แพร่มติ ป.ป.ช.ชี้มูล 'วิจิตร พงษ์เพ็ง' อดีตนายกเทศมนตรีตำบลกลางดง นครราชสีมา เบิกจ่ายเงินเดือน ค่าตอบแทน เงินประจำตำแหน่งให้ตนเอง ทั้งที่ขาดคุณสมบัติมีลักษณะต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่ง เหตุเป็นบุคคลล้มละลายตามคำพิพากษา ส่งสำนวน อสส. ฟ้องร้องดำเนินคดีตามขั้นตอนกม.แล้ว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด นายวิจิตร พงษ์เพ็ง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลกลางดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา กรณีเบิกจ่ายเงินเดือนค่าตอบแทน และเงินประจำตำแหน่งให้กับตน ทั้งที่ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรี เนื่องจากเป็นบุคคลล้มละลาย ตามคำพิพากษาของศาลล้มละลาย คดีหมายเลขแดงที่ ล.3788/2559 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 โดยมิชอบ
โดยคดีนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติชี้มูลความผิดทางอาญาและทางวินัย ดังนี้
การกระทำของนายวิจิตร พงษ์เพ็ง ผู้ถูกกล่าวหา มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 91 ความผิดตาม พ.ร.บ. ป.ป.ช. พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ป.ป.ช. พ.ศ.2561 มาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และมีมูลความผิดตาม พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ.2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 73
ทั้งนี้ จากการไต่สวนเบื้องต้นปรากฏข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2561 ศาลล้มละลายกลาง ได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด นายวิจิตร พงษ์เพ็ง ผู้ถูกกล่าวหา ในฐานะจำเลยที่ 1 มีผลทำให้บรรดาอำนาจในการจัดกิจการและทรัพย์สินของนายวิจิตร พงษ์เพ็ง ตกแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่เพียงผู้เดียว แต่นายวิจิตร พงษ์เพ็ง กลับแจ้งให้นางชลิตษา พันชนะ หัวหน้าฝ่ายแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สิน ซึ่งได้รับคำสั่งแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการเงิน ให้ดำเนินการโอนเงินเดือน เงินค่าตอบแทน และเงินประจำตำแหน่ง ในอัตราเดือนละ 40,000 บาท ของตนเข้าบัญชีเงินเดือนของนายศุภชัย ราชวัฒน์ ที่ปรึกษานายกเทศมนตรีตำบลกลางดง โดยไม่มีอำนาจทำได้ จากนั้นนางชลิตษา พันชนะ ได้จัดทำรายละเอียดเงินเดือนและเสนอฎีกา พร้อมจัดทำเช็คเสนอนางสาวจิราวรรณ ชาญยุทธ ผู้อำนวยการกองคลัง นายทวี พลแสน ปลัดเทศบาลตำบลกลางดง และนายวิจิตร พงษ์เพ็ง เพื่ออนุมัติการเบิกจ่ายและลงนามในเช็คตามลำดับชั้น
ในรายละเอียดการถอนเงินแนบท้ายประกอบฎีกาเงินเดือนฝ่ายการเมืองและใบถอน ระบุว่า นายวิจิตร พงษ์เพ็ง จะได้รับเงินเงินเดือน เงินค่าตอบแทน และเงินประจำตำแหน่ง รวมทั้งสิ้น จำนวน 40,800 บาท ส่วนนายศุภชัย ราชวัฒน์ จะได้รับเงินรวมทั้งสิ้น จำนวน 7,200 บาท แต่หลังจากเมื่อจัดทำฎีกาและรายการเช็คครบถ้วนแล้ว นางชลิตษา พันชนะ ได้จัดทำหนังสือสำนักงานเทศบาลตำบลกลางดง ที่ นม 52502/295 ลงวันที่ 29 มีนาคม 2561 หนังสือสำนักงานเทศบาลตำบลกลางดง ที่ นม 52502/395 ลงวันที่ 27 เมษายน 2561 หนังสือสำนักงานเทศบาลตำบลกลางดง ที่ นม 52502/504 ลงวันที่ 30 พฤษภาคม 2561 หนังสือสำนักงานเทศบาลตำบลกลางดง ที่ นม 52502/528 ลงวันที่ 28 มิถุนายน 2561 และหนังสือสำนักงานเทศบาลตำบลกลางดง ที่ นม 52502/528 ลงวันที่ 28 มิถุนายน 2561 ขอส่งเงินเดือนประจำเดือนต่อธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) สาขากลางดง พร้อมกับรายละเอียดการจ่ายเงินเดือน ประจำเดือนแนบท้ายหนังสือดังกล่าวเป็นจำนวนทั้งหมด 4 เดือน คือในช่วงตั้งแต่เดือนมีนาคม 2561 - มิถุนายน 2561 ตามลำดับ โดยระบุให้นายวิจิตร พงษ์เพ็ง ผู้ถูกกล่าวหาได้รับเงิน จำนวน 800 บาท และนายศุภชัย ราชวัฒน์ ได้รับเงิน จำนวน 47,200 บาท โดยที่นางชลิตษา พันชนะ นางสาวจิราวรรณ ชาญยุทธ และนายทวี พลแสน ไม่ทราบเรื่องที่นายวิจิตร พงษ์เพ็ง ถูกศาลล้มละลายกลาง มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในขณะนั้น
ดังนั้น การที่นางสาวจิราวรรณ ชาญยุทธ และนายทวี พลแสน ได้พิจารณาเห็นชอบตามลำดับชั้นนั้น จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงินการเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2547 ข้อ 68 และเป็นการไม่ปฏิบัติตาม พรบ.วินัยการเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2561 มาตรา 37 และมาตรา 39 ส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งหรือถอดถอนดำเนินการทางวินัยไปตามหน้าที่และอำนาจกับนายทวี พลแสน ปลัดเทศบาลตำบลกลางดง นางสาวจิราวรรณ ชาญยุทธ ผู้อำนวยการกองคลัง เทศบาลตำบลกลางดง และนางชลิตษา พันชนะ หัวหน้าฝ่ายแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สิน เทศบาลตำบลกลางดง ตาม พ.ร.บ. ป.ป.ช. พ.ศ.2561 มาตรา 64 ต่อไป
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัย ไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งสำนวนการไต่สวนและเอกสารหลักฐาน พร้อมความเห็นไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน เพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจกับนายวิจิตร พงษ์เพ็ง ตามฐานความผิดดังกล่าว ตาม พ.ร.บ. ป.ป.ช. พ.ศ.2561 มาตรา 91 (1) (2) และมาตรา 98 แล้วแต่กรณีต่อไป และให้แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบด้วย และให้แจ้งผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด