“…ถ้าร่างกฎหมายเข้าสภาฯ ก็เหมือนเป็น blank cheque เพราะข้างในเราไม่รู้เลยว่า (Entertainment Complex) จะออกมาแบบไหน ยังไม่ชัดเจน แทนที่จะออกเป็นกฎหมายฉบับรอง ก็ไม่ กลับให้ไปให้อำนาจซุปเปอร์บอร์ดจัดการหมด...โดยไม่มีส่วนจากภาคประชาสังคมและภาควิชาการ ในการเข้าไปตรวจสอบถ่วงดุลได้…”
.......................................
แม้ว่าจนขณะนี้ จะยังไม่มีความชัดเจนว่า รัฐนาวาของ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ นายกรัฐมนตรี จะเดินหน้าผลักดัน ‘กาสิโนถูกกฎหมาย’ หรือไม่ และในรูปแบบใด หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) 'แพทองธาร 1' จะเข้าทำหน้าที่บริหารประเทศอย่างเป็นทางการในช่วงกลางเดือน ก.ย.นี้
แต่ทว่าท่าทีภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศ ที่สนใจเข้ามาลงทุน ‘กาสิโนถูกกฎหมาย’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Entertainment Complex ในประเทศไทย กลับเป็นไปอย่างคึกคัก โดยล่าสุด ‘ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์’ ประกาศแผนลงทุน Entertainment Complex มูลค่า 2 แสนล้านบาท ภายใต้ชื่อ ‘The Royal Siam Haven’
ปฐวี สุรินทร์ กรรมการบริหารราชตฤณมัยสมาคมฯ กล่าวกับสำนักข่าวอิศรา ว่า “เราเริ่มจากสนามม้า เราทำสนามม้า ถ้าทำสนามม้าอย่างเดียว มันไม่มีความน่าสนใจ สนามม้าสมัยใหม่ ต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับสมาชิก ส่วนจะมีกาสิโนอยู่ในนั้น (Entertainment Complex) หรือไม่ ก็ไม่ปฏิเสธ แต่ก็อยู่ที่ตรงจุดนั้น (กฎหมายผ่าน) เลย”
“จริงๆ เราพร้อมอยู่แล้ว ตัวเราพร้อมอยู่แล้ว แต่ถ้าจะมีผู้ร่วมทุนเข้ามา เราก็ไม่ปฏิเสธ ถ้าผู้ร่วมทุนที่เป็นมืออาชีพที่จะเข้ามา แต่เรื่องการลงทุนเราพร้อมอยู่แล้ว” ปฐวี ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามว่า หากในอนาคตราชตฤณมัยสมาคมฯ จะมีการลงทุน ‘กาสิโนถูกกฎหมาย' ทางสมาคมฯมีความพร้อมในเรื่องผู้ร่วมทุนหรือไม่
สำหรับแผนการลงทุน Entertainment Complex ของ ราชตฤณมัยสมาคมฯ นั้น จะประกอบไปด้วย สนามม้าแห่งใหม่ โรงแรมระดับ 6 ดาว สนามกอล์ฟ สนามมวย สนามเทนนิส สระว่ายน้ำ ยอร์ชคลับ ภัตตาคารหรู โรงละคร โรงพยาบาล การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ศูนย์อุทยานการเรียนรู้ และกิจกรรมกีฬาอื่นๆ
“เราจะมีหอคอยฟอกอากาศ เราจะมีแลนด์มาร์ค มีวัฒนธรรมไทยอะไรประมาณ เราจะมีอาคารสูงที่ใช้ประโยชน์ได้และสูงที่สุดในเอเชีย เราจะมีศูนย์อุทยานการเรียนรู้ เราจะมีวัฒนธรรมไทยอยู่ตรงนี้ และตรงนี้ (Entertainment Complex) จะเป็นโครงการ Mixed-Use ที่น่าสนใจและใหญ่ที่สุดในเอเชีย” ปฐวี ย้ำ
ก่อนหน้านี้ บริษัทเจ้าของธุรกิจกาสิโนทั่วโลก ต่างแสดงความสนใจที่เข้ามาลงทุนธุรกิจกาสิโนถูกกฎหมาย ‘แห่งแรก’ ในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม Wynn Resorts , กลุ่ม MGM China Holdings Limited ,กลุ่ม Hard Rock Cafe , กลุ่ม Caesars Entertainment และกลุ่ม Las Vegas Sands เป็นต้น
ร็อบ โกลด์สตีน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Las Vagas Sands ซึ่งมีที่ตั้งหลักใน ลาสเวกัส รัฐเนวาด้า สหรัฐ ระบุ “เป็นตลาดที่น่าตื่นเต้นมากในหลายระดับ เนื่องจากจำนวนประชากร การเข้าถึง และความเต็มใจของผู้คนที่จะเดินทางมายังประเทศไทย ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจน ผมคิดว่าประเทศไทย เป็นประเทศปลายทางรีสอร์ตอันดับหนึ่งในเอเชีย”
@‘สภาผู้แทนราษฎร’ตั้ง‘กมธ.’ 2 คณะ ศึกษา‘กาสิโนถูกกม.’
