- Home
- Community
- กระแสชุมชน
- เหตุล่าช้าติดปัญหากลุ่มคัดค้าน! ชาวชุมชนคลองลาดพร้าวจี้ 'ประยุทธ์' เร่งรัดก่อสร้างบ้านมั่นคง
เหตุล่าช้าติดปัญหากลุ่มคัดค้าน! ชาวชุมชนคลองลาดพร้าวจี้ 'ประยุทธ์' เร่งรัดก่อสร้างบ้านมั่นคง
ชาวชุมชนริมคลองลาดพร้าวกว่า 100 คน ยื่นหนังสือถึง 'พล.อ.ประยุทธ์' ให้หนุนโครงการพัฒนาพื้นที่ริมคลองลาดพร้าว-สร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วม เร่งรื้อบ้านเดิมออก เผยคืบหน้าสร้างบ้านใหม่แล้ว 31 ชุมชน รวม 2,602 หลัง ในพื้นที่ 8 เขต กทม. เหตุล่าช้าติดปัญหากลุ่มคัดค้านไม่เข้าร่วมโครงการ ทำให้ก่อสร้างเขื่อนช้ากว่าแผนงาน 40 %
ตามที่รัฐบาลมีโครงการพัฒนาพื้นที่ริมคลองลาดพร้าว โดยก่อสร้างเขื่อนคอนกรีตป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ ระยะทางรวม 45 กิโลเมตรในคลองลาดพร้าว ดำเนินการโดยสำนักการระบายน้ำ กทม. และรื้อย้ายบ้านเรือนที่ปลูกสร้างรุกล้ำคลองและแนวก่อสร้างเขื่อนฯ เพื่อก่อสร้างบ้านและชุมชนใหม่ รวม 50 ชุมชน จำนวน 7,069 ครัวเรือน โดยให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. สนับสนุนงบประมาณและช่วยเหลือชาวชุมชน แต่ขณะนี้การก่อสร้างเขื่อนและสร้างบ้านใหม่ยังดำเนินการได้ล่าช้า เนื่องจากติดขัดกลุ่มที่คัดค้าน ไม่เข้าร่วมโครงการ ไม่ยอมรื้อบ้านออกจากแนวคลองและแนวเขื่อน
ล่าสุดวันที่ 11 ก.ย. 2561 ชาวชุมชนริมคลองลาดพร้าวประมาณ 100 คน ได้รวมตัวกันที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ข้างทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงเจตนารมณ์สนับสนุนโครงการพัฒนาพื้นที่ริมคลองลาดพร้าวของรัฐบาล โดยมีนายสาธิต สุทธิเกษม หัวหน้าส่วนประสานมวลชนและองค์กรประชาชนศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาลมารับมอบหนังสือ หลังจากนั้นชาวชุมชนริมคลองลาดพร้าวได้ข้ามถนนมาที่หน้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อแสดงพลังและขอบคุณรัฐบาลที่สนับสนุนการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลอง
นางสาวสิริวรรณ กลิ่นหอม ผู้นำชุมชนหลังกรมวิทยาศาสตร์ทหารบก ริมคลองลาดพร้าว เขตจตุจักร กล่าวว่า พวกเราในนามของ “เครือข่ายชุมชนริมคลองลาดพร้าว” ซึ่งเป็นการรวมตัวของชาวชุมชนริมคลองลาดพร้าว 50 ชุมชน ในเขตต่างๆ คือ วังทองหลาง ห้วยขวาง ลาดพร้าว บางเขน จตุจักร หลักสี่ ดอนเมือง และสายไหม ได้สนับสนุนโครงการของรัฐบาล โดยการรื้อย้ายบ้านเรือนออกจากแนวคลองและแนวเขื่อนฯ และเข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคงหรือโครงการบ้านประชารัฐริมคลองลาดพร้าวที่ดำเนินการโดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน หรือ พอช. เนื่องจากเห็นว่าการสร้างเขื่อนฯ จะช่วยให้น้ำในคลองไหลได้สะดวก ป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ ได้
