"...ในการสืบสวนยังพบหลักฐานสำคัญ ที่ทำให้เชื่อว่ากลุ่มผู้ต้องหามีพฤติกรรมร่วมกันทุจริตเงินงบสนับสนุนมูลนิธิพุทธมณฑลจังหวัดจันทบุรีจริง คือ เอกสารยื่นเสียภาษีประจำปีต่อสรรพากร ของ หจก.สยามช่างบูรพา บริษัทรับเหมาก่อสร้างอาคารสำนักงานมูลนิธิพุทธมณฑล ที่มีการแจ้งยอดเงินค่ารับเหมาโครงการดังกล่าวตามจริงเป็นจำนวนเงิน 12.7 ล้านบาท ไม่ใช่ 30 ล้านบาท ตามที่มีการระบุในเอกสารการยื่นของบ อบจ.จันทบุรี ในการจัดสร้าง..."
กรณีกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เปิดปฏิบัติการ “จันทบูร” นำหมายค้นศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายจำนวน 9 จุด ในพื้นที่ จ.จันทบุรี เพื่อเชิญตัวผู้เกี่ยวข้องกับการทุจริตงบสนับสนุนมูลนิธิพุทธมณฑลจังหวัดจันทบุรีมาทำการแจ้งข้อกล่าวหา ตามความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริต และมาตรา 151 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา
ซึ่งมีการจับกุมผู้กระทำผิดพร้อมเชิญตัวมาทำการแจ้งข้อกล่าวหาได้ทั้งหมดจำนวน 4 คน ประกอบด้วย 1.นายธนภณ กิจกาญจน์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) จันทบุรี 2. นายภูวนาถ บำรุงพันธุ์ อดีต ผอ.กองแผน 3.พระครูสุทธิตารกาภิรักษ์ หรือ พระครูปลัดณัฐดนัย เจ้าอาวาสวัดสุทธิวารี เจ้าคณะอำเภอสอยดาว และ กรรมการมูลนิธิพุทธมณฑลจังหวัดจันทบุรี 4.นายเกศสยาม ร่วมดี หจก.สยามช่างบูรพา พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินมีค่าเอกสารต่าง ๆ ได้อีกเป็นจำนวนมาก
หลังการสืบสวนพบปัญหาการทุจริตก่อสร้างอาคารสํานักงานมูลนิธิพุทธมณฑลจังหวัดจันทบุรี จากกรณี นายธนภณ กิจกาญจน์ อบจ.จันทบุรี ได้อนุมัติเงินงบประมาณอุดหนุนของ ปีงบประมาณ 2554 และปีงบประมาณ 2555 รวมจํานวน 30 ล้านบาท ให้กับมูลนิธิพุทธมณฑลจังหวัดจันทบุรี เมื่อได้รับเงินอุดหนุนจํานวนดังกล่าวแล้ว มูลนิธิฯ ได้ว่าจ้าง หจก. สยามช่างบูรพา ก่อสร้างอาคารสํานักงานมูลนิธิฯ เพียง 12.7 ล้านบาทเศษ คงเหลือเงินอีกจํานวน 17.26 ล้านบาทเศษ ซึ่งเงินในจำนวนนี้ทางมูลนิธิฯ ต้องส่งคืนให้กับ อบจ.จันทบุรี แต่นายธนภณ ในอีกบทบาทหนึ่งยังดํารงตําแหน่งเป็นกรรมการและเลขานุการของ มูลนิธิฯ มีหน้าที่ควบคุมกิจการของมูลนิธิฯ ตลอดจนรายงานกิจการของมูลนิธิฯตามกฎหมาย และทราบข้อเท็จจริงนี้เป็นอย่างดี กลับไม่ยอมส่งคืนเงินที่เหลือดังกล่าวกลับคืนให้กับ อบจ.จันทบุรี
อีกทั้งต่อมายังให้ นายภูวนาถ อดีตผอ.กองแผน และ งบประมาณ อบจ.จันทบุรี และเจ้าหน้าที่ของ อบจ.จันทบุรี มาจัดทําเอกสารให้กับมูลนิธิฯ ด้วยการทํา สัญญาจ้างก่อสร้าง ค่าจ้าง 30 ล้านบาท ซึ่งเป็นการทำเอกสารเท็จขึ้นมา โดยมีพระครูสุทธิตารกาภิรักษ์ ที่มีตำแหน่งเป็นกรรมการและผู้ช่วยเหรัญญิกมูลนิธิ กับ นายเกศสยาม ร่วมกระทำผิดด้วย จากนั้นจึงนำสัญญาเท็จที่ทำขึ้นมาฉบับดังกล่าวไปแนบประกอบรายงานผลการดําเนินการให้ อบจ.จันทบุรี เพื่ออำพรางปกปิดการทุจริต
โดยผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ให้การปฏิเสธ ก่อนที่จะได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว
- ผบช.ก.เปิดยุทธการ 'จันทบูร' บุกจับนายก อบจ.จันทบุรี - พระครูปลัดฯ ทุจริตเงินพุทธมณฑล
- ปล่อยตัวชั่วคราว! พระครูปลัดฯ-พวก คดีทุจริตเงินพุทธมณฑล ค้นบ้าน นายก อบจ.ยึดปืน 2 กระบอก
ล่าสุด มีรายงานข่าวจาก กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ว่า จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของ พระครูสุทธิตารกาภิรักษ์ หรือ พระครูปลัดณัฐดนัยเจ้าอาวาสวัดสุทธิวารี และเจ้าคณะอำเภอสอยดาว พบข้อมูลและหลักฐานสำคัญหลายรายการที่ทำให้เชื่อว่าพระครูสุทธิตารกาภิรักษ์ น่าจะเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญเกี่ยวกับการทุจริตเงินโครงการดังกล่าว