หากย้อนเวลากลับไปในช่วง 3-4 ปีก่อนหน้านี้ ประเด็น ‘กาสิโนถูกกฎหมาย’ ถูกหยิบยกเป็น ‘ญัตติ’ เพื่อพิจารณาในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรหลายวาระ ก่อนจะนำไปสู่การแต่งตั้ง ‘คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ’ พิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) ซึ่งมี ‘กาสิโนถูกกฎหมาย’ เป็นส่วนประกอบ จำนวน 2 คณะ ได้แก่
คณะแรก-คณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) การจัดเก็บรายได้และภาษีจากธุรกิจกาสิโนถูกกฎหมาย และมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาบ่อนการพนันผิดกฎหมาย การแพร่ระบาดของตู้เกมพนันไฟฟ้าและการพนันออนไลน์ สภาผู้แทนราษฎร (ชุดที่ 25) แต่งตั้งเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.2564
ทั้งนี้ หลังจากใช้เวลาในการพิจารณาศึกษานาน 8 เดือน คณะกรรมาธิการฯ ได้เสนอรายงานผลการศึกษาฯ เรื่อง การเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) การจัดเก็บรายได้และภาษีจากธุรกิจกาสิโนถูกกฎหมายฯ ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร (ชุดที่ 25) สรุปได้ว่า กฎหมายที่มีอยู่เปิดช่องให้รัฐบาลเปิดกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศได้
“พ.ร.ฎ.ว่าด้วยเงื่อนไขการพนัน ตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 (ฉบับที่ 2) ยังคงเปิดช่องให้รัฐบาลสามารถเปิด ‘สถานกาสิโน’ ที่ถูกต้องตามกฎหมายได้ โดยสถานกาสิโนที่ตั้งขึ้นต้องเป็นของเป็นของรัฐบาล มิใช่ของเอกชน และผู้จัดตั้งจะต้องเป็นกระทรวงการคลังเท่านั้น
เว้นแต่รัฐบาลสัมปทานให้เอกชน เป็นผู้ดำเนินการแทน โดยไม่ใช่ฐานะเป็นเจ้าของกิจการสถานกาสิโนเองเหมือนในต่างประเทศ” รายงานผลการพิจารณาศึกษาญัตติ เรื่อง การเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) การจัดเก็บรายได้และภาษีจากธุรกิจกาสิโนถูกกฎหมายฯ หน้าที่ 100 ระบุ
รายงานฯฉบับดังกล่าว ยังมีข้อเสนอเกี่ยวกับแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) เช่น ควรให้สัมปทานกับคนไทยหรือให้ร่วมทุนจากหลายๆแห่ง และควรให้มีการแข่งขัน ต้องมีข้อกำหนดในการเข้าเล่นการพนัน เช่น อายุ และจำนวนเงินของผู้เล่น
รวมถึงต้องมีการแก้กฎหมายหรือร่างกฎหมายใหม่ให้ทันสมัย โดยเน้นที่กลไกควบคุม ป้องกัน ลดผลกระทบการพนัน และต้องมีคลินิกบำบัดการพนัน เป็นต้น (อ่านเพิ่มเติม : รายงานผลการพิจารณาศึกษาญัตติ เรื่อง การเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) การจัดเก็บรายได้และภาษีจากธุรกิจกาสิโนถูกกฎหมายฯ)
คณะที่สอง-คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย และเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ สภาผู้แทนราษฎร (ชุดที่ 26) แต่งตั้งเมื่อวันที่ 26 ต.ค.2566 โดยมี จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ เป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ
ต่อมาวันที่ 28 มี.ค.2567 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร (ชุดที่ 26) มีมติ 253 ต่อ 0 งดออกเสียง 2 ไม่ลงคะแนน 2 เสียง เห็นชอบ ‘รายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง ศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย และเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ’ ตามที่คณะกรรมาธิการฯ เสนอ
โดยรายงานฯฉบับนี้ เห็นว่า หากมีการสร้างสถานบันเทิงแบบครบวงจรและกาสิโนในประเทศไทย ให้ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว จะส่งผลให้ชาวต่างชาติมาท่องเที่ยวเมืองไทยเพิ่มมากขึ้น และรัฐจะสร้างงานให้กับประชาชนได้จำนวนมาก ทั้งแรงงานที่ทำงานในสถานที่ดังกล่าว รวมทั้งแรงงานในภาคส่วนที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ภาคบริการ และอาหารการกิน เป็นต้น
อย่างไรก็ดี หากมีการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร กาสิโน รวมถึงการเล่นพนันถูกกฎหมายอื่นๆ รัฐควรมีการจัดตั้งกองทุนเพื่อลดผลกระทบจากการพนันและสถานบันเทิงครบวงจร เป็นต้น (อ่านเพิ่มเติม : รายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง ศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายฯ)
(จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์)
@มติ‘ครม.เศรษฐา’สั่งยกร่าง‘พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร’
จากนั้นในวันที่ 9 เม.ย.2567 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มี เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เป็นประธานฯ ได้มีมติ ‘รับทราบ’ รายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง ศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายฯ ของคณะกรรมาธิการฯ
ก่อนที่ในอีก 2 เดือนต่อมา หรือเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.2567 ครม. มีมติมอบหมายให้ รมช.คลัง (จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์) ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ พิจารณาแนวทางและศึกษาความเป็นไปได้ในการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร รวมทั้งพิจารณาจัดทำร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวกับการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร และนำมาเสนอ ครม. ต่อไป (อ่านเอกสารประกอบ)
“ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.2567 นายกรัฐมนตรี เสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (9 เม.ย.2567) มอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลัก ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางและความเหมาะสมเกี่ยวกับการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรแล้ว ให้สรุปผลการพิจารณาในภาพรวมเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป นั้น
เพื่อให้การดำเนินการในเรื่องนี้มีความคืบหน้าโดยเร็ว จึงขอมอบหมายให้กระทรวงการคลัง (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์)) เร่งรัดการพิจารณาเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จ และได้แนวทางการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมชัดเจนโดยเร็ว แล้วให้กระทรวงการคลังร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
พิจารณาจัดทำร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวกับการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร รวมทั้งแผนการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน โดยให้นำร่างพระระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ....และความเห็นของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมาประกอบการพิจารณาด้วย ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
ทั้งนี้ ให้ดำเนินการเรื่องนี้ให้ถูกต้องตามขั้นตอนที่บัญญัติไว้ในกฎหมายและรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยอย่างเคร่งครัด ซึ่งคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้ว ลงมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ” หนังสือแจ้งมติ ครม. ลงวันที่ 6 มิ.ย.2567 ระบุ
(เศรษฐา ทวีสิน ที่มาภาพเพจเฟซบุ๊ก เศรษฐา ทวีสิน - Srettha Thavisin)
ต่อมาในวันที่ 2 ส.ค.2567 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง ได้นำ ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ไปเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผู้เกี่ยวข้อง โดยจะทำการเปิดรับฟังความคิดเห็นระหว่างวันที่ 2-18 ส.ค.2567
“โดยที่ปัจจุบันการท่องเที่ยวเป็นภาคอุตสาหกรรมที่นำรายได้เข้าสู่ประเทศเป็นจำนวนมาก และธุรกิจสถานบันเทิงเป็นกิจกรรมสำคัญที่กระตุ้นให้นักท่องเที่ยวได้ใช้จ่าย การส่งเสริมและกำกับดูแลเพื่อให้เกิดธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรที่ได้มาตรฐานเพื่อรองรับการท่องเที่ยว จึงเป็นมาตรการสำคัญที่จะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในประเทศ ซึ่งจะก่อให้เกิดผลดีต่อสังคมในภาพรวม และเป็นการสนับสนุนให้เกิดการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้” เหตุผลของ ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ระบุ