“นอกจากนี้ที่ผ่านมา บ้านเรือนของพวกเราที่ตั้งอยู่ริมคลองลาดพร้าว ส่วนใหญ่จะมีสภาพทรุดโทรม เพราะปลูกสร้างมานานหลายสิบปี มีความแออัด ไม่มีสถานที่ให้เด็กๆ ในชุมชนได้วิ่งเล่น และไม่มีการปรับปรุงบ้านเรือนให้ดีขึ้น เพราะพวกเราไม่รู้ว่าทางรัฐบาลจะเอาที่ดินคืนเมื่อไหร่ หากซ่อมแซมบ้านไปแล้ว หากรัฐบาลเอาที่ดินคืน พวกเราก็จะเสียเงินซ่อมบ้านไปฟรีๆ แต่เมื่อกรมธนารักษ์ให้ชาวชุมชนเช่าที่ดินได้ยาวถึง 30 ปี เมื่อหมดสัญญาจะต่อได้อีก และรัฐบาลได้สนับสนุนให้ชาวบ้านได้สร้างบ้านใหม่ มีเงินช่วยเหลือ มีเงินกู้สร้างบ้านจาก พอช. ผ่อนระยะยาว 15-20 ปี ผ่อนไม่เกินเดือนละ 2-3 พันบาท ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงเข้าร่วมโครงการ เพราะเห็นว่าจะทำให้ชีวิตของพวกเราดีขึ้น เด็กๆ จะได้มีบ้านใหม่ มีที่วิ่งเล่น พวกเราจึงสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล” ผู้นำชาวชุมชนริมคลองลาดพร้าวกล่าว
นางสาวสิริวรรณ กล่าวต่อว่า ตอนนี้ชุมชนต่าง ๆ ได้สร้างบ้านมั่นคงริมคลองลาดพร้าวไปแล้ว 31 ชุมชน สร้างบ้านเสร็จไปแล้ว 2,602 หลัง ในพื้นที่ 8 เขต แต่ยังมีกลุ่มชาวบ้านอีกส่วนหนึ่งที่ยังไม่ยอมเข้าร่วมโครงการ และเข้าร่วมกับกลุ่มคนที่คัดค้านโครงการ เช่น กลุ่มเจ้าของบ้านเช่า กลุ่มหอพัก นักเคลื่อนไหว ร่วมกันร้องเรียนและแจ้งความกล่าวหาโครงการบ้านมั่นคงมาตลอด เพื่อจะทำให้โครงการนี้ล่าช้าออกไป โดยหวังว่าถ้ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์หมดอายุไปแล้ว โครงการนี้ก็จะไม่ได้ทำต่อ กลุ่มที่คัดค้านก็จะได้ไม่ต้องรื้อย้ายบ้าน และจะได้อยู่ฟรี เก็บค่าเช่าฟรีต่อไปอีก
“พวกเราในนามของเครือข่ายชุมชนริมคลองลาดพร้าวจึงได้รวมตัวกัน เพื่อมายื่นหนังสือถึงท่านนายกฯ ในวันนี้ เพื่อขอขอบคุณรัฐบาลที่สนับสนุนโครงการนี้ และขอให้เดินหน้าโครงการนี้ต่อไป เพราะยังมีชาวชุมชนริมคลองลาดพร้าวอีกประมาณ 20 ชุมชน ประมาณ 3 พันครอบครัวที่ยังไม่ได้สร้างบ้านใหม่ เพราะติดขัดบ้านเรือนที่ไม่เข้าร่วมโครงการ และไม่ยอมรื้อย้าย ทำให้สร้างบ้านใหม่ไม่ได้ และการสร้างเขื่อนก็ต้องช้าออกไป เพราะติดบ้านที่ไม่ยอมรื้อย้าย พวกเราที่มาในวันนี้จึงขอให้ท่านนายกฯ ช่วยแก้ปัญหากลุ่มคนที่คัดค้านโครงการนี้ด้วย” ผู้นำชุมชนริมคลองลาดพร้าวกล่าว
ทั้งนี้ โครงการบ้านมั่นคงริมคลองลาดพร้าวหรือ ‘บ้านประชารัฐริมคลอง’ ดำเนินการในคลองลาดพร้าว 8 เขต รวม 50 ชุมชน จำนวน 7,069 ครัวเรือน บนที่ดินริมคลองซึ่งเป็นที่ดินราชพัสดุ โดยกรมธนารักษ์จะให้ชุมชนเช่าที่ดินระยะยาว 30 ปี (เมื่อหมดสัญญาต่อได้อีกคราวละ 30 ปี) ในอัตราผ่อนปรน ตั้งแต่ตารางวาละ 1.50- 3 บาทต่อเดือน และ พอช.สนับสนุนงบช่วยเหลือรวมครัวเรือนละ 147,000 บาท และสินเชื่อก่อสร้างบ้านตามราคาก่อสร้างบ้านจริง ไม่เกิน 400,000 บาท ผ่อนชำระคืน 15-20 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 บาท โดยขณะนี้มีผู้เข้าร่วมโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยในคลองลาดพร้าวจำนวน 5,196 ครัวเรือน และยังมีผู้ที่ไม่เข้าร่วมจำนวน 1,645 ครัวเรือน
