินโครงการดังกล่าว เพื่อเป็นแนวทางสนับสนุน ก่อนจะนำเข้าที่ประชุมต่อไปนั้น
สำหรับข้อคิดเห็นที่สำคัญสรุป ดังนี้ 1.การเข้ามาซื้อขายล่วงหน้าของผู้ส่งออกรายใหญ่ หากกำหนดวงเงินวางประกันและสำรองการเผื่อการขาดทุนที่อาจจะเกิดขึ้นรายละ 30 ล้านบาท รวมกันแล้วจะก่อให้เกิดปริมาณการซื้อขายโดยเฉลี่ยประมาณ 300-400 สัญญา/วัน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณการซื้อขายปัจจุบันที่อยู่ระดับ 300 สัญญา/วัน ถือเป็นปริมาณที่มากพอที่จะก่อให้เกิดผลบวกทางจิตวิทยาและสร้างความเชื่อมั่นในสภาพคล่องของตลาด ซึ่งจะเป็นการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางซื้อขายและแหล่งอ้างอิงราคายางพาราที่สำคัญของโลก ทั้งนี้หากสามารถผลักดันให้ราคาอ้างอิงของยางพาราสูงขึ้นจะส่งผลให้รายได้ของเกษตรกรเพิ่มขึ้น จากปริมาณยางพาราที่ผลิตได้ 3.5 ล้านตัน ราคาที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ 1 บาท จะก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นถึง 35,000 ล้านบาท
2.ปัจจุบันราคาอ้างอิงยางพารามาจาก 3 แหล่ง คือ ตลาดกลางยางพารา AFET, TOCOM และตลาดกลางหาดใหญ่ โดย AFET ได้กำหนดเงื่อนไขการส่งมอบเป็น FOB ซึ่งพร้อมเพื่อการส่งออก ณ ท่าเรือกรุงเทพ กลับมีระดับราคาเมื่อหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ค่า CESS ค่าเตรียมการ และพิธีการส่งออก รวมถึงค่าขนส่งแล้ว ยังมีระดับราคาสูงกว่าราคา TOCOM ซึ่งนำเข้ายางจากไทย ดังนั้นหากผลักดันให้ราคาของ AFET ซึ่งมีระดับราคาที่สูงกว่าเป็นราคาอ้างอิงก็จะเป็นประโยชน์แก่ไทย ซึ่งเป็นผู้ขายมากขึ้น
3.การซื้อขายล่วงหน้าใน AFET เป็นไปตามกลไกตลาดเสรีที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจสามารถเสนอซื้อและเสนอขายได้ในราคาและปริมาณที่พอใจ และราคาซื้อขายเป็นไปตามกลไกตลาด หากความต้องการซื้อมีมากกว่าความต้องการขาย ราคาจะมีแนวโน้มสูงขึ้น ตรงข้ามหากความต้องการขายมากกว่า ราคาจะมีแนวโน้มต่ำลง และราคายางพาราใน AFET นั้นมีความสัมพันธ์ไปในทิศทางเดียวกันกับราคายางในตลาดล่วงหน้าอื่น ๆ ดังนั้น กลยุทธ์ในการเสนอซื้อเพื่อผลักดันราคาที่สูงกว่าราคาปกติของตลาดก็มีความเสี่ยงจะถูกการเทขายจนราคาตกลงมาสู่ระดับที่ตรงกับความต้องการของคนส่วนใหญ่
4.AFETเชื่อว่าผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าวเป็นผู้มีประสบการณ์ในการซื้อขายล่วงหน้ายางพาราอย่างดี และเข้าใจกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามกรอบของกฎหมาย โดยเฉพาะพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การซื้อสินค้าเกษตรล่วงหน้า พ.ศ.2542
อย่างไรก็ตาม นายยุทธพงศ์ กล่าวด้วยว่า การพัฒนาศักยภาพของสถาบันเกษตรกรอย่างยั่งยืน ควรเปิดโอกาสให้เกษตรกรมีส่วนในการกำหนดราคาขายยางพารา และเข้ามามีส่วนสร้างกลไกตลาดยางพาราอย่างครบถ้วนและบูรณาการ ได้แก่ ตลาดกลางยางพารา ตลาดข้อตกลง และตลาดล่วงหน้า