ขณะที่ ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ... ฉบับนี้ มีสาระสำคัญ เช่น การกำหนดให้มี “คณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร” ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ (ร่างมาตรา 6)
โดยคณะกรรมการฯชุดนี้ มีอำนาจกำหนดนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร ,การกำหนดอัตราภาษีที่เกี่ยวกับกาสิโน การกำหนดสัดส่วนพื้นที่ของกาสิโนในสถานบันเทิงครบวงจร ,การกำหนดจำนวนใบอนุญาต และพื้นที่ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ,กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การให้สินเชื่อแก่ผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันในกาสิโน ไปจนถึงการกำหนดนโยบายป้องกัน แก้ไข หรือเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสถานบันเทิงครบวงจร (ร่างมาตรา 11)
ส่วนในหมวด 6 การอนุญาตให้ประกอบสถานบันเทิงครบวงจร นั้น ได้กำหนดให้สถานบันเทิงครบวงจรตั้งอยู่ในบริเวณเขตพื้นที่ตามที่กำหนดใน พ.ร.ฎ. โดยจะต้องประกอบไปด้วยธุรกิจสถานบันเทิงตามบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัตินี้อย่างน้อย 4 ประเภท ร่วมกับกาสิโน (ร่างมาตรา 41)
การกำหนดให้ใบอนุญาตประกอบการสถานบันเทิงครบวงจรมีอายุ 30 ปี โดยมีค่าธรรมเนียมใบอนุญาตครั้งแรก 5,000 ล้านบาท (ร่างมาตรา 49) และห้ามไม่ให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าไปในสถานประกอบการกาสิโน (ร่างมาตรา 55) เป็นต้น (อ่านประกอบ : เปิด‘ร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรฯ’ดัน‘กาสิโน’ถูกกม.-ค่า'ใบอนุญาตฯ'ครั้งแรก 5 พันล้าน)
@ห่วง‘ร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรฯ‘เอื้อทุนใหญ่’
เพียงไม่กี่วันหลังจาก ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ของ สศค. เปิดเผยสู่สาธารณะ ได้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนักวิชาการและภาคประชาสังคม ซึ่งไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ เนื่องจากเจตนาของร่างกฎหมายฉบับนี้ ไม่ใช่การทำ Entertainment Complex แต่ต้องการทำ ‘กาสิโนถูกกฎหมาย’ มากกว่า
“ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ จริงๆแล้ว ควรชื่อว่า พ.ร.บ.กาสิโน หรือ พ.ร.บ.ควบคุมกาสิโนไปเลย ไม่ใช่ Entertainment Complex นี่เป็นเจตนาที่เอา Entertainment Complex มาคลุม เอามาปิด เพื่อไม่ให้ระคายเคือง เพราะถ้าพูดว่ากาสิโนโดยตรง พูดทีไรระคายเคืองทุกที และคนก็จะไม่เอา
เขาพยายามทำให้มันดูซอฟต์ๆ มัวๆ บอกว่า ไม่ใช่แค่กาสิโนอย่างเดียว มีอื่นๆอีก แต่ทำไปทำมา ดูเหมือนว่า Entertainment Complex จะหดลงๆ และจริงๆแล้ว มันเป็นกาสิโนชัดๆ” ธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวในการเสวนา ‘วิพากษ์ (ร่าง) พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่’ เมื่อวันที่ 12 ส.ค.2567
ธนากร ระบุว่า เมื่อพิจารณาเนื้อหา ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... แล้ว มีคำที่อยากเสนอ 3 คำ คือ ไม่ตรงปก ตีเช็คเปล่า และเอื้อทุนใหญ่
ธนากร ขยายความว่า คำแรก ‘ไม่ตรงปก’ คือ ร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ฉบับนี้ ไม่ตรงกับสิ่งที่รายงานผลการศึกษาเรื่อง Entertainment Complex ที่ ‘คณะกรรมาธิการฯ’ ของสภาผู้แทนราษฎร ทั้ง 2 ชุด ได้ขายฝันเอาไว้ เช่น ในรายงานฯบอกว่าควรให้มีพื้นที่กาสิโนไม่เกิน 5% แต่ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ตัดเนื้อหาในส่วนนี้ไป
“สิ่งที่เขาเคยขายฝันในรายงานของคณะกรรมาธิการฯ ว่า กาสิโน เป็นแค่ไม่เกิน 5% ของพื้นที่ Entertainment Complex แต่เรื่องนี้ก็หายไป ที่สำคัญในรายงานผลศึกษาฯ บอกว่าจะต้องมีกลไกป้องกันและฟื้นฟูผลกระทบจากการพนัน แต่พอไปอยู่ในร่างกฎหมาย เรื่องกองทุนป้องกันและฟื้นฟูผลกระทบฯถูกตัดทิ้งทั้งยวง” ธนากร ระบุ