ด้านนายวิเชียร ศรีแสงนิล ผู้จัดการโครงการก่อสร้างเขื่อนคอนกรีตระบายน้ำคลองลาดพร้าว บริษัทริเวอร์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทตอกเสาเข็มเพื่อก่อสร้างเขื่อนฯ ได้จำนวน 24,538 ต้น ได้ระยาวความยาวรวมประมาณ 19 กิโลเมตร จากเสาเข็มทั้งหมด 60,000 ต้น ความยาวรวม 45.3 กิโลเมตร คิดเป็นเนื้องานที่ได้ประมาณ 30 % ล่าช้ากว่าแผนงานประมาณ 40 %
“ถ้าไม่ติดปัญหาอุปสรรคในการก่อสร้าง ตอนนี้บริษัทจะต้องทำงานได้ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ และจะแล้วเสร็จตามกำหนดภายในช่วงกลางปีหน้า แต่ที่ผ่านมาติดปัญหาบ้านเรือนที่อยู่ในแนวเขื่อนยังไม่ยอมรื้อย้าย บางชุมชนรื้อย้ายไม่กี่หลัง ทำให้บริษัทเอาเครื่องจักร เอาปั้นจั่นเข้าไปตอกเสาเข็มในพื้นที่ริมคลองไม่ได้ จึงทำให้การก่อสร้างล่าช้าไปจากเดิม” ผู้จัดการโครงการฯ กล่าว
โครงการก่อสร้างเขื่อนคอนกรีตระบายน้ำในคลองลาดพร้าว เริ่มจากบริเวณอุโมงค์เขื่อนพระราม 9 –รามคำแหง เขตวังทองหลาง ไปยังประตูระบายน้ำคลองสองสายใต้ เขตสายไหม ระยะทางทั้งสองฝั่ง 45.3 กิโลเมตร และก่อสร้างประตูระบายน้ำ 1 แห่ง รวมทั้งขุดลอกคลองให้ลึกอีก 3 เมตรตลอดแนวคลอง บริษัทริเวอร์เอ็นจิเนียร์ริ่ง จำกัด ประมูลงานได้ในวงเงิน 1,645 ล้านบาท เริ่มสัญญา 15 มกราคม 2559 – 27 มิถุนายน 2562 โดยสำนักการระบายน้ำ กทม.รับผิดชอบโครงการ อย่างไรก็ตาม คาดว่า กทม.จะขยายสัญญาให้บริษัทรับเหมาออกไป
สำหรับกลุ่มผู้ที่คัดค้านและไม่เข้าร่วมโครงการ ในช่วงที่ผ่านมากรมธนารักษ์ในฐานะที่ดูแลที่ดินริมคลองได้แจ้งข้อกล่าวหากับแกนนำที่คัดค้านแล้ว 65 ราย ในข้อหาบุกรุกที่ดินราชพัสดุ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการในชั้นอัยการ ในขณะที่กรุงเทพมหานครกำลังดำเนินการกับกลุ่มที่ขัดขวางโครงการ ไม่ยอมรื้อย้ายบ้านจากแนวก่อสร้างเขื่อนฯ ซึ่งมีทั้งหมดประมาณ 470 ราย โดยอยู่ในระหว่างเจรจาขั้นสุดท้าย หากยังไม่ยอมรื้อย้าย ผู้บริหาร กทม.จะเสนอให้พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่า กทม.ใช้อำนาจตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 44 (ปว.44) ทั้งนี้ ปว. 44 ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมีอำนาจในการติดประกาศเพื่อให้ผู้รุกล้ำลำคลองรื้อย้ายสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ภายใน 15 วัน หากยังดื้อแพ่งและไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง เจ้าหน้าที่จากสำนักงานเขตสามารถรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างได้ทันที .