"...จำเลยดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลกงไกรลาศ เป็นเวลากว่า 20 ปี การปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งของจำเลย น่าจะเป็นที่ยอมรับและไว้วางใจของประชาชน จึงได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนหลายวาระ ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการที่จำเลยขอเบิก เป็นค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทาง 270 บาท และค่าเช่าที่พัก 1,200 บาท รวมเป็นเงิน 1,470 บาท เป็นเงินจำนวนเล็กน้อย และจำเลยได้คืนเงินจำนวนดังกล่าว ให้แก่เทศบาลตำบลกงไกรลาศ ก่อนที่จะถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูล...เมื่อไม่ปรากฎว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุก ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี...."
.............................
เมื่อวันที่ 1 ส.ค.2562 พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ลงนามคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ สค33/2562 สั่งให้ นายชวนินทร์ เพมะ นายกเทศมนตรีตำบลกงไกรลาศ อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย พ้นจากตำแหน่งแล้ว โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 73 แห่ง พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ. 2496 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2552
คือ บทสรุปข่าวกรณีมีผู้ร้องเรียนแจ้งเข้ามายังสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ให้ช่วยตรวจสอบกรณี คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด นายชวนินทร์ เพมะ นายกเทศมนตรีตำบลกงไกรลาศ อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย เบิกจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงและค่าพักค้างแรม จำนวน 1,470 บาท เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2555 อันเป็นเท็จ พร้อมใช้อำนาจในตำแหน่งนายกเทศมนตรีอนุมัติให้การเบิกจ่ายให้แก่ตน และได้ส่งเรื่องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยดำเนินการตามหน้าที่ส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุดดำเนินคดีอาญาแล้ว แต่ทาง จังหวัดสุโขทัย ไม่ได้ดำเนินการลงโทษตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดังกล่าว กลับไปตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมาสอบซ้ำ ทั้งที่ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติชี้มูลความผิดไปแล้ว ซึ่งสำนักข่าวอิศรา ติดตามนำเสนอข่าวอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้
(อ่านประกอบ : มท.1 สั่งให้พ้นตำแหน่งแล้ว! บทสรุปคดี บิ๊กเทศบาลกงไกรลาศ เบิกจ่ายเท็จ 1,470 บ.)
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 6 มีคำพิพากษาลงโทษจำคุก นายชวนินทร์ เป็นระยะเวลา 5 ปี พร้อมปรับเงิน 1 หมื่นบาท ขณะที่ นายชวนินทร์ ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษเหลือ จำคุก 2 ปี 6 เดือน ปรับ 5 พันบาท เมื่อคำนึงถึงอายุ ประวัติ ความประพฤติ สติปัญญา การศึกษาอบรม ภาวะแห่งจิต สิ่งแวดล้อมและสภาพความผิดของจำเลย ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่ขอเบิกเป็นเงินจำนวนเล็กน้อย และได้คืนเงินจำนวนดังกล่าวแล้ว ก่อนที่จะถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูล จึงเห็นควรให้โอกาสกลับตนเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี
ปรากฎรายละเอียดทางคดีดังต่อไปนี้
- เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2561 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดทางอาญา นายชวนินทร์ ตามมาตรา 151, 157 และมาตรา 162 (1) (4) แห่งประมวลกฎหมายอาญา กรณีการจัดทำเอกสารหลักฐานและเบิกจ่ายเงินเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการเป็นเท็จ
- ต่อมาในช่วงปี 2562 คณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีเองโดยไม่ผ่านอัยการสูงสุด (อสส.)