คำที่สอง ‘ตีเช็คเปล่า’ โดยร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว กำหนดให้มีบอร์ดนโยบาย (คณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร) ที่มี 18 อรหันต์ โดยบอร์ดชุดนี้ มีอำนาจล้นฟ้า รวบอำนาจไว้ที่จุดเดียว และแม้ว่าร่างกฎหมายจะให้มีคณะกรรมการบริหารขึ้นมาอีกชุด แต่ทุกอย่างก็ยังอยู่ภายใต้การสั่งการของบอร์ดนโยบายฯทั้งสิ้น
“ซุปเปอร์บอร์ดคณะนี้ มีอำนาจชี้ชะตากาสิโนไทยตั้งแต่ทำคลอดจนลงโลง คือ ตั้งแต่เกิดจนปิดฝาโลง โดยร่างกฎหมายนี้ให้อำนาจซุปเปอร์บอร์ดเป็นผู้กำหนดว่า จะมีได้กี่แห่ง และรัฐบาลก็ไม่เคยพูดว่าจะมีกี่แห่ง จะให้ตั้งไหนบ้าง จะให้ทำกิจการใดได้บ้าง จะให้มีพื้นที่กาสิโนกี่เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่อยู่ที่ซุปเปอร์บอร์ดกำหนด
จะเก็บภาษีเท่าไหร่ ไม่มีเขียนกรอบหรือหลักการเอาไว้เลย ทุกอย่างอยู่ที่อำนาจซุปเปอร์บอร์ด จะอนุญาตให้ใครทำ มีคุณสมบัติเป็นอย่างไร จะให้ทำนานแค่ไหน จะเปลี่ยนตัวผู้บริหาร ก็เปลี่ยนได้ จะให้เปิดปิดกี่โมง และคนไทยจะเข้าไปจ่ายเท่าไหร่ ส่วนคนที่เล่น (เสียพนัน) หมดแล้ว ไม่เป็นไร เมื่อเงินหมด กาสิโนก็ให้กู้ได้อีก” ธนากร กล่าว
นอกจากนี้ ในขณะที่ ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ฉบับคณะกรรมาธิการฯ ในมาตรา 50 กำหนดไว้ว่า หาก Entertainment Complex จะไปตั้งอยู่ที่ไหน จะต้องมีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียงก่อน แต่ ร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ฉบับรัฐบาล ได้ตัดเนื้อส่วนนี้ออกไป
“เป็นที่น่าเสียดายว่า แม้ว่าร่างกฎหมายฉบับ กมธ. จะมีจุดโหว่ แต่ร่างนี้ (ฉบับรัฐบาล) กลับแย่กว่า เพราะเดิมที ก่อนที่จะประกาศกำหนดเขตว่า Entertainment Complex จะตั้งอยู่ที่ไหน จะต้องมีการจัดรับฟังความในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียงก่อน แต่ถูกตัดทิ้งทั้งหมด ไม่ต้องสนใจฟังประชาชน ไม่ต้องถามใคร อยู่ที่ซุปเปอร์บอร์ดอย่างเดียว” ธนากร ระบุ
คำที่สาม ‘เอื้อทุนใหญ่ ให้ถือยาว’ โดยร่าง พ.ร.บ.กำหนดให้ผู้จะได้รับใบอนุญาต Entertainment Complex นั้น ไม่ต้องประมูล แต่ให้บอร์ดนโยบายฯเป็นผู้อนุญาต และใบอนุญาตฯมีอายุ 30 ปี และต่ออายุได้คราวละ 10 ปี แตกต่างจากร่าง พ.ร.บ.ฉบับของ กมธ. ที่กำหนดอายุใบอนุญาตฯไว้เพียง 20 ปีเท่านั้น
“ในร่างกฎหมายมีคำว่าขึ้นอยู่กับซุปเปอร์บอร์ด 20 กว่าจุด เช่น ถ้าได้รับอนุญาตแล้ว แต่ไม่พร้อมเปิด ถ้าซุปเปอร์บอร์ดใจดี ก็ขยายเวลาได้ อย่างนี้เอื้อหรือไม่เอื้อ และร่างมาตรา 14 ให้อำนาจซุปเปอร์บอร์ดเสนอ ครม. ปรับปรุงกฎหมายที่เป็นอุปสรรคหรือมีกฎหมายใหม่ได้ สามารถใช้อำนาจนี้เอื้อใครก็ได้ ถ้ากฎหมายเป็นอุปสรรค” ธนากร ย้ำ
ธนากร กล่าวด้วยว่า “ถ้าร่าง พ.ร.บ.นี้ ผ่าน เราจะมีคะแนนดัชนีคอร์รัปชัน (Corruption Perceptions Index) แย่ลง เพราะเขายกอำนาจให้ซุปเปอร์บอร์ด ให้ทุกอย่างอยู่ใต้ตัดสินการตัดสินใจของซุปเปอร์บอร์ด ยกให้ทุนผูกขาด ทุนใหญ่ โดยใช้วิธีอนุญาต ไม่มีการแข่งขัน ไม่มีกลไกตรวจสอบ เพราะอำนาจอยู่ที่ซุปเปอร์บอร์ด ไม่มีการรับฟัง”
“ผมอยากจินตนาการให้เราเห็นตรงกันว่า กาสิโน ก็คือ การพนัน มันเปรียบเหมือนเสือ เป็นเสือที่มีความดุร้าย การพนัน มีคนเสีย มีคนได้ แต่คนเสียเยอะกว่าคนได้ มันจึงเหมือนเสือที่มีความดุร้าย แต่ไอเดียของฝ่ายการเมืองและของรัฐบาล คือ ต้องการเอาเสือ เอาละครสัตว์มาจัดโชว์ เพื่อหวังนักท่องเที่ยวมาดู หรือหวังให้คนที่อยากดู มาดู
แต่เสือก็ยังเป็นเสือ ถ้าเอามันมาแล้ว ดูแลไม่ดี มีกรง แต่รั่วรอบขอบชิดไม่พอ เสือก็ออกไปขบกัดคนได้ ถ้าจะเอาเสือมาโชว์ เพื่อหวังจะ make money หวังสร้างเม็ดเงินทางเศรษฐกิจ กรงคุณต้องแข็งแรงมากพอ นั่นก็คือกฎหมาย เราต้องเชื่อมั่นว่า กฎหมายต้องแข็งแรงมากพอที่จะไม่ทำให้เสือมีช่องโหว่ ให้เสือออกไปขบคน ข่วนคน” ธนากร ย้ำ
(ธนากร คมกฤส ที่มาภาพ : มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน)