โดยจากการสืบสวนพบว่า ในช่วงเวลาตั้งแต่เดือนเม.ย. ถึง เดือน ต.ค. ปี 2554 พระครูสุทธิตารกาภิรักษ์ ในฐานะกรรมการมูลนิธิพุทธมณฑลจังหวัดจันทบุรี และเป็นดูแลรับผิดชอบเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินของมูลนิธิฯ ได้เบิกถอนเงินสดของมูลนิธิฯออกมา จำนวน 10 ครั้ง ครั้งละ 500,000 บาท รวมเป็นเงิน 5 ล้านบาท ก่อนนำไปซื้อแคชเชียร์เช็คในนามส่วนตัว
ซึ่งข้อมูลหลักฐานการเบิกถอนเงินดังกล่าวสอดคล้องกับช่วงเวลาที่ พระครูสุทธิตารกาภิรักษ์ ทำการซื้อรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่น Alphard หมายเลขทะเบียน กต 3533 จันทบุรี เมื่อปี 2555 ด้วยเงินสดมูลค่า 3.5 ล้านบาท โดยใช้ชื่อของตนเองเป็นผู้ครอบครอง
นอกจากนี้ จากการเข้าตรวจค้นภายในกุฏิยังพบเอกสารโฉนดที่ดินบริเวณรอบข้างติดกับพื้นที่พุทธมณฑล จำนวนหลายแปลงรวมพื้นที่กว่า 10 ไร่ ทั้งหมดมีชื่อพระครูสุทธิตารกาภิรักษ์ เป็นผู้ครอบครอง ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบที่ไปที่มาของโฉนดดังกล่าว
ในการสืบสวนยังพบหลักฐานสำคัญ ที่ทำให้เชื่อว่ากลุ่มผู้ต้องหามีพฤติกรรมร่วมกันทุจริตเงินงบสนับสนุนมูลนิธิพุทธมณฑลจังหวัดจันทบุรีจริง คือ เอกสารยื่นเสียภาษีประจำปีต่อสรรพากร ของ หจก.สยามช่างบูรพา บริษัทรับเหมาก่อสร้างอาคารสำนักงานมูลนิธิพุทธมณฑล ที่มีการแจ้งยอดเงินค่ารับเหมาโครงการดังกล่าวตามจริงเป็นจำนวนเงิน 12.7 ล้านบาท ไม่ใช่ 30 ล้านบาท ตามที่มีการระบุในเอกสารการยื่นของบ อบจ.จันทบุรี ในการจัดสร้าง
เมื่อตรวจสอบความเกี่ยวพันธ์กันระหว่างมูลนิธิพุทธมณฑลจังหวัดจันทบุรี กับ หจก.สยามช่างบูรพา พบว่าในช่วงระหว่างปี 2553 – 2556 มูลนิธิพุทธมณฑลจังหวัดจันทบุรี เคยว่าจ้างให้ หจก.สยามช่างบูรพา รับเหมาก่อสร้างโครงการต่าง ๆ ภายในพุทธมณฑลหลายโครงการ อาทิ โครงการก่อสร้างแท่นพระ ซุ้มพระ อาคารหอประชุม อาคารเรือนอาหาร และ สุดท้ายโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานมูลนิธิฯที่กำลังถูกตรวจสอบดังกล่าว
ขณะที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บัญชาการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งรวบรวมและตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆทางคดีเพิ่มเติมเพื่อให้สำนวนคดีมีความรอบครอบ รวมถึงขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้ต้องหา ว่าเงินจำนวนกว่า 17 ล้านบาทนั้นถูกยักย้ายถ่ายเทไปที่ใดบ้าง โดยประสานความร่วมมือไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
@ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว
"ส่วนจะมีการขยายผลเอาผิดบุคคลอื่นๆเพิ่มเติมหรือดำเนินการเอาผิดเกี่ยวกับ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ด้วยหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานหากพบเชื่อมโยงถึงบุคคลใดหรือมีพยานหลักฐานยันชัดว่ามีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายโดยไม่มีข้อยกเว้น" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ผบก.ปปป.ระบุ
อ่านประกอบ :
- ผบช.ก.เปิดยุทธการ 'จันทบูร' บุกจับนายก อบจ.จันทบุรี - พระครูปลัดฯ ทุจริตเงินพุทธมณฑล
- หจก.เอี่ยวคดีทุจริตสร้างตึกมูลนิธิพุทธมณฑลจันทบุรี เพิ่งเลิกกิจการ ก.ย.64 - รายได้ 7.12 บ.
- ทรัพย์สิน นายก อบจ.จันทบุรี แจ้ง ป.ป.ช. 46.6 ล. ‘ตัวแสดง’ คดีงบฯมูลนิธิพุทธมณฑล
- ปล่อยตัวชั่วคราว! พระครูปลัดฯ-พวก คดีทุจริตเงินพุทธมณฑล ค้นบ้าน นายก อบจ.ยึดปืน 2 กระบอก
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/