
"...จำเลยที่ 2 เพียงแต่เป็นเจ้าของบัญชีธนาคารที่ผู้เสียหายโอนเงินเข้ามาและมีจำเลยที่ 1 เป็นผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยที่ 2 ในการถอนเงินทั้งหมดออกมาจากบัญชีธนาคาร โดยจำเลยทั้งสองมิได้รู้เห็นกับการกระทำของกลุ่มมิจฉาชีพ เพียงแต่จำเลยทั้งสองร่วมกันทำธุรกิจเกี่ยวกับการเทรดสกุลเงินตราต่างประเทศ โดยปกติจำเลยที่ 2 จะร่วมลงทุนกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเปิดร้านรับแลกเงินตราต่างประเทศที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ..."
กรณีสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับคดีหมายเลขดำที่ อทย 56/2568 หมายเลขแดงที่ อทย 71/2568 ที่พนักงานอัยการจังหวัดชลบุรี โจทก์ นางสาวแตงไทย บ้านมะหิงษ์ กับพวก จำเลย ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน มาเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบ
ศาลจังหวัดชลบุรี มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2568 ว่า นางสาวแตงไทย บ้านมะหิงษ์ จำเลยที่ 1 นายเอกลักษณ์ นาเจริญ จำเลยที่ 2 จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 วรรคสอง ประกอบ มาตรา 342(1) พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่นซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ลงโทษจำคุก 1 ปี ไม่ปรากฎว่าจำเลยทั้งสองเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรให้รอการกำหนดโทษแก่จำเลยทั้งสองเป็นเวลา 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56
ภายหลังจากที่ คณะกรรมการธุรกรรม สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ข้ามชาติ ราย นางสาวแตงไทย บ้านมะหิงษ์ กับพวก เชื่อมโยงข้อมูล นายยิม เลียกและ นายเบน สมิธ จำนวน 66 รายการ (เช่น ที่ดิน ห้องชุด หลักทรัพย์ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) รวมมูลค่าประมาณ 9,279 ล้านบาท
โดย ปปง.ระบุพฤติการณ์ความผิดว่า นางสาวแตงไทย บ้านมะหิงษ์ กับพวก ได้หลอกลวงผู้เสียหายว่าพบข้อมูลการส่งสินค้าซึ่งมีสิ่งของผิดกฎหมายจากจังหวัดเชียงรายไปที่ประเทศจีน และผู้เสียหายมียอดเงินในบัญชีธนาคารซึ่งเกี่ยวพันกับการฟอกเงินผิดกฎหมายต้องถูกตรวจสอบบัญชีธนาคาร จากการสืบสวนเส้นทางการเงิน พบข้อมูลว่า นางสาวแตงไทยฯ ได้รับมอบอำนาจให้ทำธุรกรรมเกี่ยวกับบัญชีธนาคารของ นายยิม เลียก หรือ MR. LEAK YIM ซึ่งเป็นบุคคลใกล้ชิดทายาทเครือข่ายผู้มีอิทธิพลในกัมพูชา เป็นเครือข่ายสแกมเมอร์ ที่หลอกลวงผู้เสียหายเชื่อมโยงกับเส้นทางการเงินของผู้กระทำความผิดมูลฐาน พบข้อมูลการทำธุรกรรมนางสาวแตงไทยฯ เชื่อมโยงไปยังบุคคลและนิติบุคลจำนวนมาก รวมทั้งมีข้อมูลการโอนเงินไปยัง นายเบน สมิธ หรือ MR. SMITH BEN ซึ่งมีพฤติการณ์กระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน มีการโอนเงินไปมาระหว่างบริษัทต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เสมือนว่ามีการดำเนินธุรกิจ และใช้บริษัทในการถือครองทรัพย์สินแทนตนเอง และบุคคลใกล้ชิด ซึ่งเป็นการทำธุรกรรมทางการเงินและการถือครองทรัพย์สินในลักษณะที่มีความซับซ้อนสูง ขณะที่จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของ นายยิม เลียก บางเส้นเงินในรอบ 1 วัน ยอดเงินคงเหลือเพิ่มจาก 1.2 ล้านบาท → 21.5 ล้านบาท ลักษณะคล้ายการระดมเงินจากกลุ่มบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดและฟอกเงิน ที่รับโอนเงินมาจากบัญชีกลุ่มผู้เสียหาย เชื่อว่าห้วงวันดังกล่าว นายยิม เลียก (Yim Leak) มีความจำเป็นต้องใช้เงิน เพื่อไปฟอกในธุรกิจอย่างใดอย่าง อย่างหนึ่ง (ข้อมูลนี้ ยังไม่ได้มีคำอธิบายอย่างละเอียด)