@‘ปชช.-ภาคสังคม’ไม่มีส่วนร่วมตัดสินใจ‘กาสิโนถูกกม.’
ด้าน รศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า หาก ร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เข้าสภาฯ ก็ไม่ต่างอะไรกับการ ‘ตีเช็คเปล่า’ เพราะแทนที่จะกำหนดหลักเกณฑ์ต่างๆในเรื่อง Entertainment Complex ไว้ในกฎหมายฉบับรองๆ แต่กลับไปให้อำนาจตรงนี้กับซุปเปอร์บอร์ดทั้งหมด
“ถ้าร่างกฎหมายเข้าสภาฯ ก็เหมือนเป็น blank cheque (ตีเช็คเปล่า) เพราะข้างในเราไม่รู้เลยว่า (Entertainment Complex) จะออกมาแบบไหน ยังไม่ชัดเจน แทนที่จะออกเป็นกฎหมายฉบับรอง ก็ไม่ กลับให้ไปให้อำนาจซุปเปอร์บอร์ดจัดการหมด...โดยไม่มีส่วนจากภาคประชาสังคมและภาควิชาการในการเข้าไปตรวจสอบถ่วงดุลได้” รศ.ดร.นวลน้อย กล่าว
รศ.ดร.นวลน้อย ระบุด้วยว่า ในขณะที่รัฐบาลพยายามวาดฝันว่า ร่าง พ.ร.บ.Entertainment Complex จะกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยนำโมเดลกาสิโนในลาสเวกัส สหรัฐ มาพูดว่า คนในรัฐเล่นน้อยมาก คนที่มาเล่นส่วนใหญ่เป็นคนนอกประเทศหรือคนนอกรัฐหมดเลย ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ถ้าคนภายในเข้ามาเล่นได้ จะสร้างต้นทุนทางสังคมมหาศาล
“ใน ร่าง พ.ร.บ. พยายามละเลยที่จะมองเห็นสิ่งต่างๆที่เป็นข้อเท็จจริง พยายามวาดฝันเรื่องท่องเที่ยว เจตนารมณ์ของร่างกฎหมายก็พูดแต่เรื่องท่องเที่ยว มองว่าเป็นเรื่องของคนที่อื่น ไม่ได้เป็นคนในประเทศ และอะไรที่เป็นผลกระทบก็จะถูกตัดทิ้ง และที่ยังงงๆ คือ มีเพิ่มในเรื่องการให้สินเชื่อ ให้คนกู้ไปเล่นพนันได้” รศ.ดร.นวลน้อย กล่าว
รศ.ดร.นวลน้อย ยังอ้างถึงผลสำรวจของศูนย์ศึกษาปัญหาการพนันเกี่ยวกับกาสิโนถูกกฎหมาย ว่า มีคนที่ไม่เห็นด้วยกับการให้มีกาสิโนถูกกฎหมายมากกว่า 50% และคนที่เห็นด้วย 30% ส่วนอีกประมาณ 10% นั้น ยังตัดสินใจไม่ได้ เพราะเป็นที่ไม่เล่นพนัน จึงตัดสินใจไม่ได้ว่าจะให้มีหรือไม่มี เพราะไม่มีประสบการณ์
ส่วน วิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวว่า ตอนนี้ฝ่ายการเมืองคิดอยู่ 2 เรื่อง คือ เรื่องแรก รัฐบาลไม่มีเงิน และไม่รู้ว่าจะเอาเงินมาจากไหน จึงคิดว่าการเปิดให้มีกาสิโนถูกกฎหมายน่าจะเป็นหนทางที่น่าจะทำให้ได้เงินเข้ามา โดยอาจไม่ได้มองผลกระทบมิติเชิงสังคมมากนัก
เรื่องที่สอง นักการเมืองบ้านใหญ่และนักการเมืองที่มีอิทธิพล อยากให้มีกาสิโนถูกกฎหมายเข้ามาตั้งอยู่ในพื้นที่ของตนเอง เพราะหากลงมาได้ก็จะมีอะไรตามมาอีกมากมาย และที่ผ่านมามีข่าวว่า ผู้ประกอบการจากลาสเวกัส มาเลเซียและมาเก๊า สนใจที่จะเข้ามาลงทุนกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทย ก็เชื่อว่าน่าจะมีการคุยกันล่วงหน้าไปแล้ว
วิเชษฐ์ ยังเสนอว่า ในการนำ ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ไปเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนนั้น ควรจะเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นใน ‘ทุกภูมิภาค’ ไม่ใช่เป็นการเปิดรับความคิดเห็นผ่านระบบออนไลน์เท่านั้น พร้อมทั้งตั้งคำถามว่า หากมีเปิดกาสิโนถูกกฎหมายในพื้นที่ใดประชาชนจะมีส่วนร่วมหรือไม่
“กระบวนการตัดสินใจต่างๆ เป็นอำนาจของคณะกรรมการนโยบายฯ หรือคณะกรรมการบริหาร ซึ่งขาดการยึดโยงกับประชาชน...อยากถามว่าชาวบ้านมีส่วนร่วมในการตัดสินใจหรือเปล่า ทั้งระดับนโยบายและบริหาร หรือแม้แต่ในท่องถิ่น ถ้ามี (กาสิโนถูกกฎหมาย) ลงไป ได้ถามชาวบ้านหรือเปล่า และยึดโยงกับพื้นที่ขนาดไหน” วิเชษฐ์ กล่าว
@ผลกระทบ‘กาสิโน’รุนแรง ในปท.บังคับใช้ กม.‘อ่อนด้อย’
ขณะที่ ผศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ภาคประชาสังคมมีความเป็นห่วงอย่างยิ่ง ในการนำการพนันประเภท ‘กาสิโน’ มาเป็นกิจกรรมที่ถูกกฎหมาย และอยากตั้งคำถามไปถึงรัฐบาลว่า รัฐบาลรู้ได้อย่างไรว่า การมีกาสิโนถูกกฎหมายจะทำให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ ผศ.ดร.ชิดตะวัน ได้กล่าวถึงผลกระทบของกาสิโน ‘มิติทางสังคม’ ว่า จากงานวิจัยเมื่อปี 2017 ซึ่งเผยแพร่ในวารสาร Gaming Studies ซึ่งเป็นวารสารวิจัยชั้นนำของโลก นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Buffalo นิวยอร์ก สหรัฐฯ ได้ทำการศึกษาผลของการมีกาสิโนว่า โดยพบว่ามีผลกระทบต่อสังคมในหลายมิติ