- ศาลฯ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ขณะจำเลยดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลกงไกรลาศ อำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย มีอำนาจหน้าที่ในการสั่งอนุญาต และอนุมัติเกี่ยวกับราชการของเทศบาลรวมทั้งมีอำนาจหน้าที่ในการอนุมัติฎีกาเพื่อเบิกจ่ายเงินเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการของเทศบาลได้ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ระหว่างวันที่ 21 มิ.ย.2555 ถึงวันที่ 27 มิ.ย.2555 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน
เกี่ยวกับคดีนี้ จำเลยได้ออกเดินทางไปร่วมประชุมในวันที่ 26 มิ.ย.2555 โดย ออกเดินทางเวลา 4 นาฬิกา และไปถึงที่โรงแรมรีเจนท์ ลอร์ด สถานที่ใช้จัดประชุมเวลาประมาณ 7นาฬิกา แต่ไม่ได้เข่าร่วมประชุม และเดินทางกลับ และคืนวันที่ 25 มิ.ย.2555 จำเลยไม่ได้พักค้างคืนที่จังหวัดลำปาง
จำเลยจึงไม่มีสิทธิเบิกค่าเช่าที่พักในลักษณะเหมาจ่ายและไม่มีสิทธิเบิกค่าเบี้ยเลี้ยง
การที่จำเลยให้การรับรัองว่า จำเลยออกเดินทางจากสำนักงานตั้งแต่วันที่ 25 มิ.ย.2555 เวลา 8 นาฬิกา และกลับถึงสำนักงาน วันที่ 26 มิ.ย. 2555 เวลา 21 นาฬิกา รวมเวลาไปราชการ 1 วัน 13 ชั่วโมง ซึ่งใบเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการที่จำเลยรับรอง จึงมีรายละเอียดเกี่ยวกับวันเวลาออกเดินทางไปราชการ และระยะเวลาเดินทางไปราชการไม่ตรงต่อความเป็นจริง ซึ่งจำเลยมีหน้าที่รับรองเอกสารเพื่อใช้ประกอบการขออนุมัติเบิกค่าใช้จ่ายเดินทางไปราชการ ตามใบเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ จึงเป็นการรับรองเอกสารเป็นเท็จ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 162 (1) (4) และการที่จำเลยอนุมัติค่าใช้จ่ายเดินทางไปราชการและอนุมัติฎีกาเบิกเงินตามงบประมาณรายจ่ายส่งใช้เงินยืมให้แก่ตนเอง ซึ่งเป็นผู้ขอเบิกค่าใช้จ่ายเดินทางไปราชการโดยไม่มีสิทธิเบิกย่อมทำให้เทศบาลตำบลกงไกรลาศ ได้รับความเสียหาย ทั้งที่ จำเลยทราบว่าระยะเวลาเดินทางไปราชการไม่ถูกต้องและไม่มีสิทธิเบิก การกระทำของจำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157
พิพากษาลงโทษ
การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151, 157, 162 (1) (4)
การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามมาตรา 90 จำคุก 5 ปี ปรับ 10,000 บาท
จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน ปรับ 5,000 บาท
เมื่อคำนึงถึงอายุ ประวัติ ความประพฤติ สติปัญหา การศึกษาอบรม ภาวะแห่งจิต สิ่งแวดล้อมและสภาพความผิดของ จำเลยแล้ว
จำเลยดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลกงไกรลาศ เป็นเวลากว่า 20 ปี การปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งของจำเลย น่าจะเป็นที่ยอมรับและไว้วางใจของประชาชน จึงได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนหลายวาระ
ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการที่จำเลยขอเบิก เป็นค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทาง 270 บาท และค่าเช่าที่พัก 1,200 บาท รวมเป็นเงิน 1,470 บาท เป็นเงินจำนวนเล็กน้อย และจำเลยได้คืนเงินจำนวนดังกล่าว ให้แก่เทศบาลตำบลกงไกรลาศ ก่อนที่จะถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูล
เมื่อไม่ปรากฎว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุก ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมาย มาตรา 29 ,30
ทั้งนี้ ในฐานข้อมูลไม่ปรากฎว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีการยื่นเรื่องอุทธรณ์คดีในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกหรือไม่
แต่คำพิพากษาของศาลฯ ดังกล่าว น่าจะเป็นบทเรียนครั้งสำคัญ ของผู้บริหารท้องถิ่นในการทำเรื่องขอเบิกจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงและค่าพักค้างแรมในการเดินทางไปราชการต่างจังหวัด ได้อย่างดีอีกกรณีหนึ่ง
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/