ต่อไปนี้ เป็นคำพิพากษาฉบับเต็ม ของ ศาลจังหวัดชลบุรี ที่ตัดสินคดี นางสาวแตงไทย บ้านมะหิงษ์ กับพวก ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ข้างต้น
**********************
ศาลจังหวัดชลบุรี
วันที่ 9 เดือน มิถุนายน พุทธศักราช 2568
ความอาญา
ระหว่าง
พนักงานอัยการจังหวัดชลบุรี โจทก์
นางสาวแตงไทย บ้านมะหิงษ์ ที่ 1 , นายเอกลักษณ์ นาเจริญ ที่ 2 จำเลย
เรื่อง ฉ้อโกง ความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
โจทก์ฟ้อง จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2565 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองกับนางสาวอรุณี ชุ่มชื่นจิตร พวกของจำเลยซึ่งได้ยื่นฟ้องต่อศาลนี้แล้วเป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่ อทย 10/2568 คดีอาญาหมายเลขแดง ที่ อทย 41/2568 ศาลมีคำพิพากษาแล้วเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568 และพวกของจำเลยทั้งสองอีก 4 คน ซึ่งหลบหนียังไม่ได้ตัวมาฟ้อง โดยมีเจตนาทุจริตและโดยหลอกลวง ร่วมกันหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชนทั่วไปรวมทั้งนางสาว ว. (ชื่อย่อ) ผู้เสียหาย
โดยจำเลยทั้งสองกับพวก ให้พวกของจำเลยใช้โทรศัพท์หมายเลข XXX โทรศัพท์สุ่มหมายเลขโทรศัพท์ของประชาชนที่ปรากฏอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ของจำเลยทั้งสองกับพวก ไปยังหมายเลขโทรศัพท์ XXX ของผู้เสียหาย และได้พูดคุยทางโทรศัพท์ หลอกลวงผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสองกับพวกดังกล่าวแจ้งกับผู้เสียหายว่าพวกของจำเลยเป็นพนักงานส่งสินค้า BHL ชื่อนาย ว. (ชื่อย่อ) ซึ่งเป็นบุคคลอื่น โดยผู้เสียหายได้ส่งพัสดุซึ่งมีสิ่งของผิดกฎหมายจากจังหวัดเชียงรายไปที่ประเทศจีน ให้ผู้เสียหายทำการเพิ่มเพื่อนทางแอปพลิเคชันไลน์ (LINE) “สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย” อันเป็นข้อมูล ข้อความ คำสั่ง ชุดคำสั่ง ที่อยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ในสภาพที่ระบบคอมพิวเตอร์ประมวลผลได้
แล้วจำเลยทั้งสองกับพวกจึงได้ร่วมกันส่งข้อความและได้พูดคุยโทรศัพท์ผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ (LINE) ผ่านทางโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายซึ่งถือเป็นอุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมการทำงานเข้าด้วยกัน ผ่านระบบคอมพิวเตอร์อาจประมวลผลได้ อันเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของผู้ใช้บริการทางโปรแกรมหรือแอปพลิเคชันไลน์ (LINE) ดังกล่าวกับผู้เสียหาย
โดยแสดงภาพสัญลักษณ์เครื่องหมายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย สนทนาด้วยระบบเสียงอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งส่งรูปภาพการจับกุมคนร้ายในคดีหนึ่งแล้วแจ้งว่าผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงินของนาย ส.(ชื่อย่อ) เปิดสมุดบัญชีธนาคารรับเงิน ผู้เสียหายมียอดเงินในบัญชีธนาคารซึ่งเกี่ยวพันกับการฟอกเงินผิดกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ต้องถูกตรวจสอบบัญชีธนาคาร โดยผู้เสียหายต้องแสดงบัญชีธนาคารให้ตรวจสอบ