“ยิ่งมีกาสิโนถูกกฎหมาย ในพื้นที่ใด และนานขึ้นเท่าใด จะมีผลทำให้ผู้คนที่มีปัญหาการพนันเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และเวลาคนติดการพนัน ก็จะมีผลต่อปัญหาหนี้ครัวเรือน สถาบันครอบครัวไม่เข็มแข็ง และมีปัญหาอาชญกรรม โดยกาสิโนถูกกฎหมายนั้น มีความสัมพันธ์ต่ออัตราการเกิดอาชญากรรมในสหรัฐฯ” ผศ.ดร.ชิดตะวัน กล่าว
ผศ.ดร.ชิดตะวัน ระบุว่า “จากผลการศึกษาฯพบว่า คนติดพนันมีแนวโน้มฆ่าตัวตายสูงกว่าคนปกติ 12 เท่า และเมื่อติดการพนันแล้ว ต่อให้มีการบำบัดแล้ว โอกาสกลับมาเป็นทรัพยากรที่มีศักยภาพเป็นไปได้ยากมาก ดังนั้น รัฐบาลที่มองกาลไกลและหวังดีต่อประเทศชาติและประชาชน จะไม่นำประชาชนไปติดพนันก่อน แล้วนำมาบำบัด”
ส่วนผลกระทบของกาสิโนถูกกฎหมายใน ‘มิติเศรษฐกิจ’ นั้น ผศ.ดร.ชิดตะวัน ระบุว่า การที่รัฐบาลมองว่า Entertainment Complex และกาสิโนถูกกฎหมาย เป็นเรื่องเศรษฐกิจ เป็นการสร้างรายได้ให้ภาครัฐ ทำให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่ที่มีกาสิโน และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ที่มีกาสิโนตั้งอยู่ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ได้เป็นเช่นนั้น
“มิติแรก ภาครัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นจริงหรือไม่ ผลการศึกษาของ ศ.เอิร์ล ไกรโนลลส์ (Earl Grinols) ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ด้านการคลัง ทำการศึกษาในเรื่องการพนันมายาวนาน ได้มีผลศึกษาที่น่าตกใจว่าเงิน 1 ดอลลาร์ที่ได้มาจากภาษีกาสิโน แต่รัฐต้องเสียงบประมาณในการเยียวยาผลกระทบที่เกิดจากกาสิโน 3 ดอลลาร์ฯ คือ ได้ไม่คุ้มเสีย
ขณะที่ผลการศึกษาของมลรัฐนิวเจอร์ซีย์ พบว่า แม้ว่ากาสิโนจะทำให้การจ้างงานเพิ่มขึ้นจริง แต่เป็นการจ้างที่ไม่ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจกับประเทศ เพราะคนส่วนใหญ่ที่ทำงานประเภทที่อยู่ในกาสิโน ส่วนใหญ่เป็น low skill ไม่ต้องมีทักษะมากมาย การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เปลี่ยนผ่านไปสู่ประเทศรายได้สูง จึงเป็นไปได้ยาก…
สุดท้าย การมีกาสิโนเป็นกิจกรรมถูกกฎหมายจะกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศหรือในพื้นที่ได้หรือไม่...ผลศึกษาของ Federal Reserve Bank of Philadelphia พบว่า เมืองแอตแลตติกซีตี้ ซึ่งเป็นพื้นที่หาดทรายสวย น้ำทะเลใส และมีกาสิโนถูกกฎหมายในปี ค.ศ.1976 แต่ปรากฏว่า การมีกาสิโนถูกกฎหมายในเมืองแอตแลตติกซีตี้ ไม่ได้เกิดผลดีต่อพื้นที่
เพราะถ้าดูในแง่รายได้เฉลี่ยของประชากรในแอตแลตติกซิตี้ จะพบว่ารายได้เฉลี่ยของประชากรในแอตแลตติกซิตี้ต่ำกว่าพื้นที่อื่นๆในมลรัฐเดียวกัน และมีความยากจนสูงมาก โดยจำนวนคนสัดส่วนคนที่ต่ำกว่าเส้นยากจนในแอตแลตติกซิตี้อยู่ที่ 32.4% ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของทั้งมลรัฐอยู่ที่ 9.7%” ผศ.ดร.ชิดตะวัน กล่าว
ผศ.ดร.ชิดตะวัน ย้ำว่า “ประเทศที่มีการบังคับใช้กฎหมายที่ดี ไม่ค่อยมีการคอร์รัปชัน หรือมีการจัดการด้านสังคมที่ดี อันสืบเนื่องจากประชากรส่วนใหญ่มีคุณภาพ เวลามีกาสิโนถูกกฎหมายขึ้นมา มันจึงไม่ก่อให้เกิดความเสียหายมากเท่าใดนัก แต่หากประเทศใด มีการคอร์รัปชันอยู่ในมิติที่รุนแรง การบังคับใช้กฎหมายยังอ่อนด้อย หรือมีความอ่อนแอ หากคิดจะเปิดกาสิโนเป็นกิจกรรมถูกกฎหมาย ก็พึงระวังว่าจะเกิดหายนะทางสังคมและเศรษฐกิจ”
@‘เพื่อไทย-ภูมิใจไทย’ถกข้อเสนอตั้ง‘Entertainment Complex’
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน กำลังเดินหน้าผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... แต่แล้วทุกอย่างต้องสะดุดหยุดลง เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีมติเมื่อวันที่ 14 ส.ค.2567 ให้ เศรษฐา ทวีสิน ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อันเนื่องจากกรณีการแต่งตั้ง พิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี
ก่อนที่ความเคลื่อนไหวในเรื่อง ‘กาสิโนถูกกฎหมาย’ จะถูกจุดประกายขึ้นอีกครั้ง เมื่อ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งบิดาของนายกฯคนปัจจุบัน และเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลทางความคิดต่อ ‘พรรคเพื่อไทย' แกนนำรัฐบาลผสม ได้แสดงวิสัยทัศน์บนเวที Vision for Thailand 2024 เกี่ยวกับ Entertainment Complex ที่มีพื้นที่ ‘กาสิโน’ 10%
“Entertainment Complex ขออธิบายนิดหนึ่ง Entertainment Complex ในหลายประเทศ โดยเฉพาะสิงคโปร์ ความจริงแล้ว ตอนนั้น ผมคิดแล้ว แต่ทำไม่ได้ เพราะมีคนค้าน แต่วันนี้ ผมไม่ได้คิด เลยไม่มีใครค้าน ก็มีคนเชียร์เยอะ ใน Entertainment Complex มันจะประกอบด้วยหลายอย่าง สวนสนุกของเด็กบ้าง คอนเสิร์ตฮอลล์บ้าง สนามกีฬาบ้าง
ส่วนพื้นที่ที่เป็นคาสิโนจริงๆ มีไม่ถึง 10% ของพื้นที่ที่เป็น Entertainment Complex อันนี้คือกติกาที่เขาใช้กัน เราก็จะใช้กติกาแบบนี้ ก็คือให้มีพื้นที่คาสิโนไม่เกิน 10% ของพื้นที่ทั้งหมด ต้องลงทุนแต่ละแห่งในกรุงเทพมหานครเริ่มแสนล้าน ลงทุนน้อยๆไม่เอา มันไม่หล่อ มันจะสู้ประเทศอื่นไม่ได้
เราจะถือโอกาสเติมในสิ่งที่เราขาด อย่างวันนี้เราจะมีคอนเสิร์ตดีๆปุ๊บ เราไม่มีคอนเสิร์ตฮอลล์ใหญ่พอ จัดกลางแจ้ง ฝนตกบ้าง อะไรบ้าง เราจะทำอย่างไร สิ่งไหนเราขาดไป เราจะเรียกร้องให้พวกมาลงทุน Entertainment Complex มาลงทุน โดยที่เราไม่ต้องลงทุนเอง” ทักษิณ กล่าวบทเวที Vision for Thailand 2024 จัดโดยเนชั่น กรุ๊ป เมื่อวันที่ 22 ส.ค.2567
ด้าน จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง และเป็นหนึ่งในผู้ผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... กล่าวกับสำนักข่าวอิศรา ว่า ขณะนี้ยังตอบไม่ได้ว่า รัฐบาลชุดใหม่จะเดินหน้านโยบาย Entertainment Complex หรือไม่ เพราะยังอยู่ในขั้นตอนแต่งตั้ง ครม.
“ยังตอบไม่ได้ ยังเร็วเกินไป ต้องรอขั้นตอนก่อน ผมยังตอบก่อนไม่ได้” จุลพันธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจะเดินหน้าผลักดันนโยบาย Entertainment Complex ต่อหรือไม่ จุลพันธ์ กล่าวว่า “จะต้องคุยกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งกำลังคุยกันอยู่ ผมยังให้คำตอบไม่ได้ ส่วนกรณีที่พรรคภูมิใจไทยไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ นั้น เขาก็มีข้อเสนอมา โดยจะมีการรับเอกสารแล้วมานั่งคุยกัน”
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์และข้อห่วงกังวลจากภาคประชาสังคมว่า พรบ. ฉบับนี้ยังคงมีช่องโหว่ในด้านมิติทางสังคม เศรษฐกิจ ความโปร่งใส ธรรมาภิบาล และความยั่งยืน จึงเป็นที่น่าจะตาว่า รัฐบาลใหม่ที่มี แพทองธาร ชินวัตร เป็นผู้นำ จะนำนโยบาย Entertainment Complex พ่วงกาสิโนถูกกฎหมาย เป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาลหรือไม่ และการผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... เพื่อนำไปสู่การเปิด ‘กาสิโนถูกกฎหมาย’ แห่งแรกในประเทศไทย จะมีบทสรุปอย่างไร?
อ่านประกอบ :
‘ตีเช็คเปล่า-เอื้อทุนใหญ่’! วงเสวนาฯชำแหละ‘ร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์’
เปิด‘ร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรฯ’ดัน‘กาสิโน’ถูกกม.-ค่า'ใบอนุญาตฯ'ครั้งแรก 5 พันล้าน
บทวิเคราะห์สื่อสิงคโปร์: นโยบายคอมเพล็กซ์คาสิโน นำไทยสู่ผู้นำท่องเที่ยวเชิงการพนัน?
เอกชนลาสเวกัส สนใจลงทุนเปิดบ่อนพนันที่ไทย เชื่อคาสิโนแห่งแรกเกิดได้ในปี 72
สื่อมาเลย์วิเคราะห์ นโยบายฟรีวีซ่าจีนส่งผลไทยอาจผ่าน กม.หนุนจัดตั้งคาสิโนภายในปีนี้
รายงาน UN แฉโครงข่ายธนาคารใต้ดินฟอกเงิน คาสิโนริมฝั่งแม่น้ำโขง-ชายแดนไทย เม็ดเงินมหาศาล
วงเสวนาชี้ 'กาสิโนถูก กม.' ผลกระทบเพียบ! ย้ำหากเปิดต้องมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีก่อน
ชงโหวตรับรายงานกาสิโนถูกกฎหมาย 27 ก.ค. 65 สกัด 5 ประเด็นศึกษาเชิงลึก
นิด้าโพลเผย ปชช.ส่วนใหญ่ 46.51% ไม่เห็นด้วยกับ 'บ่อนกาสิโน' ถูกกฎหมาย