"...ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ได้ใช้อุบายหลอกลวง นางสาวสุขสาคร พงษ์ธนู ให้ลงลายมือชื่อในเช็คเปล่าไว้ล่วงหน้า มีเจตนาเพื่อความสะดวกในการกระทำความผิด โดยหลอกลวง นางสาวสุขสาคร พงษ์ธนู ว่า สามารถลงลายมือชื่อในเช็คเปล่าไว้ล่วงหน้าได้เลย และเช็คดังกล่าวต้องมีการขีดคร่อมไม่สามารถสั่งจ่ายเข้าบัญชีอื่นได้ นอกจากบัญชีเงินฝากขององค์การบริหารส่วนตำบลพิมายเท่านั้น ทำให้นางสุขสาคร พงษ์ธนู หลงเชื่อและได้ลงลายมือชื่อในเช็คเปล่าไว้ล่วงหน้าเป็นจำนวนหลายฉบับ ..."
กรณีเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ติดตามจับกุมตัว นางวาสนา พลทา หรือ นางสาวพิมพ์พิชาชน พิมพ์พุทธชาติ อดีตรองปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต) พิมาย อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ในคดียักยอกเงินออกจากคลังของ อบต.พิมาย เป็นจำนวนเงินกว่า 50 ล้านบาท
หลังจากที่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด นางวาสนา พลทา หรือ นางสาวพิมพ์พิชชา พิมพ์พุทธชาดและส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด (อสส.) ดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะที่ นางวาสนา พลทา หรือ นางสาวพิมพ์พิชชา พิมพ์พุทธชาติ ไหวตัว และมีพฤติการณ์หลบหนี โดยใช้วิธีการนำบัตรประชาชน และเอกสารหลักฐานแสดงตัวตนของพี่สะใภ้ มาอำพรางตนเอง ก่อนจะไปสมัครทำงาน “หนีซุกปีก” ทนายความคนดังรายหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น ทำหน้าที่เป็นเสมียนทนายและเลขาคนสนิท
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข้อมูลเบื้องหลังการจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้ไปแล้วว่า หลังจากที่ นางวาสนา พลทา หรือ นางสาวพิมพ์พิชชา พิมพ์พุทธชาติ มีพฤติการณ์หลบหนีใช้วิธีการนำบัตรประชาชน และเอกสารหลักฐานแสดงตัวตนของพี่สะใภ้ มาอำพรางตนเอง ก่อนจะไปสมัครทำงานทำหน้าที่เป็นเสมียนทนายและเลขาคนสนิท ทนายความคนดังรายหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น
มีเหตุบังเอิญที่ทนายความคนดังรายนี้ รับว่าความทำคดีให้กับผู้ถูกกล่าวหารายหนึ่งในเขตจังหวัดนครราชสีมา จึงมีความจำเป็นที่ทนายความคนดัง พร้อมเลขาคนสนิทรายดังกล่าว ต้องเดินทางมายัง สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 3 เจ้าหน้าที่งานสืบสวนคดีทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 3 จึงวางแผนเข้าจับกุมตัวผู้ถูกกล่าวหารายดังกล่าว ตอนแรกเจ้าตัวยังให้การปฏิเสธว่าตนไม่ใช่บุคคลตามหมายจับ แต่สุดท้ายแล้วเจ้าหน้าที่ฯ ก็ได้พูดคุยอธิบาย จนกระทั่ง ผู้ถูกกล่าวหารายดังกล่าวให้การยอมรับว่าตน คือ บุคคล ตามหมายจับ
- ปฏิบัติการลับ ป.ป.ช. ลวงจับอดีตรองปลัด อบต.พิมาย ใช้บัตรปชช.น้อง อำพรางตัวหนีคดีทุจริต
- เป็นทางการ! ป.ป.ช.แพร่ข่าวรวบอดีตรองปลัด อบต.พิมาย คดียักยอก 50 ล.'หนีซุกปีก' ทนายดัง
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันข้อมูลเกี่ยวกับพฤติการณ์การกระทำความผิดในคดีนี้ ของ นางวาสนา พลทา หรือ นางสาวพิมพ์พิชชา พิมพ์พุทธชาติ เพิ่มเติม มีรายละเอียดดังนี้
ในขณะเกิดเหตุคดีนี้ นางวาสนา พลทา หรือนางสาวพิมพ์พิชชา พิมพ์พุทธชาติ ดำรงตำแหน่งรองปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) พิมาย รักษาราชการแทนปลัด อบต. พิมาย อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญาตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2546 มาตรา 65 เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 4 มีหน้าที่รับผิดชอบในการบริหารราชการขององค์การบริหารส่วนตำบลให้เป็นไปตามกฎหมาย นโยบาย แผนพัฒนาองค์การบริหารส่วนตำบล ข้อบัญญัติ ระเบียบและข้อบังคับของทางราชการ มีหน้าที่ควบคุมและรับผิดชอบในการบริหารราชการขององค์การบริหารส่วนตำบล ตามกฎหมาย เป็นผู้บังคับบัญชาของพนักงานส่วนตำบลและลูกจ้างขององค์การบริหารส่วนตำบล รองจากนายกองค์การบริหารส่วนตำบล และมีอำนาจลงลงลายมือชื่อถอนเงินฝาก ทั้งนี้ ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2549 ข้อ 37
ในปีงบประมาณ 2559 องค์การบริหารส่วนตำบลพิมาย ได้มีคำสั่งแต่งตั้งผู้มีอำนาจลงนามถอนเงินฝากหรือสั่งจ่ายเงิน บัญชีเงินฝากธนาคารกรงไทย สาขาศรีสะเกษ ประเภทกระแสรายวัน ชื่อบัญชี องค์การบริหารส่วนตำบลพิมาย เลขที่บัญชี XXX (บัญชีหลัก) ซึ่งเป็นเช็คขีดคร่อมเข้าบัญชีเงินฝากเท่านั้น ประกอบด้วย นายบุญรอง คำเสียง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลพิมาย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 นางวาสนา พลทา หรือนางสาวพิมพ์พิชชา พิมพ์พุทธชาติ รองปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลพิมาย รักษาราชการแทนปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลพิมาย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 และนางสาวสุขสาคร พงษ์ธนู หัวหน้าสำนักปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลพิมาย
โดยมีพฤติการณ์ในการกระทำผิด กล่าวคือ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ได้ร่วมกับผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ลงลายมือชื่อในเช็คสั่งจ่ายบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย สาขาศรีสะเกษ ประเภทกระแสรายวัน ชื่อบัญชีองค์การบริหารส่วนตำบลพิมาย เลขที่บัญชี XXX (บัญชีหลัก)
จากนั้นผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ได้ใช้อุบายหลอกลวง นางสาวสุขสาคร พงษ์ธนู ให้ลงลายมือชื่อในเช็คเปล่าไว้ล่วงหน้า มีเจตนาเพื่อความสะดวกในการกระทำความผิด โดยหลอกลวง นางสาวสุขสาคร พงษ์ธนู ว่า สามารถลงลายมือชื่อในเช็คเปล่าไว้ล่วงหน้าได้เลย และเช็คดังกล่าวต้องมีการขีดคร่อมไม่สามารถสั่งจ่ายเข้าบัญชีอื่นได้ นอกจากบัญชีเงินฝากขององค์การบริหารส่วนตำบลพิมายเท่านั้น
ทำให้นางสุขสาคร พงษ์ธนู หลงเชื่อและได้ลงลายมือชื่อในเช็คเปล่าไว้ล่วงหน้าเป็นจำนวนหลายฉบับ
ต่อมาผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ได้กรอกข้อความลงในเช็คสั่งจ่ายขององค์การบริหารส่วนตำบลพิมายดังกล่าว โดยสั่งจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากของผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 โดยทุจริตเป็นจำนวน 19 ฉบับ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 5,030,071.31 บาท ซึ่งเป็นเช็คสั่งจ่ายระบุชื่อนางวาสนา พลทา และเป็นเช็คขีดคร่อมที่จะสามารถโอนเข้าบัญชีนางวาสนา พลทา ได้เท่านั้น ไม่สามารถเบิกถอนเงินสดได้ เป็นจำนวน 2 บัญชี ได้แก่ บัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย สาขาศรีสะเกษ เลขที่บัญชี XXX และบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย สาขาเทสโก้โลตัสขุขันธ์ เลขที่บัญชี XXX
โดยผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ไม่ได้จัดทำฎีกาเบิกจ่ายเงินหรือจัดทำบันทึกการฝากถอนเช็ค
จากนั้นผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ได้โอนเงินจากบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย สาขาศรีสะเกษ บัญชีเลขที่ XXX และบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย สาขาเทสโก้โลตัสขุขันธ์ บัญชีเลขที่ XXX ไปยังบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย สาขาบิ๊กซี ศรีสะเกษ บัญชีเลขที่ XXX ซึ่งเป็นบัญชีเงินฝากของผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เป็นจำนวน 12 รายการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 183,000 บาท
การกระทำของ นางวาสนา พลทา หรือนางสาวพิมพ์พิชชา พิมพ์พุทธชาติ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 มีมูลความผิดอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจวิต ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารกรอกข้อความ ลงในเอกสารหรือดูแลรักษาเอกสาร กระทำการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น ฐานปลอมและใช้เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอม และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 มาตรา 157 มาตรา 161 มาตรา 266 (1) และมาตรา 268 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปรานปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 (ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิด) ปัจจุบันตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
ทั้งนี้ ในส่วนคดีความของ นายบุญรอง คำเสียง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลพิมาย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ปัจจุบันยังไม่ข้อมูลยืนยันว่าอยู่ในขั้นตอนไหน
แต่ในส่วน นางวาสนา พลทา หรือ นางสาวพิมพ์พิชาชน พิมพ์พุทธชาติ มีรายงานข่าวว่า ภายหลังจากที่มีการนำตัว นางวาสนา พลทา ส่งให้อัยการที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 จังหวัดสุรินทร์ เพื่อฟ้องคดี นางวาสนา พลทา ได้วางเงินสด 3 แสนบาท เพื่อขอประกันตัว ก่อนจะได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว
ขณะที่การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังไม่สิ้นสุด นางวาสนา พลทา และผู้ถูกกล่าวหารายอื่น ยังมีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลได้อีก
ผลการต่อสู้คดีในชั้นศาลฯ จะออกมาเป็นอย่างไร ต้องคอยติดตามดูกันต่อไป