ผู้เสียหายจึงได้แจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับบัญชีเงินฝาก แล้วจำเลยทั้งสองกับพวกได้ให้ผู้เสียหายโอนเงินจากบัญชีธนาคารกรุงเทพของผู้เสียหายไปเข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพ เลขที่บัญชี XXX ชื่อบัญชี นางสาวอรุณี ชุ่มชื่นจิตร พวกของจำเลยทั้งสอง เพื่อทำการตรวจสอบยอดบัญชี อันเป็นเท็จ
ความจริงแล้ว ผู้เสียหายไม่ได้ส่งพัสดุซึ่งมีสิ่งของผิดกฎหมายไปที่ประเทศจีน อีกทั้งจำเลยทั้งสองกับพวกไม่ใช่เจ้าหน้าที่ชื่อนาย ว. (ชื่อย่อ) พนักงานส่งสินค้า BHL และไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย และไม่ไม่มีการตรวจสอบรายการทางบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินแต่อย่างใด
การกระทำของจำเลยทั้งสองกับพวกดังกล่าวข้างต้น เป็นเพียงกลอุบายในการหลอกลวงประชาชนทั่วไปรวมทั้งผู้เสียหาย และในการหลอกลวงดังว่านั้น ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าเป็นความจริง จึงได้โอนเงินจากบัญชีธนาคารกรุงเทพ ของผู้เสียหาย เข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพ เลขที่บัญชี XXX ชื่อบัญชี นางสาวอรุณี ชุ่มชื่นจิตร พวกของจำเลยทั้งสอง จำนวน 22,925.73 บาท และเงินจำนวนดังกล่าวถูกทำการโอนต่อไปยังพวกของจำเลยทั้งสองอีกหลายครั้ง รวมถึงบัญชีธนาคารกสิกรไทย เลขที่บัญชี XXX ชื่อบัญชี นายเอกลักษณ์ นาเจิรญ จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 1 รับมอบอำนาจจากจำเลยที่ 2 ในการถอนเงินออกทั้งหมดออกจากบัญชีธนาคารของจำเลยที่ 2 ดังกล่าว
ทำให้จำเลยทั้งสองกับพวกได้ไปซึ่งเงินจำนวน 22,925.73 บาท จากผู้เสียหาย ผู้ถูกหลอกลวงไปเป็นประโยชน์ของจำเลยทั้งสองกับพวกโดยทุจริต โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย ผู้อื่น และประชาชน
เหตุเกิดที่ตำบลหนองหงษ์ อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี
หลังเกิดเหตุจำเลยทั้งสองได้ชดใช้เงิน จำนวน 22,925.73 บาท แก่ผู้เสียหาย
พิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 วรรคสอง ประกอบมาตรา 342 (1) และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่นซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี ประกอบคำแถลงของจำเลยทั้งสองแล้ว เห็นว่า จำเลยที่ 2 เพียงแต่เป็นเจ้าของบัญชีธนาคารที่ผู้เสียหายโอนเงินเข้ามาและมีจำเลยที่ 1 เป็นผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยที่ 2 ในการถอนเงินทั้งหมดออกมาจากบัญชีธนาคาร
จำเลยทั้งสองมิได้รู้เห็นกับการกระทำของกลุ่มมิจฉาชีพ เพียงแต่จำเลยทั้งสองร่วมกันทำธุรกิจเกี่ยวกับการเทรดสกุลเงินตราต่างประเทศ โดยปกติจำเลยที่ 2 จะร่วมลงทุนกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเปิดร้านรับแลกเงินตราต่างประเทศที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
โดยจำเลยที่ 2 ประกอบอาชีพประมงต้องออกเรือหาปลาเป็นประจำ เมื่อได้เงินมาก็จะนำมาฝากในบัญชีธนาคารของตนเอง แล้วมอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 ไปถอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากของจำเลยที่ 2 เพื่อนำมาซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
เมื่อมีลูกค้ามาแลกเงินและจำเลยที่ 1 ได้กำไรจากการซื้อขายเงินตราดังกล่าว ก็จะนำกำไรมาแบ่งกันคนละครึ่งโดยนำเข้าบัญชีเงินฝากของจำเลยที่ 2 ให้ครึ่งหนึ่ง
เหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จำเลยที่ 2 เพียงแต่เป็นเจ้าของบัญชีธนาคารที่มีการโอนเงินจากการมีกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวงผู้เสียหายมาเข้าบัญชีเงินฝากของจำเลยที่ 2 จำนวน 22,925.73 บาท จากเงินทั้งหมดที่มีการโอนเข้าบัญชีจำเลยที่ 2 หลักล้านบาท ซึ่งเป็นการโอนเงินต่อๆ กันมาหลายทอด โดยมีการโอนเงินผ่านบัญชีของจำเลยที่ 2 เป็นทอดที่ 7 แล้วจำเลยทั้งสองจึงเข้าใจว่าเป็นเงินที่เกิดขึ้นจากการร่วมกันซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ทำร่วมกันมานานนับ 10 ปี
และหลังจากเกิดเหตุจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันชดใช้เงินให้แก่ผู้เสียหาย จำนวน 30,000 บาท ซึ่งมากกว่าจำนวนเงินตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ จนผู้เสียหายแถลงไม่ติดใจดำเนินคดีกับจำเลยทั้งสองอีกต่อไป ตามสำเนารายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีฉบับลงวันที่ 2 มีนาคม 2568 ของสถานีตำรวจภูธรพานทอง
นับว่าจำเลยทั้งสองมิได้เป็นผู้ริเริ่มในการกระทำให้เกิดการกระทำความผิดในครั้งนี้โดยตรง ทั้งยังได้ชดใช้เงินคืนให้แก่ผู้เสียหายครบถ้วนแล้ว นับว่าพฤติการณ์แห่งคดีไม่ร้ายแรง
เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ทั้งปัจจุบันจำเลยทั้งสองประกอบอาชีพสุจริต มีรายได้ที่พอหาเลี้ยงตนเองได้ และมีที่พักอาศัยเป็นหลักแหล่ง
การลงโทษทางอาญาแก่จำเลยทั้งสองไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่สังคมโดยรวม จึงเห็นสมควรให้รอการกำหนดโทษแก่จำเลยทั้งสองไว้เป็นเวลา 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56
**********************
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา รายงานไปแล้วว่า คดีนี้ถึงที่สุดแล้วเมื่อวันที่ 9 กรกฏาคม 2568 เนื่องจากฝ่ายโจทก์และจำเลย ไม่ยื่นอุทธรณ์คดีต่อ
ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับกรณีถูก ปปง.อายัดทรัพย์ครั้งนี้ นั้น ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา เคยติดต่อขอสัมภาษณ์ นางสาวแตงไทย ให้ชี้แจงข้อเท็จจริงแต่เจ้าตัวปฏิเสธให้สัมภาษณ์ ระบุยังไม่ทราบเรื่อง ขอดูรายละเอียดก่อน
จากการตรวจสอบยังพบว่า นางสาวแตงไทย มีที่ยู่ตามภูมิลำเนา เป็นคนใน ต.พิกุลออก อ.บ้านนา จ.นครนายก
ปรากฏชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท สหทรัพย์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จดทะเบียนจัดตั้ง 30 มิถุนายน 2553 ปัจจุบันมีทุน 1,000,000 บาท ตั้งอยู่เลขที่ 98-100 ชั้น 1 ถนนนิพัทธ์อุทิศ 3 ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา แจ้งประกอบธุรกิจรับแลกเหรียญเงินตราต่างประเทศ ณ วันที่ 30 เมษายน 2568 นางสาว แตงไทย บ้านมะหิงษ์ ถือหุ้นใหญ่เป็นอันดับ 2 จำนวน 25% มูลค่าหุ้น 250,000 บาท นำส่งงบการเงินแสดงผลประกอบการธุรกิจ
ล่าสุด ณ 31 ธันวาคม 2567 แจ้งว่าไม่มีรายได้ มีรายจ่ายรวม 363,698 บาท ขาดทุนสุทธิ 363,698 บาท
หากมีข้อมูลเพิ่มเติมสำนักข่าวอิศรา จะนำมาเสนอต่อไป
- ปปง.ยึดทรัพย์เครือข่าย'เฉินจื้อ-ก๊กอาน'หมื่นล.-จ่อออกหมายจับ40คน 'ยิมเลียก-เบนสมิธ' ด้วย
- ย้อนข้อมูล'ยิม เลียก-เบน สมิธ' ก่อน ปปง.ยึดทรัพย์คดีฟอกเงิน กลุ่ม 'น.ส.แตงไทย' 9.2 พันล.
- อยู่นครนายก!แกะรอย 'น.ส.แตงไทย'ปปง.ยึดทรัพย์คดีฟอกเงิน 9.2พันล.โยง'ยิม เลียก-เบน สมิธ'
- 'อนุทิน' นำทีมแถลงยึดอายัดทรัพย์หมื่นล.เส้นเงินชัดเข้าบัญชี'ยิม เลียก'-'เบน สมิธ'สนับสนุน
- 'อนุทิน' สั่งเพิกถอนสัญชาติไทย'ยิม เลียก'แล้ว คนในรบ.เอี่ยวไม่ละเว้น 'ปิดชื่อ ถือพฤติกรรม"
- เจาะบัญชีปปง.อายัด 9.2 พันล้าน (1) 'สุภารัตน์' อดีตเมียเบน สมิธ-ลูก 2 คน โดน 476 ล.
