"...ในระบบประชาธิปไตย ความโปร่งใส การตรวจสอบเป็นเรื่องสำคัญมากโดยเฉพาะศาล เพราะจะได้รู้ว่าศาลทำหน้าที่ตามอุดมการณ์ของผู้พิพากษาหรือไม่ ซึ่งมองว่าหลักสูตรเหล่านี้มีความจำเป็นสำหรับผู้ที่จะเจริญเติบโตในส่วนของพลเรือน ไม่ใช่ผู้พิพากษา และผู้พิพากษาส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วยกับหลักสูตรดังกล่าว นอกจากนี้ ไม่เห็นด้วยกับการใช้งบประมาณที่เป็นภาษีของประชาชนไปใช้ในหลักสูตรดังกล่าว..."
กำลังเป็นประเด็นร้อนในสังคมไทย เกี่ยวกับ "บทบาทหน้าที่"และ "ความเหมาะสม" ของผู้พิพากษา!
กรณี นายบุญเขตร์ พุ่มทิพย์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลภาษีอากรกลางช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกา กรรมการบริหารศาลยุติธรรม และ นายอนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล ผู้พิพากษาศาลฎีกาและกรรมการตุลาการ ได้ทำบันทึกข้อความ ถึงประธานศาลฏีกาในฐานะประธานกรรมการบริหารศาลยุติธรรม และประธานกรรมการตุลาการ เพื่อขอให้ยกเลิกหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) และกำหนดไม่ให้ผู้พิพากษาเข้าร่วมอบรมหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (ว.ป.อ.) หลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิบไตยสำหรับนักบริหาระดับดับสูง (ป.ป.ร.) หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงสถาบันวิทยาการตลาดทุน (วตท.) หรือหลักสูตรอื่นในลักษณะเดียวกัน
เนื่องจากเห็นว่า หลักสูตรอบรมต่าง ๆ ไม่ก่อเกิดประโยชน์ใดแก่การปฏิบัติงานของข้าราชการตุลาการศาลยุติธรรม ทั้งยังอาจนำไปสู่การผิดศีล ผิดวินัย ของผู้พิพากษา ส่งเสริมระบบอุปถัมภ์ ซึ่งนำไปสู่การเลือกปฏิบัติและเพิ่มความเหลื่อมล้ำในสังคม นอกจากนี้ การใช้งบประมาณเพื่อจัดให้มีหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) เป็นการใช้งบประมาณที่ไม่คุ้มค่าไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ แก่ประเทศชาติ ที่สำคัญที่สุดหลักสูตรนี้ทำให้ความเชื่อถือที่สาธารณชนมีต่อศาลยุติธรรมลดลง
- ขอ ปธ.ศาลฏีกา เลิกจัดอบรม บ.ย.ส.-ห้าม 'พ.'ร่วมหลักสูตรดัง ชี้ไม่เกิดปย.เสริมระบบอุปถัมภ์
- สำรวจหลักสูตร 'บ.ย.ส.-วปอ.-ป.ป.ร.-วตท.'ก่อนปธ.ศาลฏีกา ถูกขอให้ยกเลิก-ห้าม 'พ.' เข้าร่วม
- สสส.ปชช. : ขอสนับสนุนให้ ปธ.ศาลฎีกา เลิกจัดอบรม บ.ย.ส.-ห้าม 'พ.' ร่วมหลักสูตรดัง
ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่า ประธานศาลฏีกา มีความเห็นต่อคำข้อเรื่องนี้อย่างไร
ขณะที่ คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) เป็นประธาน มีการบรรจุวาระเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาเป็นทางการไปแล้ว เมื่อวันที่ 23 ม.ค.2568 ที่ผ่านมา
ข้อมูลชุดหนึ่งที่น่าสนใจ ในการพิจารณาวาระนี้ของ กมธ.การพัฒนาการเมืองฯ คือ นายบุญเขตร์ พุ่มทิพย์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลภาษีอากรกลางช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกา กรรมการบริหารศาลยุติธรรม ที่ถูกเชิญให้เข้าชี้แจงข้อมูล ระบุว่า หลักสูตร บ.ย.ส.ปกติ จำนวนผู้เรียน 90 คน จะมีการของบประมาณ 21 ล้านบาท แต่จำนวนล่าสุดอยู่ที่ 109 คน จึงไม่ทราบว่ามีการจัดสรรงบเพิ่มเติมมาอย่างไรของจำนวนที่เพิ่มขึ้นอีก 20 คน หรือมีระบบการคัดเลือกเข้ามาอย่างไร
นายบุญเขตร์ ยังย้ำด้วยว่า ในระบบประชาธิปไตย ความโปร่งใส การตรวจสอบเป็นเรื่องสำคัญมากโดยเฉพาะศาล เพราะจะได้รู้ว่าศาลทำหน้าที่ตามอุดมการณ์ของผู้พิพากษาหรือไม่ ซึ่งมองว่าหลักสูตรเหล่านี้มีความจำเป็นสำหรับผู้ที่จะเจริญเติบโตในส่วนของพลเรือน ไม่ใช่ผู้พิพากษา และผู้พิพากษาส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วยกับหลักสูตรดังกล่าว นอกจากนี้ ไม่เห็นด้วยกับการใช้งบประมาณที่เป็นภาษีของประชาชนไปใช้ในหลักสูตรดังกล่าว
"ผมเคยเข้าไปแสดงแนวคิดที่จะไปยกเลิกหลักสูตรเหล่านี้แล้ว อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าหลักสูตรนี้บางครั้งอาจจะเป็นรางวัลสำหรับอะไรหลายๆ อย่างในองค์กรหรือเป็นเครื่องมือบางอย่าง"
@ บุญเขตร์ พุ่มทิพย์
ทั้งนี้ เกี่ยวกับประเด็นเรื่องงบประมาณสนับสนุนจัดอบรมหลักสูตร บ.ย.ส. จำนวนผู้เรียน 90 คน จะมีการของบประมาณ 21 ล้านบาท นั้น
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวในวิทยาลัยการยุติธรรม สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ที่รับผิดชอบจัดอบรมหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) ว่า ในการจัดฝึกอบรม บ.ย.ส. รุ่น 30 ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุด มีการจัดทำคำของบประมาณสนับสนุนประจำปี 2569 รวมเป็นเงิน 21,605,000 บาท สำหรับผู้เข้ารับการอบรมจำนวน 90 คน
แยกเป็น
1. งบสำหรับการรายงานตัว 1 วัน จำนวนเงิน 40,000 บาท
2. งบสำหรับปฐมนิเทศ 1 วัน จำนวนเงิน 54,000 บาท
3. งบสำหรับเตรียมตัวก่อนเข้ารับการอบรม 3 วัน จำนวนเงิน 718,000 บาท
4. งบสำหรับภาควิทยาการ 26 วัน จำนวนเงิน 1,520,000 บาท
5. งบสำหรับศึกษาดูงานส่วนกลาง 4 ครั้ง จำนวนเงิน 303,000 บาท
6. งบสำหรับศึกษาดูงานในประเทศ 3 ครั้ง จำนวนเงิน 4,921,000 บาท
7. งบสำหรับสัมมนาบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม 1 ครั้ง 300 คน จำนวนเงิน 234,000 บาท
8. งบสำหรับค่าตอบแทนสำหรับการพิจารณาเอกสารวิชาการส่วนบุคคล 50 คน จำนวนเงิน 255,000 บาท
9. งบสำหรับศึกษาดูงานต่างประเทศ 1 ครั้ง จำนวนเงิน 13,560,000 บาท
จากข้อมูลรายละเอียดการของบด้านบน จะเห็นว่า งบสำหรับศึกษาดูงานต่างประเทศ 1 ครั้ง จำนวนเงิน 13,560,000 บาท มีวงเงินมากกว่าการจัดกิจกรรมส่วนอื่นๆ
อย่างไรก็ดี ข้อมูลที่สำนักข่าวอิศราได้รับมามิได้มีการระบุรายละเอียดเรื่องการเดินทางไปศึกษาดูงานต่างประเทศไว้ด้วยว่า ดูงานเรื่องอะไร และไปประเทศไหนบ้าง
ที่น่าสนใจเพิ่มเติม คือ นอกจากข้อมูลรายละเอียดการของบประมาณสนับสนุนการจัดอบรม บ.ย.ส. รุ่น 30 วงเงิน 21,605,000 บาท ดังกล่าวแล้ว
สำนักข่าวอิศรา ยังตรวจสอบพบด้วยว่า ในการของบประมาณสนับสนุนการจัดฝึกอบรม บ.ย.ส.ประจำปี 2569 ดังกล่าว ยังมีการของบเพิ่มเติมสำหรับการฝึกอบรม รุ่น 29 ซึ่งเป็นการอบรมต่อเรื่องจากปีงบประมาณ 2568 จำนวน 86,000 บาท สำหรับการรับเข็มและวุฒิบัตร ของผู้เข้ารับการอมรม จำนวน 109 คน / วัน (แบ่งเป็นค่ารถรับจ้าง 50 ที่นั่ง 4 คัน 1 วัน จำนวน 53,600 บาท ค่าปกวัตถุบัตร 109 เล่ม จำนวน 32,400 บาท
ขณะที่แหล่งข่าวจากวิทยาลัยการยุติธรรม ให้ข้อมูลสำนักข่าวอิศรา ว่า ปกติการจัดฝึกอบรมหลักสูตร บ.ย.ส. จะกำหนดผู้เข้ารับการอบรมไม่เกิน 90 คน ต่อ 1 รุ่น แต่การจัดฝึกอบรมรุ่นที่ 29 มีจำนวนคนเพิ่มเข้ามาถึง 109 คน ผู้เข้ารับการอบรมรุ่นนี้ มีทั้งผู้พิพากษา ผู้บริหารหน่วยงานราชการและเอกชนจำนวนมาก รวมถึงสื่อมวลชน 1 รายด้วย
สอดคล้องกับข้อมูลของนายบุญเขตร์ พุ่มทิพย์ ที่แจ้งต่อ กมธ.การพัฒนาการเมืองฯ ตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้ว และมีข้อมูลว่า นายบุญเขตร์ ยังได้ทำบันทึกถึง ประธานศาลฏีกาในฐานะประธานกรรมการบริหารศาลยุติธรรม คัดค้านไม่เห็นชอบกับร่างคำของบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 อีกด้วย
ทั้งหมดนี้ คือ เกี่ยวกับรายละเอียดการของบประมาณสนับสนุนจัดฝึกอบรมหลักสูตร บ.ย.ส.ประจำปี 2569 รุ่น 30 และงบเพิ่มเติมสำหรับการฝึกอบรม รุ่น 29 ที่สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบล่าสุด ซึ่งประเด็นเรื่องการใช้งบประมาณไม่คุ้มค่าก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ถูกนำมาใช้ประกอบการการเสนอขอให้ ประธานศาลฏีกา ยกเลิกหลักสูตร บ.ย.ส.ด้วย
ท้ายที่สุดแล้ว ประธานศาลฏีกา จะมีความเห็นต่อคำข้อเรื่องนี้อย่างไร คงต้องติดตามดูกันต่อไป
ท่ามกลางกระแสสนับสนุนการขอให้ยกเลิกหลักสูตร บ.ย.ส. และกำหนดไม่ให้ผู้พิพากษาเข้าร่วมอบรมหลักสูตร ว.ป.อ., ป.ป.ร. , วตท. , หรือหลักสูตรอื่นในลักษณะเดียวกัน ที่เริ่มได้รับความสนใจคนในสังคมและหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
มากขึ้นทุกขณะ!