- เจาะบัญชีปปง.อายัด 9.2 พันล.(2) เปิดยิบ 7 บ.กลุ่ม'ยิมเลียก-เบน'/ อัลฟ่าฯ โดน 7.8 พันล.
- ขมวด! คำชี้แจง 'ยิม เลียก'คดียึดทรัพย์หมื่นล.ไม่รู้จัก'แตงไทย' ไฉนมอบอำนาจให้ทำธุรกรรม?
- เจาะบัญชีปปง.อายัด 9.2 พันล.(3) คัดเฉพาะ 'เบน สมิธ' โดนเงินฝาก 86 ล. ยังโอนเข้าได้อยู่
อ่านประกอบ :
- ส่องคดีทุจริตโลก:แฉฮุน เซน เซ็น ทิ้งทวนนายกฯยกอุทยานเฉียดพันเฮกตาร์ให้ลูกคนใกล้ชิดบริหาร
- นักข่าวดังสหรัฐฯ อ้างข้อมูล 'ทักษิณ' ใช้นายหน้าแอฟริกาใต้เครือข่ายฮุนเซน ซื้อเจ็ทส่วนตัว
- แกะรอย 'เบนจามิน' นายหน้าปริศนาขายเครื่องบินส่วนตัว ให้ 'ทักษิณ-เครือข่ายฮุนเซน' ?
- 'เบนจามิน' ยื่นสละสัญชาติกัมพูชา แปลงเป็นไทย ยุค 'อนุทิน' นั่งมท.1 แต่ไม่ได้เซ็นให้
- เปิดรายงานลับ สน.บท.กรณี 'เบนจามิน'ยื่นสละสัญชาติกัมพูชา-ปริศนาที่ปรึกษาธุรกิจ ทักษิณ?
- เจาะลึก! เส้นทาง 'เบนจามิน' ยื่นสละสัญชาติกัมพูชาแปลงเป็นไทย 'บิ๊กตลท.' ให้ถ้อยคำรับรอง
- 'อนุทิน' ยันไม่ได้เซ็นอนุมัติแปลงสัญชาติ 'เบนจามิน' ตีตกชั้นปค.-อย่าโยงขัดแย้ง 'ทักษิณ'
- เปิดข้อมูล บ.ที่ทำงาน 'เบนจามิน' ไฮโซแฟนลูกนักการเมืองกัมพูชาถือหุ้น ก่อนขอแปลงสัญชาติ
- ขุดประวัติ 'เบนจามิน' กุนซือฮุนเซน โยง 'ยิม เลียก'-ที่ปรึกษารมว.คลังไทยนั่งบอร์ด ธ.กัมพูชา
- ที่ปรึกษา 'ธรรมนัส'ยื่นหนังสือ ก.ล.ต.ตรวจความบริสุทธิ์ 'เบนจามิน'หลัง ปชน.อภิปรายพาดพิง
- 'ทอม ไรต์' โต้'ธรรมนัส'หลังให้สัมภาษณ์อิศรา ขู่เรียกค่าเสียหาย ยืนยันจะตีพิมพ์ทุกอย่าง
- ที่ปรึกษา'ธรรมนัส'รับอำนาจ‘เบนจามิน’ฟ้อง‘โรม’อภิปรายหมิ่นฯ ยันปกป้องสิทธิ ไม่ได้ปิดปาก
- 'เบนจามิน' ออกแถลงปฏิเสธข้อกล่าวหาบทความ 'ทอม ไรท์' เตรียมฟ้องอดีตผู้สื่อข่าว WSJ
- ISRA:เอ็กซ์คลูซีฟ! ‘ธรรมนัส‘ เปิดสัมพันธ์ลึก ‘ทักษิณ & เบนจามิน’ จาก ดูไบ ถึง ห้างเกษรฯ
- ‘อภิสิทธิ์’ ยื่นปปง.ตรวจเส้นทางเงินสแกมเมอร์ เผยระดับรมต.เอี่ยว ยุค รบ.อนุทิน มี 2 คน


Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา